ตอนที่ 274 ความจริง
ตลอดทั้งคืน หยางโปได้ยินเสียงพลิกไปพลิกมา
ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ทั้งสี่คนก็ลุกขึ้นจากที่นอน ทุกคนเพิ่งจะล้างหน้าล้างตาและเห็นว่า ชุยอี้ฝานมาแล้ว
“ไป พวกเราไปทานมื้อเช้ากันเถอะ “
ทานมื้อเช้าในโรงอาหารด้านหลังอาคารเล็กๆสองชั้น กูจาได้เตรียมกัวปาโย๋เฝิ่น บะหมี่ผัดข้าวโอ๊ตเอาไว้แล้ว เพียงแต่ว่าทั้งสี่คนจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว เลยไม่รู้สึกอยากอาหารมากนัก
ชุยอี้ฝาน มองดู หยางโปแล้วขมวดคิ้ว ” ผมได้ติดต่อธนาคารไปแล้ว และที่สถานีตำรวจยังคงสืบสวนคดีนี้อยู่ ตอนเย็นๆน่าจะหาเจอ พวกเรากินมื้อเย็นเสร็จแล้วค่อยไปดูก็แล้วกัน ! “
หยางโปพยักหน้า ” ขอบใจมากเลย “
” คนกันเอง ใช่คนอื่นคนไกลกันซะที่ไหน ” ชุยอี้ฝานกล่าว ” จริงสิ อารองบอกว่าเขาจะโทรหาคุณในภายหลัง คุณมีเบอร์โทรเขาไหม ? “
หยางโปตกตะลึงเล็กน้อย ” มี ! “
สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลจากเทศบาล สถานีตำรวจไม่ใหญ่มากนัก สภาพด้านในก็รู้ๆกันอยู่ ผู้คนขวักไขว่กันไปมา เห็นชายหน้าดำคนหนึ่ง กำลังค้นหาข้อมูลที่ตู้เอกสาร
ชายหน้าดำมองไปที่ฝูงชน รอสักครู่ ผมกำลังจะหามันเจอแล้ว
ชุยอี้ฝานกล่าว ” ดี หม่าซั่ว ลำบากหน่อยนะ “
ชายหน้าดำยังคงค้นหาต่อไปและในไม่ช้าเขาก็เข้ามาพร้อมกับแฟ้มสีน้ำเงิน หาเจอแล้ว !
หยางโปและคนอื่นๆ ก็รีบเอาแฟ้มออกมาดู จ่าหม่าซั่วอธิบายอยู่ข้างๆ ” นี้เป็นบันทึกแจ้งความในเวลานั้น เพียงเพราะว่าเป็นคดีที่แปลกประหลาดเกินไป พวกเราตรวจสอบไปซักพักหนึ่งโดยไม่มีร่องรอยหลักฐานใดๆ ดังนั้นจึงถูกปิดคดี “
ทันใดนั้นหยางโปก็จับได้ประเด็นทั้งหมด ” แปลกเหรอ ? “
จ่าหม่าซั่วพยักหน้า “ใช่ มันแปลกมากๆ ! “
” คนที่มาแจ้วความบอกว่า หลังจากพ่อของเขาซื้อแผนที่ขุมทรัพย์ เขาก็ตอบรับคำเชิญและรีบไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย แต่หลังจากพ่อของเขาออกจากหมู่บ้านชื่อสุ่ย เขาก็กลับบ้านและเสียชีวิตทันทีโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยว่า ที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย ใช้มนต์ดำและสาปแช่งพ่อของเขา ! ” จ่าหม่าซั่ว กล่าวอธิบาย
หยางโปตกตะลึง เหตุผลเหล่านี้ฟังดูแปลกๆ ยังไงก็ตามจากประสบการณ์ส่วนตัวเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ไม่มีข้อสงสัย ” แผนที่ขุมทรัพย์ ? คำสาป ? “
จ่าหมาซั่วพยักหน้า ” พวกเราไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ย เพื่อตรวจสอบ แต่พวกเขาบอกว่าหลังจาก พวกเขามาถึงหมู่บ้านชื่อสุ่ย ชูหนีให้เหวยทูแก่พวกเขาคนละอันเพื่อเป็นเครื่องรางนำโชคหลังจากนั้นก็จากไป “
