เคสผ่าตัดในวันนี้เป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร แต่เฉินปิ่งเซิงไม่ได้ทำคนเดียว เขาเชิญจางจื้อซิน หมอแห่งแผนกศัลยกรรมทั่วไปมาร่วมด้วย
จางจื้อซินและเฉินปิ่งเซิงเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียน หลังเรียนจบก็มายังโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด เพียงแต่คนหนึ่งไปอยู่แผนกศัลยกรรมอีกคนอยู่แผนกฉุกเฉิน
แต่นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการร่วมมือของทั้งสองเลย พวกเขามักจะเชิญอีกฝ่ายมาร่วมในการผ่าตัดเสมอ
นั่นเป็นเพราะการผ่าตัดฉุกเฉินค่อนข้างซับซ้อน ไม่ว่าอะไรก็มีทั้งนั้น แต่ระบบการผ่าตัดศัลยกรรมธรรมดาจะทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องเชิญหมอจากแผนกอื่นมาผ่าตัดร่วมกัน
เคสในวันนี้ก็เป็นเช่นนี้
การผ่าตัดในวันนี้คือการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร และอาจเรียกว่าการผ่าตัดลดกระเพาะทุกส่วน
ความจริงการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารไม่ได้ง่ายดายแบบที่แค่ตัดออกไป แตกต่างจากการผ่าตัดไส้ติ่งมาก
หลักๆ แล้วมีอยู่สามขั้นตอน!
ขั้นตอนแรกก็คือแยกส่วนกระเพาะกับโค้งเล็ก[1]ออกจากกัน
ต่อมาจึงตัดลำไส้เล็กส่วนต้นและกระเพาะอาหาร
สุดท้ายจึงเย็บกระเพาะกับลำไส้ติดกันอีกครั้ง
แน่นอนว่าตอนทำต้องยากกว่าการพูดมากหลายเท่า
ในฐานะที่เฉินชางเป็นพวกมือใหม่ งานที่ต้องทำก็ชัดเจนมาก!
คอยดึงตะขอ คอยดูดเลือด
คอยประจบประแจง คอยทำความสะอาดอุปกรณ์
อา! แทบจะได้เป็นคำกลอนได้อยู่แล้ว
เฮ้อ…ฉันจะต้องเป็นกวีที่ถูกการเรียนแพทย์ถ่วงเวลาแน่นอน ดูอย่างหลู่ซวิ่น กัวโม่โร่ คุณปิงซิน ชี่เคอฟู และคุณปี้ซูหมิ่นสิ พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นตัวอย่างในการบอกกับพวกเราว่า หากเรียนแพทย์ไม่ได้ก็ไปเขียนกลอนซะ
บรรพบุรุษเคยกล่าวไว้ประโยคหนึ่งว่า ซิ่วไฉ[2]เรียนหมอก็เหมือนจับไก่ในกรง!
เป็นเหตุผลที่ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่
ความจริงความสามารถพิเศษของเขามีจำกัด ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงเดินตามรอยหลัวต้าโยว เฟ่ยเสียง หวังลี่หง เหมาปู้อี้ไปแล้ว คนเหล่านี้คือคนที่เรียนคณะแพทย์แต่ละทิ้งการแพทย์เข้าสู่เส้นทางการแสดง
อา…
ดูท่าทางคนเรียนแพทย์ล้วนเป็นคนมีความสามารถทั้งนั้น
จางจื้อซินเรียนมาด้านศัลยกรรมภายนอกแต่ออกมากลางคันเพื่อไปสอบใบรับรองด้านศัลยกรรมความงาม ว่ากันว่าหุ้นกับคนภายนอกเพื่อเปิดคลินิกศัลยกรรมความงามแห่งหนึ่ง ปกติจะรับทำพวกกรีดตาสองชั้น สักคิ้ว ทำตาโต ฉีดไฮยารูลอยอะไรพวกนี้ ดูเหมือนจะดีมาก!
การผ่าตัดเริ่มขึ้นแล้ว
เฉินชางไม่ได้มีความเข้าใจการผ่าตัดประเภทนี้มากนัก ดังนั้นจึงเรียนรู้อยู่ข้างๆ ไปเงียบๆ แต่ในใจกลับใช้ดวงตาที่ส่องประกายจ้องมองจางจื้อซิน!
ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น!
แต่เป็นเพราะทักษะของเขา…
[มือใหม่แห่งห้องผ่าตัด: มีโอกาส 1% ที่จะเรียนรู้ทักษะของคนอื่น!]
