“ อะไรนะคะ ยัยหมอกมีผู้ชายมาหาที่บ้าน ! ”
เสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ ทันทีที่นายไฟโทรศัพท์ไปหาและสอบถามเรื่องผู้ชายคนนั้นที่เขาเจอว่าอยู่กับอวัศยา แถมยังมีทีท่าสนิทสนมกันเกินหน้าเกินตา ทันทีที่เขาหาบ้านพักเป็นโฮมสเตย์เล็ก ๆ ของชาวบ้านแถวนั้นอันเป็นกระท่อมน้อย อยู่ห่างจากบ้านพักของอวัศยาไปราวห้าร้อยเมตร
“ ใช่น่ะสิ ท่าทางสนิทสนมกันด้วย ไหนคุณบอกว่าหมอกไม่มีใครไง ” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ราวกับว่าปรียากำลังโกหกเขาอยู่
“ ฉันเป็นเพื่อนกับยัยหมอกมาตั้งแต่อนุบาล ตั้งแต่สมัยคุณพ่อของนางยังไม่รวย จนรวยเป็นเศรษฐีและล้มละลาย เราพูดคุยกันทุกเรื่อง รู้ใจกันอย่างที่สุด ฉันถึงได้รู้ไงว่าหล่อนไม่เคยมีใครในใจนอกจากคุณ ”
“ แล้วไอ้หมอนั่นมันใครล่ะ ท่าทางอย่างกับกุ๊ยข้างถนน ใส่เสื้อกล้าม กางเกงยีนขาด ๆ ขับมอเตอร์ไซค์เป็นเด็กแว้น ”
“ ว้ายตายแล้ว ! หวังว่ายัยหมอกคงไม่คว้าไอ้หนุ่มแว้นเพื่อมาดามกายดามใจหรอกนะคะ ” คำพูดนั้นของปรียายิ่งทำให้ไฟแทบคลั่ง
“ เดี๋ยวผมหามื้อเย็นกินก่อน คืนนี้ผมจะไปเฝ้าหมอกที่หน้าบ้าน มันจะเป็นใครผมไม่สน ถ้ามันกล้ามายุ่งกับหมอก ผมจะฆ่าแม่งซะ ! ” แล้วกดวางสายไป ปรียาใจหายวาบ
“ มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย ”
“ ก็อยากเห็นแก่เงินเองนี่นา มันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอก ” วาทิน สามีของปรียาพูดขำ ๆ เขาได้ยินทุกบทสนทนาระหว่างภรรยากับนายไฟเพราะเธอเปิดสปีกเกอร์โฟน เจ้าหล่อนค้อนควักวงเบ้อเริ่ม
“ แหม อย่ามาทำปากดี ใครกันยะที่ดีใจจนเป็นลมเมื่อรู้ว่าเราปลดหนี้แล้ว ”
“ พี่ก็ไม่ได้ว่าเปรียวทำไม่ดีนี่ ”
“ อย่ามัวพูดมากหน่อยเลย มาช่วยกันคิดแก้ปัญหาดีกว่า ก่อนที่จะเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นในบ้านของพี่ เปรียวมั่นใจว่าอีตาไฟเนี่ยพูดจริงทำจริงแน่ ”
“ เปรียวก็โทรไปถามหมอกก็แค่นั้น จะได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ” ปรียาทำหน้าเจื่อน
“ ขืนโทรไปตอนนี้ โดนนังหมอกด่าไฟแล่บแหง ๆ มีแค่เราที่รู้ว่านางย้ายไปอยู่ที่นั่น แล้วนายไฟจะไปรู้จากใครได้ นางก็ต้องรู้ว่าเราบอกความลับให้กับนายไฟง่าย ๆ เปรียวไม่อยากโดนหมอกเกลียด ” วาทินเดินมานั่งข้างผู้เป็นภรรยาแล้วโอบร่างของหล่อนเข้ามาในอ้อมอกอย่างให้กำลังใจ
“ หมอกไม่เกลียดเปรียวหรอก เพราะเปรียวทำในสิ่งที่ถูกต้อง ” หล่อนแหงนหน้าขึ้นมองสามี
“ จริงเหรอ ” เขาพยักหน้า
“ จริงสิ หมอกก็รักนายไฟ นายไฟก็รักหมอก คนสองคนรักกันเป็นบ้า เพียงมีปมที่ต้องการแก้มันออก คลายมันซะ เมื่อวางทิฐิทั้งปวงลง ทุกอย่างก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง ” ปรียายิ้มให้เขา
