ตอนที่ 265 แม่เลี้ยง
แม่หยางเดินอยู่บนถนนอย่างเหม่อลอย ด้านหลังกลับมีลุงของหยางหล่างเดินตามอยู่
” พี่สาว ผลการตัดสินออกมาแล้ว พี่เขยกับหยางหลางก็นับว่าได้รับบทเรียนแล้ว ครั้งนี้พวกเขาทำเรื่องไม่ระวังเกินไป หยางหลางติดคุกปีหนึ่ง พี่เขยติดแค่ครึ่งปี เวลาก็สั้นมากๆ ไม่นานก็ออกมาได้แล้วละ “
แม่หยางหันหน้ามามองลุงของหยางหลาง ใบหน้าขมขื่น ” ฉันก็รู้ว่าหยางโปจะไม่กลับมาแล้ว ! ไอ้เด็กสารเลว ตอนที่เสี่ยวหล่างกับพ่อของเขาด่าเขาแบบนี้ ฉันยังปกป้องเขา คิดดูแล้วการเลี้ยงดูเขามาหลายปีขนาดนี้มันเสียข้าวสุกจริงๆ ! “
คุณลุงยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย พอเนิ่นนานถึงค่อยเอ่ยปากกล่าว ” พี่สาว เรื่องครั้งนี้ เสี่ยวโปได้จัดการให้แล้วนะ “
” จัดการให้แล้ว ? ” แม่หยางกล่าวอย่างโมโห ” จัดการให้แล้ว ยังจะติดคุกเหรอ ? “
” ถ้าหากเขาไม่ได้จัดการให้ พวกนั้นจะไม่ได้ติดคุกแค่หนึ่งปีหรอกนะ ! ” คุณลุงเอ่ยเสียงหนัก
” พี่สาว หรือว่าพี่ยังไม่เข้าใจความจริง ? ” ลุงจ้องมองแม่หยาง ” เรื่องนี้เป็นพวกเขาพ่อลูกทำ แต่ในช่วงระยะนี้ อย่าบอกนะว่าพี่กล้าไปบอกกับฉันว่าพี่ไม่ได้บังคับเสี่ยวโป ? ถ้าหากพวกพี่ไม่ได้บังคับ อย่าบอกนะว่าเขาทำแบบนี้เอง ? “
” เสี่ยวโปเป็นเด็กกตัญญู ทำเรื่องอะไร ในใจเขาย่อมรู้ดี ! ตอนเดือนพฤษภา เขาเก็บเงินมาช่วยค่ารักษาของพี่เขย ช่วงนั้นพวกพี่ทั้งบ้านไม่ดีใจมากหรอกเหรอ ทำไมเวลาสั้นๆ แค่สามเดือนถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ นี่ควรจะต้องโทษใคร ? “
แม่หยางฟังคำพูดของลุงแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เธอส่ายหน้าพลางยิ้มขมขื่น ” ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ ! “
” พี่เขยโลภไม่มีสิ้นสุด เสี่ยวหลางก็เติมเชื้อไฟ แต่พี่กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ วิธีการของพวกเขาทำให้เสี่ยวโปผิดหวังก็ไม่แปลก ! ” ลุงเอ่ยโทษ
” ผมก็คิดไม่ถึงว่าพี่เขยจะทำถึงขั้นนี้ ถึงกับคิดจะขโมยของของหยางโป ! หรือว่าเขาคิดว่านี่ไม่ใช่การขโมย ? อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าเสี่ยวโปจะไม่กล้าแจ้งความ ? เขาทำแบบนี้ คิดจะทำลายความสัมพันธ์กับหยางโปแล้วล่ะแบบนี้ ! ” ลุงเอ่ยอย่างขื่นขม
แม่หยางจ้องมองถนนใหญ่ตรงหน้า มองแนวต้นไม้ที่อยู่ข้างถนน นัยน์ตาสับสนไร้หนทาง
” พี่สาว ไปเถอะ พวกเรากลับบ้านกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ” ลุงเอ่ย
” ไม่ ฉันจะรอเสี่ยวหลาง ” แม่หยางกล่าว
” พี่รอไม่ได้แล้ว ไม่ต้องรออีกแล้ว ! “
” ฉันจะรอเขา ฉันจะรอเขา ! “
….