เฉินชางคิดว่าตนควรเกาะขาหมอจาง สร้างความสัมพันธ์กับเขาให้ดีๆ เพื่อเรียนรู้การผ่าตัดทางด้านศัลยกรรมความงาม ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น แต่เป็นเพราะในอนาคตเขาอาจกรีดตาสองชั้นให้แฟนสาวโดยไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้!
การผ่าตัดเริ่มขึ้นแล้ว!
ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือผ่าเปิดท้องเพื่อสำรวจ!
ผ่าเปิดแผลไปตามท้อง โดยมีเฉินปิ่งเซิงเป็นผู้ลงมีด
หลังจากผ่าไปทีละชั้นและเปิดท้องออกได้ ก็เริ่มตรวจสอบ!
เฉินปิ่งเซิงมองไปอย่างระมัดระวังโดยมีจางจื้อซินเป็นผู้ช่วย
เฉินปิ่งเซิงพูดขึ้นว่า “ไม่มีน้ำในช่องท้อง ไม่มีสิ่งผิดปกติในตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ม้าม ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่!”
“ผนังกระเพาะอาหารราบเรียบ มีอาการบวมน้ำเล็กน้อย กระเพาะอาหารขยายใหญ่อย่างชัดเจน ต่อมน้ำเหลืองรอบกระเพาะไม่มีอาการบวม ส่วนโค้งเล็กของกระเพาะที่อยู่ติดกับไพโลรัส[3] มีแผลขนาดสองคูณหนึ่งคูณศูนย์จุดห้าเซนติเมตร กล้ามเนื้อแข็งเล็กน้อย มีอัตราติดกับถุงน้ำดีเล็กน้อย สภาพของบาดแผลเป็นอุปสรรค มีการหดตัวของต่อมไพโลรัสเป็นเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณศูนย์จุดห้าเซนติเมตรยาวสองเซนติเมตร ทำให้ลำไส้เล็กทำงานหนัก วินิจฉัยว่าในการผ่าตัดจะพบสิ่งกีดขวางบริเวณนั้น เสนอให้ผ่าตัดลดขนาดกระเพาะด้วยการเชื่อมประสานรูปแบบที่สอง!”
จางจื้อซินพยักหน้า “โอเค!”
เฉินชางพูดว่า “หัวหน้าเฉินเจ๋งจริงๆ!”
พยาบาลฉินเล่อเล่อ “…”
พยาบาล B “…”
ระดับความเป็นมืออาชีพของเฉินปิ่งเซิงยอดเยี่ยมมาก อีกทั้งการผ่าตัดแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำบ่อยๆ ย่อมไม่รู้สึกกดดันอะไร
แต่เขายังไม่วายถลึงตาใส่เฉินชาง “คราวหน้าผมจะไม่เรียกหมอจางมาแล้ว จะให้คุณลงมือเอง คราวนี้ก็ดูให้ดี”
จางจื้อซินทอดถอนใจ “แบ่งเงินให้ฉันก็ได้เป็นไง? ฮ่าๆ! ผู้ชายนี่นะ!”
ความจริงในห้องผ่าตัดไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนที่คิด หมอมักจะปล่อยมุกตลกออกมาบ่อยๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมปิดสนิท ในห้องผ่าตัดจึงกลายเป็นสถานที่รวบรวมข่าวซุบซิบ!
นอกจากนี้ ห้องผ่าตัดแผนกนารีวิทยายังถูกเรียกว่าเป็นราชาแห่งการซุบซิบของโรงพยาบาลอีกด้วย!
โบราณกล่าวว่าไปบ้านใครก็เป็นลูกบ้านนั้น แต่โรงพยาบาลแห่งนี้หมอและพยาบาลแยกกันไม่ออก แม้แต่ใครเป็นหัวหน้าใครเป็นพนักงานก็ยังไม่ชัดเจน
…………
เมื่อครู่เฉินชางรู้สึกว่าหัวหน้าเฉินเจ๋งจริงๆ ศัพท์เฉพาะถูกกล่าวออกมาต่อเนื่อง รู้สึกเลิศเลอขึ้นมาเลยทีเดียว!
แต่…
ในสายตาของเฉินชางกลับเห็นเป็นอีกอย่างหนึ่ง ถ้าคำพูดเมื่อครู่นี้ถูกพูดออกจากปากของเฉินชางอาจจะเป็น
“[ตับ] [ถุงน้ำดี] [ตับอ่อน] [ม้าม] [ลำไส้เล็ก] เป็นสีเขียวไม่มีอะไรผิดปกติ [กระเพาะ] เป็นสีแดงผิดปกติ ส่วนโค้งใหญ่ของกระเพาะอาหารเป็นสาเหตุของชื่อแดง! [ส่วนไพโลรัส ตีบ: lv.39 ลำไส้ส่วนไพโลรัสอุดตัน มอนสเตอร์ระดับธรรมดา ลักษณะพิเศษ: มีการเกาะติดระหว่างแผลและถุงน้ำดี บาดแผลเป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัด การตีบของไพโลรัสทำให้ส่วนท่อหดเล็กลง ทำให้ลำไส้เล็กทำงานหนัก! ข้อเสนอแนะ: กำจัดทิ้ง!]”
