“ ขอหมอกไปลาไฟกับแม่ใหญ่ใบก่อนได้ไหมคะ ” เธอตัดสินใจขอพ่อตรง ๆ อย่างน้อยก็ขอให้ที่อยู่พอจะติดต่อกันได้บ้างก็ยังดี
“ ไม่ได้ นี่คิดอะไรอยู่ มันเป็นโคตรเหง้าศักราชฝ่ายไหน ถึงได้ต้องพิรี้พิไรร่ำลากัน ” ผู้เป็นพ่อตวาด อวัศยาตัดสินใจสลัดแขนออกจากการเกาะกุมก่อนจะออกวิ่งกลับไปทางที่จากมา ทว่าลูกน้องของพ่อก็ไวเหลือเกินวิ่งมาคว้าร่างบอบบางไว้ได้ทัน เธอดิ้นพราด
“ ปล่อย ปล่อยฉัน ! ”
พลันร่างสูงใหญ่ของนายไฟก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อนที่เขานั่งซุกอยู่ใต้รวงข้าว แท้จริงเขาแอบลัดเลาะตามเธอมาเงียบ ๆ แล้วแอบฟังบทสนทนาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว
เขาตั้งใจจะพุ่งเข้าไปหาอวัศยา แต่เสี่ยอิทธิกระชากเธออย่างแรงจนกระทั่งล้มลงกับพื้น กระนั้นเขาก็ยังลากถูเธอไป พวกลูกน้องพุ่งเข้ามาขวาง ประเคนทั้งหมัดเท้าเข่าศอกเข้าใส่เขาไม่ยั้ง แต่หนุ่มบ้านนอกผู้ใช้ชีวิตสมบุกสมบันกับท้องไร่ท้องนาก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ลูกน้องทั้งสี่ของเสี่ยอิทธิก็สะบักสะบอมเลือดตกยางออกพอ ๆ กัน จนกระทั่งเสียงตวาดของเสี่ยอิทธิดังขึ้น พร้อมทั้งกระบอกปืนที่จ่อมาที่ใบหน้าของนายไฟ
“ คุณพ่อ อย่านะคะ ! ” สาวน้อยลนลานตาเหลือกเมื่อเห็นภาพนั้น รีบลุกขึ้นยื้อแย่งหมายคว้าไขว่ปืนจากมือของผู้เป็นพ่อ แต่เสียงตะคอกเหี้ยมเกรียมทำให้เธอต้องชะงัก
“ หยุดนะ ลูกไม่รักดี ! ถอยหลังไป ไม่งั้นพ่อจะยิงมันไส้แตกตายอยู่ตรงนี้ ”
สาวน้อยจำต้องปล่อยมือแล้วถอยหลังออกห่าง แต่ร่างของหญิงวัยกลางคนกลับวิ่งเข้ามาพยายามปกป้องหลานชายที่ตอนนี้กองอยู่ที่พื้นกับยำตีนทั้งสี่คู่ พร้อมกับกระบอกปืนเล็งไปที่หัว แต่ก่อนจะเข้าถึงตัวหลานชาย นางก็โดนชายฉกรรจ์คนหนึ่งผลักจนเซล้มกระแทกพื้น
“ แม่ใหญ่ ! ” อวัศยาร้องขึ้นอย่างตกใจ นายไฟที่ใบหน้าแนบอยู่ที่พื้นจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นยาย แต่จากตระหนกตกใจของหญิงสาวทำให้คาดเดาได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอพยายามจะวิ่งไปดูยายใบ ทว่าผู้เป็นพ่อหันมาถลึงตาใส่ จึงได้แต่ยืนอยู่กับที่แล้วมองด้วยสายตาเป็นกังวล
“ อย่าทำอะไรยายกูนะ ไม่งั้นกูไม่เอามึงไว้แน่ ! ”
เสียงอู้อี้ดังขึ้นเพราะถูกฝ่าเท้าคู่หนึ่งเหยียบซีกหน้าหนึ่งให้แนบกับผืนดิน
“ เอาตัวเองให้รอดก่อนไอ้หนู อย่ามาทำปากดี ”
เสี่ยอิทธิว่า
“ อย่าเฮดอีหยังหลานข้อยเลย ข้อยไหว้ล่ะ ”
(อย่าทำอะไรหลานฉันเลย ฉันขอร้อง)
เสียงยายใบที่แม้จะล้มก้นกระแทกพื้นก็ยังเป็นห่วงหลานชายเหลือเกิน นางยกมือขึ้นไหว้ปลก ๆ ทั้งน้ำตา เสี่ยอิทธิหัวเราะร่วน
“ แม่เฒ่า รู้จักสอนหลานชายให้รู้จักที่ต่ำที่สูงบ้างนะ สอนลูกให้เป็นกะหรี่ไปคนหนึ่งแล้ว ก็อย่าริอาจสอนหลานให้เป็นกะหรี่ชายตามอีกคน หวังหาเมียรวยเพื่อเกาะแดก ”
“ พวกกูไม่มีใครจิตใจต่ำทรามเหมือนพวกมึงหรอก ”
“ ปากดีนักนะไอ้เด็กเมื่อวานซืน ! ” เสี่ยอิทธิว่าแล้วเดินเข้าไปกระทืบเท้าลงบนใบหน้าของชายหนุ่มทันที
พลั่ก !