หลีหมิ่นนั่งอยู่ในบ้าน คิดถึงเรื่องที่ชุยซื่อหยวนบอกกับตัวเองวันนั้น ก็โมโหอย่างที่สุด ก่อนหน้าที่เหล่าชุยจะแต่งงาน ถึงกับมีลูกนอกสมรส ! ยี่สิบปีมานี้ เขาถึงกับไม่อธิบายสักประโยค ทั้งยังลอบคิดจะตามหาลูกนอกสมรสคนนั้นกลับมา นี่มันจะรังแกคนมากกันเกินไปแล้ว !
เพราะว่าเหล่าชุยได้รับบาดเจ็บจนเป็นหมันไปนานแล้ว ยี่สิบปีมานี้ตัวเธอเองติดตามเขามาตลอด จนไม่มีสิทธิได้ทำหน้าที่ของภรรยา ไม่มีลูกหลานไว้คอยดูแล ทุกครั้งที่มองเห็นเด็กของบ้านอื่นวิ่งเล่นสนุก เธอก็หวังจะมีลูกเป็นของตนเองบ้าง เด็กคนนี้ไม่ต้องเฉลียวฉลาด ไม่ต้องน่ารักใคร่เอ็นดูนักก็ได้ !
เธออายุมากขนาดนี้แล้ว เธอจึงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้แล้ว แต่เหล่าชุยจู่ๆ ก็มีลูกชายอายุยี่สิบปีคนหนึ่ง ! นี่มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย เธอเฝ้ารอด้วยเลือดเนื้อมายี่สิบปี ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็กลายเป็นศูนย์ไปจนหมดสิ้น !
เธอคิดจะให้ห้าวซวนเขามาดูแลยามแก่เฒ่า ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ได้รับภัยคุกคามอย่างร้ายแรงแล้ว ! หลังจากคุณพ่อของเธอจากโลกนี้ไป บ้านเดิมก็ค่อยๆ ตกต่ำลง ถึงแม้ครอบครัวจะยังร่ำรวยล้นเหลือ แต่ถ้าหากไม่มีผู้สนับสนุนที่มีพลังอำนาจ ก็จะกลายเป็นเนื้ออ้วนๆ ก้อนหนึ่งให้คนมาหาประโยชน์ !
คิดมาถึงตรงนี้ หลี่หมิ่นก็สั่นเทาด้วยความกลัว !
หลี่หมิ่นลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือ เธอจะต้องลงมือ เธอจะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆไม่ได้ หยางโปเป็นลูกชาย หลานชายของตระกูลชุย แต่กลับไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ นั่นไม่ใช่ลูกชายของเธอ !
เธอโทรศัพท์หาน้องชายซ่งฉีหู่ ในน้ำเสียงของซ่งฉีหู่แฝงไปด้วยความรับไม่ได้หลายส่วน ทำให้หลี่หมิ่นโมโหมาก
เธอจึงไปหาน้องชายถึงที่บ้าน หลี่หมิ่นนั่งลงดื่มชาไปอึกหนึ่งแล้วก็เอ่ยปากทันทีว่า ” ชุยซื่อหยวนมีลูกนอกสมรสก่อนจะแต่งงาน และมีลูกอายุได้ยี่สิบปีแล้ว ! “
ซ่งฉีหู่เดิมกำลังเอนอยู่บนโซฟา พอได้ยินคำนี้ก็ลุกขึ้นยืนดัง ” ฟึบ ” ” อะไรนะ ? ชุยซื่อหยวนเขามีลูกชาย ! “
หลี่หมิ่นไม่ได้เอ่ยปาก สายตาจ้องมองไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย
ซ่งฉีหู่พลันโมโหขึ้นมา ” ชุยซื่อหยวนนะชุยซื่อหยวน เขาทนมาได้จริงๆ หลายปีขนาดนี้แล้ว เขาถึงกับไม่ได้พูดออกมาสักคำ ! “
” ถ้าหากทนไม่ได้ เขาจะปีนป่านได้เร็วขนาดนี้ได้ยังไง ? ” หลี่หมิ่นกล่าว
ซ่งฉีหู่ได้ยินคำพูดนี้ก็พลันโกรธเกรี้ยว ถึงแม้ครอบครัวจะร่ำรวยเป็นร้อยล้าน แต่ชุยซื่อหยวนอยู่ตำแหน่งสูงส่งแล้ว ทรัพย์สินเพียงเท่านี้ในสายตาของชุยซื่อหยวนแล้วก็ไม่มากเท่าไหร่ ! อีกอย่างตั้งแต่หลายปีก่อนที่ตำแหน่งของชุยซื่อหยวนจะสูงขึ้น ตอนที่เขาพูดคุยกับชุยซื่อหยวนก็ไม่กล้าทำตามใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
” พี่สาว พี่ว่ามาเถอะ พวกเราควรจะทำยังไง ! ” ซ่งฉีหู่หันกลับมามอง เขารู้และเห็นด้วยกับแผนการของพี่สาว ห้าวซวน เป็นเลือดเนื้อเพียงคนเดียวของตระกูลซ่ง มีแค่สืบทอดเส้นสายความสัมพันธ์ของชุยซื่อหยวน และติดตามอยู่ด้านหลังชุยซื่อหยวนถึงจะสามารถรับประกันการเติบโตในอนาคตของตระกูลซ่งได้ !
