เปลวไฟในม่านหมอก – ตอนที่ 13 ได้ยินเต็มสองหู

ศีรษะของหญิงสาวหมุนคว้าง เพดานกับพื้นเหมือนมันหกคะเมนตีลังกาสลับที่ทางกันได้ เธอรู้สึกหายใจขัดไม่สามารถสูดลมเข้าปอดได้เต็มที่นัก หน้าอกแน่นราวมีของหนักทับ แล้วค่อยทรุดลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

ใครบางคนเข้ามาช้อนอุ้ม ใครบางคนนั้นเรียกเธอด้วยน้ำเสียงร้อนรนห่วงใย

“ หมอก เป็นอะไร ลืมตาสิหมอก ! ” เธอฝืนลืมตามามอง แม้ภาพคนคนนั้นจะพร่าเบลอ ทว่าเธอรับรู้มันได้ด้วยหัวใจ

“ ไฟ… ”

เธอร่ำเรียกออกมาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มผุดพรายบนเรียวปากอวบอิ่ม ก่อนภาพเบื้องหน้าจะดับมืดลง

***

ร่างบอบบางบนเตียงผู้ป่วยสีขาวสะอาดในห้องพิเศษค่อยขยับ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างยากเย็น เสียงใคร สักคนในนั้นเอ่ยทักทายทันที

“ รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ คุณอวัศยา อยากดื่มน้ำไหมคะ จะได้สดชื่น ” อวัศยาหันไปมองต้นเสียงอย่างงุนงง พบว่าเธอสวมชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ใบหน้าสะสวยแย้มยิ้ม หญิงสาวจึงพยักหน้ารับ อีกฝ่ายรีบกุลีกุจอมาพยุงเธอให้ลุกขึ้นนั่งแล้วจรดแก้วน้ำไปยังริมฝีปากแห้งผาก

“ ค่อย ๆ ดื่มนะคะ เดี๋ยวจะสำลัก ” พยาบาลคนสวยเอ่ยบอก อวัศยาจึงค่อยดื่มน้ำเข้าไปทีละนิดจนเกือบครึ่งแก้ว

“ พอแล้วค่ะ ” เธอผละออกจากแก้วน้ำ อีกฝ่ายปรับเตียงนอนส่วนศีรษะให้สูงขึ้นจนกลายเป็นพนักพิงเอนกึ่งนั่งกึ่งนอนได้ แล้วผ่อนร่างของเธอลง

อวัศยาพึ่งจะเห็นว่าตนเองมีเข็มน้ำเกลือแทงอยู่ที่มือข้างซ้าย ก่อนหัวใจจะตกวูบไปที่ตาตุ่มเมื่อนึกถึงพ่อขึ้นมาได้ จึงรีบระล่ำระลักถามแล้วพยายามลุกขึ้น

“ คุณพ่อของฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ ฉันต้องไปดูท่านเดี๋ยวนี้ ” พยาบาลสาวรีบเข้ามาจับแขนเธอไว้

“ คุณพ่อของคุณอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้วแต่ยังต้องเฝ้าระวังอยู่ในห้องไอซียู ทางทีมแพทย์รอให้คุณตกลงว่าจะรับการรักษาอย่างที่เสนอไปหรือเปล่า คุณเองก็อย่าพึ่งรีบผุดลุกผุดนั่งไว ๆ เลยค่ะ เพราะความดันต่ำมาก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีกนะคะ ร่างกายคุณต้องการการพักผ่อน แล้วนี่ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว คุณหลับไปนานทีเดียว หิวไหมคะ ทานข้าวต้มหรือซุปสักหน่อยดีไหมคะ ”

อวัศยาพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่า วันทั้งวัน เธอมีเพียง นมกล่องเดียวตกถึงท้อง มันมึนตื้อไปหมด ไม่อยากกินอะไรเลยแม้แต่นิด

“ ฉันไม่หิวหรอกค่ะ อยากไปดูคุณพ่อมากกว่า ”

“ ไม่หิวก็ต้องทานนะคะ คุณจะได้แข็งแรงเร็ว ๆ อีกอย่างคุณก็ยังเข้าเยี่ยมคุณพ่อไม่ได้ด้วย เลยเวลาเข้าเยี่ยมของห้องไอซียูแล้ว ทางเราจะอนุญาตให้เข้าไปดูได้เพียงช่วงเที่ยงวันและหกโมงเย็น แค่เพียงไม่เกินสิบนาทีเท่านั้นค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ทีมแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา คุณอัคคีกำชับไว้แล้วว่าให้ดูแลเป็นพิเศษ ห้ามคลาดสายตา ” พยาบาลสาวเอ่ยชื่อของนักธุรกิจลูกครึ่งผู้หล่อเหลาอันเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลนี้และในเครือทั้งหมด ทว่าชื่อนั้นทำให้อวัศยาหน้าตึง

“ เขามาที่นี่เหรอคะ ”

“ ใช่ค่ะ คุณอัคคีเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ ก็คุณอัคคีนั่นแหละค่ะที่ช่วยอุ้มคุณเข้ามาในห้องฉุกเฉิน ” สมองของอวัศยาทบทวน พลันหัวใจก็กระตุกวาบ !

ภาพและเสียงที่เห็นก่อนเธอจะหมดสติ นั่นคือนายไฟนี่นา แล้วทำไมเป็นอีตาอัคคีผู้ชอบหยามเหยียดคนอื่นไปได้

ที่สำคัญ เธอได้ยินเต็มสองหูแม้สติกำลังจะเลือนหาย เขาเรียกเธอว่า หมอก

นายอัคคีคงไม่เรียกเธอด้วยชื่อนี้ นั่นหมายความว่า เป็นนายไฟอย่างนั้นเหรอ !

“ คุณอวัศยาทานซุปหรือข้าวต้มหน่อยนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปจัดมาให้จากห้องอาหารพิเศษของทางโรงพยาบาล คุณต้องทาน ร่างกายจะได้แข็งแรง จะได้ช่วยดูแลคุณพ่อได้ไงล่ะคะ ” เสียงปะเหลาะของพยาบาลสาวสอดแทรกความคิด เธอจึงกลับมาสู่บทสนทนาก่อนจะยิ้มรับ

“ ก็ได้ค่ะ ”

“ เดี๋ยวดิฉันมานะคะ ” อีกฝ่ายเดินหายลับไปจากห้องราวสิบห้านาที ก็กลับเข้ามาพร้อมถาดอาหารที่มีฝาปิดเรียบร้อย เธอวางมันลงบนโต๊ะล้อเลื่อนสำหรับผู้ป่วย แล้วเข็นมันเข้ามาใกล้ เปิดฝาชามหนึ่งออก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset