ตอนที่ 278 การเดินทางกลับ
เมื่อกลับเข้าไปในเมือง หยางโปและพรรคพวกก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้วไปหาโหยวเสียวอู่สือ ที่ ฉินโถวพามา
แต่กลับพบว่าเขาออกไปแล้ว มองหายังไงก็ไม่เห็น สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าฉินโถวเตรียมการมาเป็นเวลานาน
ชุยอี้ฝานมองไปที่หยางโป ” คุณอาโทรหาคุณ ทำไมคุณถึงไม่รับสาย ? “
หยางโปลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะเขาจำได้ว่ามีเบอร์แปลกๆจากปักกิ่ง เขาจำต้องตอบว่า ” ฉันไม่ได้สังเกต “
ชุยอี้ฝานทำอะไรไม่ถูกและมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะฝืนใจ เขาจำต้องพูดว่า ” เอาล่ะผมจะโทรกลับหาเขา “
พูดจบ ชุยอี้ฝานก็โทรกลับไป
จ่าหม่าซั่วก็รีบร้อน โดยพาเจ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจสองสามคนออกไป และรีบไปที่หมู่บ้านชื่อสุ่ยอีกครั้ง
ทั้งสี่คนเหนื่อยเล็กน้อยและไม่มีใครพูดถึงสมบัติของอาณาจักรเย่หลาง ซูหนีทำให้ทุกคนเหนื่อยมามาก ทั้งสี่คนพูดคุยกันเพื่อตัดสินใจ
เมื่อชุยอี้ฝาน โทรศัพท์เสร็จ หยางโปก็หันไปกล่าวกับเขา ” พวกเราจะเข้าไปในเมืองเพื่อพักผ่อน ที่นี่ไม่สะดวก สองวันนี้เราทุกคนจะอยู่ที่ในเมือง “
ชุยอี้ฝานพยักหน้า ” แบบนี้ก็ดี พวกเราอย่าพลาดการติดต่อกันนะ ! “
หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า ทั้งสี่คนก็กลับมาถึงในเมือง บอดี้การ์ดของหลู่ตงซิงได้ติดตามมา ในเวลานี้ไม่มีงานอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้เปิดห้องเอาไว้แล้ว
เมื่อกลับมาถึงห้องหัวถึงหมอนก็หลับไปตลอดจนถึงช่วงบ่าย ชุยอี้ฝานก็โทรมาหาเขา หยางโปงัวเงียคลำหามือถือ
” ตำรวจพบกองเลือดใต้หน้าผา มีแม่น้ำอยู่ด้านล่าง แต่ยังไม่พบศพ พวกเขาจะปิดคดีในอีกไม่กี่วัน พวกคุณสามารถวางใจได้เลย ! ” ชุยอี้ฝานกล่าว
หยางโปตอบกลับไปหนึ่งประโยคแล้วจึงวางสาย
หลังจากนั้นไม่นาน หยางโปก็ตื่นขึ้นมาโดยคิดว่าซูหนีเสียชีวิตแล้ว เมื่อคิดถึงสิ่งต่างๆ มากมาย ที่เคยพบมาก่อน อย่างไม่มีคำตอบ เขาอดคิดไม่ได้ว่าซูหนีเป็นอาชีพที่เก่าแก่มาก ทำไมสายนี้ถึงเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มาก มันยังคงมีคำสาปโบราณอยู่อย่างนั้นเหรอ ?
ก่อนหน้านี้ อาซาน พูดถึงแผนที่ ที่ถูกพบในบ้านของอาซาน แผนที่เลือดเป็นของจริงหรือของปลอม ? ตอนนี้ยังมีแผนที่อยู่ที่ไหนอีกไหม ? ซูหนีขุดสมบัติของอาณาจักรเย่หลางขึ้นมาแล้วรึยัง จะเอาโบราณวัตถุของอาณาจักรเย่หลางมากมายไปได้ยังไง ?