” เหวยทู ? ” หยางโปและอีกสามคนจ้องมองกันและกันด้วยความตกใจ
จ่าหม่าซั่วเมื่อเห็นห่วงโซ่ทองแดงที่หยางโปและลัวย่าวหัวห้อยอยู่ ก็ตกใจทันที ” เหวยทู ! พวกคุณเพิ่งออกมาจากหมู่บ้านชื่อสุ่ยเหรอ ? “
ลัวย่าวหัวพยักหน้าแบบไม่รู้ตัว
จ่าหม่าซั่วก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขามองไปที่ชุยอี้ฝาน ” ท่านนายกชุย ไม่ใช่ว่าผมจะโฆษณาความงมงายในระบบศักดินา พวกเราชาวยี่มีความเคารพอย่างมากต่อชูหนีในเผ่า พวกเขาเป็นศาสดาในเผ่าของเรา เท่าที่ผมรู้ เหวยทูคือเครื่องรางชนิดหนึ่ง แต่ถ้าในระหว่างกระบวนการปลุกเสก หากมีจิตรอาฆาตพยาบาท จะเกิดปัญหาขึ้นทันที “
ทันใดนั้น หยางโปก็ถึงกับตกตะลึง เขาจ้องไปที่ เหวยทู ต่อหน้าต่อตา เมื่อวานนี้ที่เขาเห็น แรกๆก็ไม่เจอปัญหาใดๆ แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ กลับพบว่าเขาเห็นควันดำโพยพุ่งขึ้นออกมาจาก เหวยทู !
หยางโปถอดเหวยทู แล้ววางมันลงบนโต๊ะ ” พวกคุณเคยเห็นเหวยทู แบบนี้มาก่อนไหม ? “
จ่าหม่าซั่วส่ายหน้า ” ไม่ ผมทำมันหายหลังจากเกิดอุบัติเหตุก็ไม่เห็นอีกเลย “
หยางโปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและมองไปที่ทั้งสามคน ” ถอดออกเถอะ ผมรู้สึกว่ามันผิดปกติ “
เมื่อถอดเหวยทู มือถือของ หลูตงซิง ก็ดังขึ้น เขามองดู ” ฉินโถว “
พูดจบ เขาหันหลังแล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก
ชุยอี้ฝานมองดูหยางโป ” คุณโอเคไหม ? “
หยางโปส่ายหน้า ยิ้มแล้วกล่าว ” คุณวางใจได้ ผมโอเค “
ชุยอี้ฝาน ลังเลเล็กน้อย ” หลังจากนี้อีกไม่นาน อารองอาจโทรหาผมอีกครั้ง ผมจะบอกเขาถึงเรื่องเหล่านี้ตามความเป็นจริง ผมหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ “
หยางโปส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก
หลูตงซิง วางสายและพูดกับทุกคนว่า ออกไปกันเถอะ , ฉินโถวมาถึงแล้ว
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจไปที่ถนนสายกลาง หยางโปก็เห็นรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา ในไม่ช้า ก็มาหยุดต่อหน้าพวกเขา
ฉินโถวมีรูปร่างผอมและเคราแพะบนคางของเขาพลิ้วไหวไปตามลม เขาเดินเข้ามาและพยักหน้าให้ หลูตงซิง
” เถ้าแก่หลู เราได้พบกันอีกครั้งแล้ว “
หลูตงซิงก็พยักหน้า พร้อมกับยื่นมือออกไปจับมือทักทายกัน ” คราวนี้ต้องถึงมืออาจารย์ฉินแล้ว “
ฉินโถวหันหน้ากลับไปมองแล้วเห็นว่าจ่าหม่าซั่วอยู่ข้างๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ชุยอี้ฝานสังเกตท่าทีของทุกคน เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ ในใจก็รีบร้อนและเขาก็รีบดึงจ่าหม่าซั่วออกมา ยิ้มแล้วกล่าว ” พวกคุณพูดคุณกันเถอะ ผมและจ่าหม่าซั่วยังมีงานที่ต้องทำอีก “
