เธอจำอะไรไม่ได้เลย มันก็หมายรวมถึงตัวเขาหมายรวมถึงทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นทั้งสิ้น !
“ แต่อาการของเธอตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ เกิดขึ้นจากอาการเครียดและร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้อ่อนเพลียจนเป็นลมเป็นแล้งไปได้ง่าย ๆ ส่วนเรื่องอื่น เอ่อ… ” นายแพทย์หนุ่มเงยหน้ามองชายหนุ่มลูกครึ่งรูปงามตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังคำพูด
“ มดลูกของเธอได้รับการกระทบกระเทือนและฉีกขาดเป็นแผลบางช่วง ประกอบกับเยื่อพรหมจรรย์ถูกทำลายด้วย อาจต้องใช้เวลาในการรักษาแต่ก็ไม่ถือว่าหนักหนาเท่าไร ”
“ คุณหมออย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้ข่มขืนเธอนะ สาบานได้ ” อัคคีรีบเอ่ยขึ้นทันทีที่ได้เห็นสายตากังขาจากนายแพทย์หนุ่มที่ส่งมา แม้ว่าจะรู้สึกสงสัยอย่างที่เจ้าตัวเอ่ยมาทว่าก็ยังต้องพูดแก้ตัวไปตามมารยาท
“ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะครับ คุณอัคคี ”
“ ผมไม่ได้ตำหนิหากคุณจะคิด แต่ยังไงผมก็ขอยืนยัน ว่าผมไม่มีทางขืนใจผู้หญิงเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิงที่ผมรัก ”
ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น นายแพทย์หนุ่มนั้นแม้ว่าจะสงสัยสักเพียงใดแต่เก็บอาการไว้ได้อย่างมิดชิด มันคงไม่เป็นการดีเท่าใดนักหากจะไปแสดงอาการไม่ไว้ใจผู้ที่ได้ชื่อว่าหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัท
ทั้งคู่คุยกันต่ออีกราวสิบนาที นายแพทย์ก็ขอตัวไปปฏิบัติงานต่อ ส่วนอัคคีนั้นเดินเข้าไปยังห้องพักวีไอพีของผู้ป่วยพิเศษที่มีร่างบอบบางนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ชายหนุ่มเดินไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ด้านข้างเตียงผู้ป่วย มือใหญ่ยกขึ้นลูบปอยผมที่ปรกหน้าผากงามอย่างแผ่วเบา เกลี่ยมาบนแก้มขาวอย่างทะนุถนอม เสียงทุ้มพร่ำพรอดแผ่วเบา
“ ตื่นมาสิ ตื่นมามองเรา ตื่นมาอธิบายอะไร ๆ ที่เราไม่เคยรู้ ” นี่เขาพลาดอะไรไป ไอ้ที่ทุ่มเทบากบั่นมานะเพื่อจะแก้แค้นให้สะใจ มันมีอะไรแหว่งวิ่นไปหรือเปล่าวะ !
เขาให้ลูกน้องเช็คข้อมูลของพ่อและเธอทุกสิ่งอย่าง วางแผนจนโค่นล้มธุรกิจทั้งใต้ดินและบนดินของพ่อเขาให้วอดวายล้มละลาย ทว่าเพราะมั่นใจเหลือเกินว่าเธอและพ่อรวมหัวกันล่อลวงเขา จึงไม่เคยเอะใจในสิ่งที่หมอบอกเมื่อครู่มาก่อน
เธอความจำเสื่อมระยะสั้น อย่างนั้นเหรอ…
แล้วถ้ามันเป็นจริง นั่นก็แปลว่าเธอไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ใด ๆ กับสิ่งที่พ่อเธอทำลงไปแม้แต่นิด เธอยังคงรักเขาดังเดิมเช่นวันนั้น
เขาทำร้ายเธอ ทำร้ายผู้หญิงที่ตัวเองรักอย่างร้ายกาจที่สุด !
ดวงตาคมเพ่งพิศใบหน้างามอยู่นานเนิ่น ใบหน้าสวยหวานที่เคยขาวใสอมชมพูบัดนี้ขาวซีด ริมฝีปากจิ้มลิ้มแต้มสีชาดระเรื่อตามธรรมชาติกลับแห้งผาก เธอดูซูบผอม อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด หากเธอลืมตาขึ้นเขาก็คงจะได้เห็นดวงตากลมโตแห้งผากไร้ชีวิตชีวา
เพราะเขาคนเดียวใช่ไหม เขาที่ทำลายความงดงามนั้นจนหมดสิ้น…
ชายหนุ่มหลับตา ปล่อยให้ความทรงจำอันงดงามที่เขาพยายามจะลืมเลือนทว่าไม่เคยทำได้หลั่งไหลมาปลอบประโลมหัวใจอันแห้งผากร้าวรวด
เขายังจำวันนั้นได้ วันที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีกันอยู่เป็นกระจุกราวห้าสิบหลังคาเรือนและห่างไกลความเจริญอย่างหมู่บ้านเนินศิลาของเขามีแขกมาเยี่ยมเยือน โดยการชักนำของน้าพลหนึ่งในสมาชิกหมู่บ้านที่มีโอกาสได้ไปทำงานเมืองกรุงเสียนมนาน ไม่ได้กลับมาบ้านเกิดร่วมสิบปี แล้วพาเจ้านายที่ชื่อว่า เสี่ยอิทธิ กลับมาด้วย
ไอ้ที่น้าพลกลับมานั้นใช่ว่าจะสำนึกรักบ้านเกิดอะไรหรอก เขากลับมาก็เพราะผลประโยชน์บางอย่าง พยายามไปเจรจากับชาวบ้านให้ขายที่ดินให้กับเสี่ยอิทธิที่ให้ราคาไร่ละห้าหมื่นบาท โดยให้เหตุผลว่าเสี่ยอยากจะสร้างบ้านจัดสรรในบริเวณนี้ ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วจะเสริมส่งดวงให้ทำมาค้าขึ้น แต่เด็กหนุ่มอย่างนายไฟนั้นเชื่อไม่ลง เขาไม่ได้ฉลาดนักหรอก แต่ก็ไม่ได้โง่พอที่จะเชื่อว่าหากมาสร้างบ้านจัดสรรในที่ตาปิด ถนนลาดยางก็ยังเข้าไม่ถึงมันจะร่ำรวยอย่างไร จะขายให้ใครได้
ทว่าชาวบ้านส่วนมากกลับตาลุกเมื่อได้เห็นเงินรีบขายที่ขายทางอพยพไปอยู่ถิ่นฐานใหม่ แต่ส่วนน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงสิบกว่าหลังคาเรือน รวมทั้งครอบครัวของไฟและยายของเขากลับไม่สนใจ พวกเขารักที่จะอยู่ที่นี่ รักบ้านเกิดแห่งนี้ แม้ว่ามันจะทุรกันดาร แม้ว่ามันจะห่างไกลความเจริญสักเพียงไหน
…แต่มันก็คือบ้าน บ้านที่พวกเขารัก