ของเหลวสีแดงหลั่งไหลออกจากจมูกและปากใบหน้าคมสันทันที !
“ ไฟ ! ” เสียงหญิงต่างวัยทั้งคู่กรีดร้อง
“ จำใส่กะลาหัวเอาไว้ อย่าเสือกยุ่งกับลูกสาวกูอีก ไม่งั้นพวกมึงจะไม่มีโอกาสได้หายใจ เฮ้ย กลับ ! ”
เสี่ยอิทธิตะโกนสั่งลูกน้อง ก่อนกระชากลากถูแขนของบุตรสาวให้เดินตามไปขึ้นรถแวนที่จอดอยู่
หญิงชราคลานเข้ามาหาหลานชายแล้วค่อยยกศีรษะเขาขึ้นวางบนตัก มือเหี่ยวย่นพยายามเช็ดเลือดออกจากใบหน้า
“ เจ็บหลายบ่อลูก ”
(เจ็บมากไหมลูก)
นางเอ่ยเสียงสั่นด้วยความเป็นห่วงคละเคล้าเสียงสะอื้น ชายหนุ่มปรือตาขึ้นแล้วฝืนยิ้ม
“ หลายกว่ามิ้มต่อยหน่อยนึงแม่ใหญ่ ”
(มากกว่าผึ้งต่อยนิดหนึ่งยาย)
แม่เฒ่าสะอื้นไห้
“ บ่อต้องไปยุ่งกับหนูหมอกอีกเด้อลูกเด้อ เพิ่นกับเฮามันคนละชั้นกัน แม่ใหญ่บ่ออยากให้มึงเอาชีวิตไปถิ่ม เฮาอยู่กันมุ ๆ มิ ๆ มากะโดนเติบแล้ว อย่าต้องมาตายถิ่มเพราะแม่ยิงเถาะลูก ”
(อย่าไปยุ่งกับหนูหมอกอีกเลยนะ เขากับเรามันคนละชั้นกัน ยายไม่อยากให้มึงเอาชีวิตไปทิ้ง เราอยู่กันอย่างสันโดษมาตั้งนาน อย่าเอาชีวิตไปทิ้งเพราะผู้หญิงเลยลูก)
นายไฟส่ายศีรษะ
“ ข้อยฮักหมอก แล้วหมอกกะบ่อคือเสี่ยอิทธิ หมอกเป็นคนดี ข้อยสิเฮดทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่นำกัน ถึงมันสิยากแค่ได๋กะส่าง ข้อยฮักไผบ่อได้อีกแล้วแม่ใหญ่ บักไฟผู้นี้ ฮักไผบ่อได้อีกแล้วนอกจากหมอกผู้เดียว ”
(ผมรักหมอก ยาย แล้วหมอกก็ไม่เหมือนเสี่ยอิทธิ หมอกเป็นคนดี ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน ถึงมันจะยากแค่ไหนก็ตาม ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วยาย ไอ้ไฟคนนี้รักใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากหมอกคนเดียว)