“ ให้มันเข้ามา ! ”
ร่างสูงใหญ่ผลักพวกนั้นที่ขวางทางตนออก แล้วสืบเท้าเข้าไปยังหน้าประตูที่ถูกเปิดออกโดยคนด้านใน
ไฟเงยหน้าขึ้น นั่นไง ร่างบอบบางของเธอกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงนั้น ขนาบด้วยร่างท้วมสูงใหญ่ของผู้เป็นพ่อที่ด้านซ้ายและผู้ชายสูงวัยท่าทางภูมิฐานอีกคนส่วนด้านขวาคือชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดี
“ หมอก เป็นยังไงบ้าง ”
ไฟหยุดยืนที่ปลายเตียงแล้วถามเธออย่างกังวล สายตาสองคู่ประสานกัน แต่เหตุใดสายตาของเธอช่างว่างเปล่านัก มือของชายหนุ่มด้านข้างเอื้อมเข้าไปกระชับที่มือน้อยของเธอ ก่อนเธอจะโคลงศีรษะแล้วเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า
“ ผู้ชายคนนี้เป็นใครคะ ” ไฟเบิกตากว้างอย่างงุนงง
“ ทำไมหมอกพูดแบบนั้น ” พูดพลางสืบเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น หญิงสาวกระถดตัวร่นขึ้นไปด้านหัวเตียงอย่างอัตโนมัติ ราวกับกลัวเขาจะทำร้าย ผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ รีบโอบไหล่เธอเอาไว้แล้วเอ่ยปลอบ
“ ไม่เป็นไรนะคะ พี่อยู่ตรงนี้ ”
“ ใครคะ คนนี้เป็นใคร ” ไฟยืนมองเธอด้วยสายตาปวดร้าว
“ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหมอก ไอ้นั่นมันใคร ทำไมหมอกปล่อยให้มันจับมือ ปล่อยให้มันกอด ปล่อย ! ”
ท้ายประโยคเขาหันไปตะคอกใส่ชายหนุ่มคนนั้นจนเจ้าตัวสะดุ้ง แต่อีกคนที่ตกใจกว่าคือหญิงสาว เธอกรีดร้องขับไล่เสียงดัง
“ ออกไปนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ! ”
“ เฮ้ย พวกมึงมาเอาไอ้หมาบ้านี่ออกไปซิ ” เสี่ยอิทธิตะโกนบอกลูกน้องด้านนอก ที่รีบกรูเข้ามาจับตัวเขาแล้วลากออกไปจากห้อง
สายตาของไฟยังคงจ้องมองหญิงสาวอย่างกังขา เธอมองเขาราวกับไม่เคยรู้จัก แถมตอนนี้ยังปล่อยให้ไอ้หนุ่มนั่นกอดหน้าตาเฉย
นี่มันห่าเหวอะไรกันวะ !
ทว่าเขาไม่มีเวลาให้สงสัยอยู่ได้นานเมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลตามมาสมทบและขู่จะแจ้งตำรวจหากเขายังไม่ออกไปจากที่นั่น
ไฟจำต้องกลับไปด้านนอก แต่ก่อนจะเดินออก ลูกน้องคนหนึ่งของเสี่ยอิทธิก็พูดจามีเลศนัยทิ้งท้าย
“ รีบกลับบ้านไปเถอะไอ้เด็กห้าว ห่วงตัวเอง ห่วงยายห่วงบ้านก่อนที่จะห่วงคนอื่นเถอะ ”
“ พวกมึงหมายความว่ายังไง ” เขาตะคอกกลับ พวกมันไม่ได้ตอบ เอาแต่หัวเราะร่วนอย่างมีความสุข
ไฟรู้สึกใจคอไม่ดี แม้ว่าในใจจะห่วงหมอกมากเหลือเกิน แต่จากภายนอกที่เห็นด้วยสายตาดูเหมือนเธอจะปกติดี แม้กิริยาท่าทางจะต่างไปจากเดิม แถมยังมี-ไอ้หน้าหล่อที่ไหนไม่รู้มายืนโอบเธอไว้ต่อหน้าต่อตา
“ แม่งเอ๊ย ! ” เขาอุทานอย่างอัดอั้นเพราะทำอะไรไม่ได้ ประกอบกับในใจมันหวิวไหวประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ห่วงยายใบอย่างเป็นที่สุด…
เขาขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์แล้วบิดมันกลับบ้านด้วยหัวใจร้อนรนอย่างเป็นที่สุด โดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังจะไม่มีบ้านและยายให้กลับไปหาอีกต่อไปแล้ว
เพราะทั้งหมดวอดวายฉิบหายสิ้นอยู่ในกองเพลิง !
***
“ คุณอัคคีคะ คุณอัคคี ! ” เสียงเรียกพร้อมเขย่าแขนแรง ๆ ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกจากภวังค์อันเลวร้าย เขาลืมตาขึ้นก็พบพยาบาลสาวยืนอยู่ด้านข้าง
เขาสลัดศีรษะขับไล่ความมึนงง นี่เขานั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนหลับไปบนเก้าอี้หรือนี่ เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยที่ยังคงหลับสนิท
อวัศยา… หมอกของไฟ
“ ดิฉันขอโทษนะคะที่ถือวิสาสะเขย่าแขนคุณ พอดีมีเรื่องมาเรียนให้ทราบ อาการของคุณอิทธิ คุณพ่อของคุณอวัศยาไม่สู้ดีนัก จากที่นำออกมาไว้ห้องพิเศษวีไอพี ตอนนี้ย้ายเข้าไปในห้องไอซียูแล้วค่ะ ”
อัคคีเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างรีบเร่งเพื่อมุ่งตรงไปยังห้องไอซียู โดยมีพยาบาลสาวเดินเคียงข้าง
“ อาการไม่ดีได้ยังไง เขาไม่ได้เป็นอะไรนี่ ลูกน้องผมแค่ใส่ยานอนหลับลงไปเรื่องนี้คุณหมอรู้ดี ”
ประตูถูกปิดลงหลังคนทั้งสองออกไปแล้ว แต่ดวงตาที่ปิดสนิทของคนอยู่บนเตียงเปิดขึ้น
เขาไม่ได้เป็นอะไรนี่ ลูกน้องผมแค่ใส่ยานอนหลับลงไป เรื่องนี้คุณหมอรู้ดี..
แม้อวัศยาจะพึ่งรู้สึกตัวตอนที่พยาบาลส่งเสียงเรียกอัคคี แต่เธอก็ได้ยินมันเต็มสองหูเพียงไม่ได้ลืมตาก็เท่านั้น
มันหมายความว่าเขาให้คนวางยาคุณพ่อของเธออย่างนั้นหรือ !
มือน้อยกำหมัดแน่น น้ำตาใสไหลออกทางหางตาด้วยความเจ็บปวด
เพียงต้องการตัวเธอ เขาถึงกับให้ลูกน้องวางยาพ่อแล้วมาหลอกเธอให้หัวหมุน โดยไม่สนเลยสักนิดว่ามันจะมีผลกระทบใด ๆ กับพ่อและเธอบ้าง