” ถ้าหากฉันรู้ว่าควรจะทำยังไง ฉันจะยังมาหานายเหรอ ? ” หลี่หมิ่นส่ายหน้า เอนตัวบนโซฟา เธอรู้สึกจนปัญญา พวกเขามีแค่พี่สาวและน้องชายสองคน เธอใช้แซ่ตามมารดา นิสัยก็แทบไม่ต่างกับแม่แท้ๆ ซ่งฉีหู่ใช้แซ่ตามบิดา นิสัยก็แทบจะเหมือนพ่อแท้ๆ มีความอารมณ์ร้อนสายหนึ่ง สมองก็ไม่ทำงาน !
เขาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหลี่หมิ่นก็เอ่ยว่า ” ยังดีที่ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้นับญาติกัน พวกเรายังมีโอกาสขัดขวางได้อยู่ ! “
” ไม่ได้นับญาติกัน ? นี่เป็นไปได้ยังไง ? อย่าบอกนะว่าพี่เขยยังสืบเรื่องเด็กคนนั้นอยู่ ? ” ซ่งฉีหู่กล่าวอย่างสงสัย
” เป็นเด็กคนนั้นที่ไม่ยอม ” หลี่หมิ่นเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี
ซ่งฉีหู่ประหลาดใจ ” เป็นไปได้ยังไง ? ตระกูลชุยมีอิทธิพลมากขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าเขาไม่รู้จัก พอนับญาติแล้วเขาก็จะได้รับการช่วยเหลือมากมายเลยนะ ? เด็กคนนี้โง่หรือยังไง ? “
กล่าวจบ ซ่งฉีหู่ถึงกับหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา
หลี่หมิ่นมองซ่งฉีหู่ เธอส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ เธอก็ไม่รู้เหตุผลที่หยางโปไม่นับญาติ แต่เธอรู้ว่าโอกาสที่ตนเองจะขัดขวางมีไม่มาก อีกทั้งยังไม่สามารถให้ตาแก่รู้เรื่องนี้ได้ ยังไงก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลชุย !
” ฉันจะบอกชื่อเขาให้นาย นายไปสืบมาหน่อย สืบประวัติความเป็นมาของเขาให้ละเอียด พวกเราจะต้องรู้ประวัติตั้งแต่เด็กจนโตของเขา ! ” หลี่หมิ่นกล่าว
ซ่งฉีหู่พยักหน้า ” พี่ไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรเหรอ ? เขายังเรียนอยู่ไหม ? “
” ไม่ได้เรียน พอจบมัธยมปลายแล้วเขาก็ไม่ได้เรียนต่อ น่าจะเปิดร้านของโบราณอยู่ที่จินหลิง เหล่าชุยอยากจะส่งเขาไปเรียนปริญญาโทด้านโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่เขาเหมือนจะปฏิเสธ ” หลี่หมิ่นกล่าว
ซ่งฉีหู่พยักหน้า ” อื้ม นิสัยแข็งกร้าวแบบนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็มีแผนการอยู่ ทำแบบนี้เขาอยากจะโก่งค่าเลี้ยงดูเหรอ ? “
หลี่หมิ่นส่ายหน้า ” เขาจัดการไม่ได้มากขนาดนี้หรอก ช่วงนี้นายก็เตือน ห้าวซวน หน่อยอย่าไปก่อเรื่องมั่วผู้หญิงพวกนั้นข้างนอก ถ้าหากเขากล้าก่อเรื่องใหญ่อีก ครั้งนี้จะต้องไม่มีคนช่วยเขาแน่ เหล่าชุยมีลูกชายแท้ๆของเขาแล้ว เขาจะยังสนใจ ห้าวซวน อีกเหรอ ? “
ซ่งฉีหู่พยักหน้า ” ได้ ! “