“ เพราะอย่างนี้ เปรียวถึงได้ตกหลุมรักพี่ไง พี่เข้าใจโลกและใจเย็นเสมอ แต่หมอกมันจะเข้าใจเปรียวหรือเปล่าเหอะ ”
“ ก็ต้องใช้เวลา เพราะตอนนี้หมอกก็กำลังร้อน เราต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ”
คำพูดของสามีทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นอีกโข ปรียาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาอวัศยาทันที
“ ติดแล้ว ๆ ” เธอหันไปบอกสามีที่นั่งลุ้นอยู่ข้าง ๆ ทว่า
“ เอ๊ สายตัดไป เดี๋ยวลองโทรใหม่นะ ” เธอกดโทรออกอีกรอบ แต่แล้วใบหน้าก็เจื่อนลง
“ ติดต่อไม่ได้ ปิดเครื่องไปแล้วแน่เลย ” ลองกดดูอีกสองสามครั้งก็ยังติดต่อไม่ได้เช่นเดิมเธอหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วถอนใจยาวอย่างเคร่งเครียด ผู้เป็นสามีจึงโอบเธอเข้ามาปลอบโยน
“ งั้นเดี๋ยวเราขับรถไปหาหมอกกัน ” เธอเบิกตากว้างอย่างดีใจ
“ ดีเลย เปรียวก็ว่างั้น คงต้องไปอธิบายต่อหน้า ตอนนี้ยัยหมอกเข้าใจผิดไปไกล แต่พี่ต้องทำงานนี่ เห็นว่าจะมีทีมเข้ามาตรวจไม่ใช่เหรอ ” สามีพยักหน้า
“ เอางี้ พี่ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวเปรียวนั่งเครื่องไปเอง แล้วเดี๋ยวโทรให้ลุงหนานคำมารับ ” เธอพูดถึงชายวัยกลางคนที่มีรถโดยสารรับส่งจากในหมู่บ้านลงมาสู่ในเมืองที่สนิทสนมกับที่บ้านเป็นอย่างดี
“ จะดีเหรอ ไปคนเดียวได้แน่นะ ”
“ เปรียวไม่ใช่เด็กห้าขวบนะพี่ แล้วการณ์นี้ก็รอไม่ได้แล้ว ปิดร้านก็ปิดร้านเถอะ ”
“ ถ้าเทียบกับการที่เราได้ปลดหนี้ทั้งหมดแถมยังเหลือเงินอีกร่วมห้าแสน พี่ว่ามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เปรียวปิดร้านไปสักเดือนหนึ่งยังโอเคเลย ” สามีเย้าด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ผู้เป็นภรรยาหันมาค้อนขวับ
“ ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยนะ เปรียวยิ่งรู้สึกผิดอยู่ ยิ่งพูดยิ่งเหมือนเปรียวเห็นแก่เงิน แล้วอย่าให้รู้เชียวว่าผลักไล่ ไสส่งเปรียวให้ไปไปอยู่ห่าง ๆ แล้วแอบไปกิ๊กกั๊กกับอีหนูที่ไหน เปรียวจะเฉาะไม่ให้เหลือซาก ”
“ โอเค รับรองว่าไม่ให้รู้หรอก ” สามีเอ่ยเย้า เธอถวายตุ้บตั้บให้เขาชุดใหญ่ จนชายหนุ่มต้องรวบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
“ ล้อเล่นน่า คบหากันแถมอยู่มาตั้งนาน พี่เป็นคนยังไงเปรียวก็น่าจะรู้ เคยสักครั้งไหมที่พี่นอกใจ ”
“ ก็ไม่เคยหรอก ”
“ สบายใจเถอะเปรียว ไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไปตามหาหัวใจให้กับเพื่อนรัก ให้เธอได้พบความสุขเสียที ”
ปรียายิ้มพร้อมพยักหน้า เธอจะต้องทำให้ได้ เพื่อนรักจะได้พ้นจากความทุกข์ทรมาน ให้เธอได้สุขสมหวังกับรักแท้ที่เฝ้ารอมาทั้งชีวิตเสียที