ในขณะที่ไตร่ตรอง หยางโปก็มีเบอร์แปลกจากปักกิ่งโทรมาอีกครั้ง หยางโปลังเลอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ดูหมายเลขนั้น ก่อนจะกดปุ่มรับโทรศัพท์
” เสี่ยวโป ฉันคือชุยซื่อหยวน ” ชุยซื่อหยวนกล่าว
” อืม ” หยางโปตอบกลับ
ชุยซื่อหยวนทำอะไรไม่ถูก เขารู้ว่าตนเองยังมีหนทางอีกยาวไกล ” อี้ฝานโทรมาหาฉันแล้ว ลูกสบายดีไหม ? ไม่มีอะไรเป็นอันตรายใช่ไหม ? “
หยางโปตกตะลึง เขารู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่ก็ยังสงวนท่าทีอยู่ ” อืม โอเค “
ชุยซื่อหยวนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เพียงกล่าวต่อไป ” งั้นก็ดีๆ ได้ยินอี้ฝานพูดถึงความชั่วร้ายแบบนั้น แต่ฉันก็เคยทำงานที่นั่นมาระยะหนึ่งและมีบางสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ “
” อืม ” หยางโปตอบ
” ลูกอยู่ที่นั่นสองวันค่อยกลับมาและใส่ใจความปลอดภัยด้วยนะ ” ชุยซื่อหยวนกล่าวเตือนสติ
” อืม ” หยางโปตอบ
ชุยซื่อหยวนทำอะไรไม่ถูก เขาทำได้เพียงแค่กล่าวคำอำลาแล้วจึงวางสาย
หยางโปนอนอยู่บนเตียง แต่ก็นอนไม่หลับได้อีกต่อไป เขาหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลัง แล้วพลิกอ่าน
ข้อความถูกเขียนด้วยตัวอักษรอี้ หยางโปไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเลิกอ่าน พลิกดูผ่านไปครึ่งเล่ม
ทันใดนั้น หยางโปก็หยุด เพราะเขาพบภาพประกอบที่เรียบง่ายมาก
จากนั้นก็มีอีกรูปซึ่งดูง่ายมากเช่นกัน
มันมีมากกว่าสิบบท กระดาษทุกแผ่นมีลายเส้นที่แม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่หยางโปรู้สึกเสมอว่ามันอาจจะมีปริศนาในภาพก็ได้ !
หลังจากมองดูเป็นเวลานาน หยางโปก็ไม่เข้าใจความหมายของภาพเหล่านี้ เขาทำได้แค่จดจำมันเอาไว้
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนก็มารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นและทานอาหารเย็นด้วยกัน
เมื่อเห็นว่าลัวย่าวหัวดูไม่มีความสุข หลู่ตงซิงก็หัวเราะ ” เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีกำไร มันเป็นเรื่องผิดปกติถ้าคุณสามารถทำกำไรได้มากทุกครั้ง นั้นหมายความว่าคุณยังมาได้ไม่ไกล ( ยังอ่อนหัด )
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับปัญหานี้ ผมแค่คิดว่าชาวยี่ไม่ได้มี ‘ เทศกาลจับนมสาว ‘เหรอ ? “
โอ้ ! หยางโปจิบชาอยู่แล้วพ่นออกมาทันที โชคดีที่เขาหันไปทางอื่นทันก่อนที่จะพ่นเข้าไปในพื้นที่เปิดโล่งด้านหลังของเขา
ลัวย่าวหัวรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ” ฉันค้นหามาแล้วและดูเหมือนว่าชาวอี้จะมีเทศกาลแบบนี้อยู่จริง ๆ “
” นักข่าวเหล่านั้นชั่งไร้ยางอาย ! ” หลู่ตงซิงด่าด้วยรอยยิ้ม ” ของแบบนี้อาจเกิดขึ้นมาในสมัยก่อน แต่สังคมยุคสมัยใหม่อาจจะยอมรับมันได้รึเปล่า ? “
ลัวย่าวหัวตกตะลึงแล้วตอบกลับ ” ก็ใช่ นายมองหาอะไรเปล่าประโยชน์อยู่ทั้งวัน “
หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ ” นายสามารถไขปัญหาได้บนถนน “
ลัวย่าวหัวชำเลืองมอง ” ฉันไม่ใช่คนชิลๆ ! “
ตาอ้วนหลิวหัวเราะ ” ถ้านายชิลๆขึ้นมาก็ไม่ใช่คนแล้ว “
ลัวย่าวหัวเหลือบมองตาอ้วนหลิว ” คอยดูเถอะ กลับไปแล้วฉันจะไม่พานายไปเที่ยวอีกต่อไป ! “
ตาอ้วนหลิวยิ้มแล้วกล่าว ” เดี๋ยวนะ ปกติแล้ว ใครพาใครไปกันแน่ ? “
ลัวย่าวหัวตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ” ดี ตายแน่ นายอยู่ที่นี่คอยดูฉันก็แล้วกัน คอยดูเถอะ รอให้ฉันกลับไปปักกิ่งก่อน ฉันจะทำให้นายขี้เหร่ตายแน่ ! “
” ไม่เหมือนตอนนี้เหรอ ? ทำไมต้องกลับไปปักกิ่ง ? “
….
ล้อเล่นกันไป จนทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เมื่อได้ยินว่าหยางโปบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติที่นี่ ทุกคนก็อยากออกไปในวันพรุ่งนี้ หยางโปก็ไม่ได้คัดค้านและเขาก็อยากออกไปจากที่นี่เร็วๆ
วันรุ่งขึ้นพวกเขาก็ นั่งรถ ต่อเครื่อง แล้วนั่งรถ หลังจากต่ออะไรหลายครั้ง ท้ายที่สุดทั้งสามก็กลับมาสู่เมืองหลวงในเวลานี้มันเกือบจะถึงเทศกาลตรุษจีนและห้างสรรพสินค้าก็เต็มไปด้วยบรรยากาศเทศกาลปีใหม่
หลังจากหยางโปกลับไปสู่ปักกิ่ง เขาก็เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่วิ่งเข้าไปในห้องสมุดและถือหนังสือเล่มนั้นเอามาเปรียบเทียบคำต่อคำ นี่ทำให้หยางโปเข้าใจหนังสือเล่มนี้มันเป็นบันทึกการสำรวจซากปรักหักพังของ อาณาจักรเย่หลาง !
เพียงแต่มันเป็นบันทึกที่ยาวเกินไป หยางโปใช่เวลาแปลเป็นชั่วโมงแต่ก็แปลไม่ค่อยออก ได้แต่เพียงค่อยๆแปล
ลัวย่าวหัวกลับบ้านและพักอยู่สองวัน แล้วจึงมาที่ลานบ้านเพื่อมาหาหยางโป เดินเข้าไปในลานบ้านเห็นหิมะกระจัด กระจายอยู่ที่ลานบ้าน เขาทำอะไรไม่ถูก ” นายไม่กวาดหิมะเลยเหรอ ? “
หยางโปมองไปรอบๆ ” ไม่ต้องกวาด มันน่าจะละลายในไม่ช้า “
” ขี้เกียจจริงๆเลย ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว ” ถ้าฉันรู้มาก่อน ฉันจะไม่ขอร่วมมือกับนาย นายขี้เกียจมาก หากมีธุรกิจในอนาคตนายจะไม่ทำให้ฉันเหนื่อยตายเลยเหรอ ? “
” จะโทษฉันเหรอ ? ” หยางโปยิ้มและมองดู
ลัวย่าวหัวทำอะไรไม่ถูกแล้วส่ายหน้า ” โรงประมูลจะเปิดในปีหน้าและนายจะยุ่ง เมื่อพวกเขาเห็นว่านายป็นเจ้านายที่ไม่เรียบร้อยบางทีพวกเขาอาจจะสงสัยขึ้นมาก็ได้ “
” ไม่มีทาง นายวางใจได้เลย ” หยางโปหัวเราะ
ลัวย่าวหัวส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น ” โรงประมูลนี้คือทุกอย่างของฉัน ฉันหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จ ! “
” นายวางใจได้เลย มันจะไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน ” หยางโปกล่าว