ฮี่ๆ เมื่อเห็นมอนสเตอร์ระดับสามสิบเก้ามีชีวิตอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเฉินชางก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น จะอย่างไรนี่ก็นับเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง ได้ประสบการณ์มาก!
เสียดายที่เขาทำได้แค่มอง
แต่เฉินชางดูอย่างจริงจังมาก ทุกครั้งที่ผ่าตัดถือว่าเป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ เฉินชางไม่ยอมทิ้งโอกาสการเรียนรู้ที่ดีแบบนี้แน่
ต่อมาก็คือการแยก
กระเพาะก็เหมือนกับหลอดไฟที่แขวนอยู่ในท้อง
รอบๆ ของมันมีเส้นเลือดฝอย เส้นเอ็น เส้นเลือด และเส้นประสาทอยู่มาก เมื่อเป็นแบบนี้จึงทำให้กระเพาะอยู่ในช่องท้องได้อย่างมั่นคง ไม่อย่างนั้นถ้าคุณกินข้าวแล้วไปวิ่ง กระเพาะคงหลุดออกมาแล้ว
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการแยกออกจากกัน เป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและความอดทนอย่างมาก
เฉินปิ่งเซิงยกกระเพาะขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ตัดเส้นเอ็นที่เชื่อมติดกับลำไส้บริเวณโค้งใหญ่ของกระเพาะอาหารที่ค่อนไปทางซ้ายในส่วนที่ไม่มีเส้นเลือด จากนั้นจึงเลาะแยกไปตามโค้งใหญ่ของกระเพาะบริเวณทางซ้ายตามรอยเส้นเลือด ตัดแยกเอ็นกระเพาะออก…
การผ่าตัดราบรื่นมาก ทั้งยังทำงานร่วมกับจางจื้อซินได้อย่างเชี่ยวชาญ
……
หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นก็เป็นการทำความสะอาดอุปกรณ์และปิดช่องท้อง
เฉินปิ่งเซิงยืดตัวขึ้นมองเฉินชาง “เย็บแผล”
เฉินชางหัวเราะ ทุกคนครับ ถึงเวลาพบกับความมหัศจรรย์แล้ว!
วันนี้ผมจะทำให้คุณเห็นความก้าวหน้า
เฉินชางหยิบเข็มเย็บแผลที่พยาบาลเป็นผู้สอดด้ายให้เรียบร้อยแล้วขึ้นมา ท่าทางการจับเข็มของเฉินชางดูเชี่ยวชาญกว่าเมื่อวานมาก ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีผิวหนังบริเวณท้องก็เป็นส่วนที่ธรรมดาไม่ได้มีรอยเหี่ยวย่นมากมาย เข็มในมือจึงแทงทะลุเหมือนกับจิ้มลงไปบนกลีบดอกไม้ เคลื่อนไหวไปมาบนท้องไม่หยุด
จริงดังคาด หลังจากเฉินชางได้รับความคม+1 ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ไม่นานเฉินชางก็เย็บแผลเสร็จ
หลังจากเฉินปิ่งเซิงเห็นก็อดชะงักไปไม่ได้ มองเฉินชางด้วยความแปลกใจ “ได้อยู่”
ส่วนจางจื้อซินกลับหัวเราะ “เสี่ยวเฉิน ฝีมือแบบนี้เหมาะจะไปอยู่แผนกศัลยกรรมจริงๆ! เย็บแผลได้ไม่เลวเลย แต่…ยังด้อยไปหน่อย แต่ก็นับว่ามีพรสวรรค์ แค่ขาดทักษะเล็กน้อย”
จากนั้นจางจื้อซินก็หันมาถาม “เสี่ยวเฉิน พรุ่งนี้ มะรืนนี้คุณเข้างานหรือเปล่า?”
เฉินชางหันไปเห็นเครื่องหมายคำถามปรากฏอยู่เหนือศีรษะของจางจื้อซิน!
มีภารกิจเหรอ?!
[ติ๊ง! การเย็บแผลของคุณดึงดูดความสนใจของ NPC ระดับกลาง กรุณาพูดคุยให้ดี อาจได้รับภารกิจ]
……………..