” โอเค เดินทางดีๆนะครับ ” หลูตงซิงกล่าว
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินออกไป อาจารย์ฉินค่อยโล่งใจ ” เถ้าแก่หลู พวกเรามาหาที่นั่งคุยอธิบายรายละเอียดกันเถอะ “
หลูตงซิงพยักหน้า ทั้งคู่ขับรถออกมาจากเมืองเค่อเล่อ รวมตัวกันในทุ่งโล่งด้านนอก
หลูตงซิงอธิบายสถานการณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ให้ฟัง ทั้งยังเอาเหวยทูส่งให้อาจารย์ฉินโถว ” อาจารย์คิดว่ายังไง ? “
ฉินโถวหยิบเหวยทูเขย่าเล็กน้อย ” พวกคุณให้แผนที่กับเขาไปเหรอ ? “
หลูตงซิงพยักหน้า ” ถูกเขาเอาไป “
ฉินโถวสัมผัส เหวยทู และเขาหยิบเหรียญโบราณออกมาและขว้างมัน แล้วจึงกล่าว ” เหวยทูนี้ไม่ควรสวมใส่มัน ถึงแม้ว่า เหวยทูจะช่วยคุณแก้ปัญหาเรื่องโชคร้ายได้ แต่มันจะนำอันตรายที่ซ่อนอยู่มาให้มากขึ้น ! “
ทั้งสี่คนล้วนหันมามองที่ฉินโถว หลูตงซิงถาม ” อาจารย์ฉิน คุณรู้จักซูหนีในหมู่บ้านชื่อสุ่ยไหม ? “
ฉินโถวตกตะลึง ” ทุกๆเผ่าย่อมมีซูหนี ตอนนี้เผ่าต่างๆ ได้เลิกการสืบสารวัฒนธรรมแล้ว ถ้านี่เป็นชนเผ่าชื่อสุ่ยจริงๆ อย่างนั้นผมก็รู้จักดี “
ทุกคนล้วนตกใจ หยางโปสังเกตเห็นว่าอาจารย์ฉินกำมืออย่างแน่น เส้นเลือดที่ข้อมือปูดขึ้นและดูเหมือนว่ามีความโกรธที่รุนแรงมาก
” อาจารย์ฉิน พวกเราร่วมมือกันมาหลายปี และครั้งนี้ พวกเราเชื่อมั่นในตัวคุณมาก แต่คุณได้ชักจูงให้เราทำเรื่องนี้ ! “
หลูตงซิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของ ฉินโถว และดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนไป
รอยยิ้มบนใบหน้าฉินโถวนั้นช่างน่ากลัวเสียจริงๆ และค่อยๆผ่อนคลายลง ” เถ้าแก่หลู พวกคุณสามารถมั่นใจได้เลยว่า อันที่จริงแล้วโชคร้ายของพวกคุณเมื่อก่อนไม่ได้ร้ายแรง แม้จะไม่มีกระบี่ไม้ท้อ พวกคุณก็ยังสามารถมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ความโชคร้ายเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดให้พวกคุณมาที่นี่ ในเรื่องนี้คุณอย่าไปตำหนิหลวงจีนลึกลับนั้นเลยผมบังคับให้เขาทำแบบนั้น “
” ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง แม้ว่าจะไม่ได้ส่งแผนที่ขุมทรัพย์กลับมา พวกเราก็จะปลอดภัยไม่ได้มีผลกระทบใดๆอย่างนั้นเหรอ ” หยางโปเอ่ยปากถาม
อาจารย์ฉินพยักหน้า ทั้งยังหันไปมองหยางโป ” มันเป็นความจริงที่ว่าวิสัยทัศน์ของผมนั้นถูกต้อง พวกคุณแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปจริงๆ ถึงแม้ว่าชายชราที่ตายไปแล้วจะมีเหวยทูที่ทรงพลังมาก คุณก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย “