บทที่ 163 หนึ่งเต้าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
เมื่อเฉินชางกลับมาที่วอร์ดก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ฉินเยว่กำลังรักษาแผลให้คนไข้ด้วยท่าทีจริงจัง เฉินชางจึงเดินเข้ามาหา คอยช่วยส่งของให้ฉินเยว่ เป็นผู้ช่วยให้เธอโดยไม่ได้พูดอะไร ฉินเยว่ก็ไม่ได้พูดอะไร ร่วมมือกันไปเงียบๆ เช่นนี้
พวกเขาทำงานร่วมกันมาสองปีกว่าแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณให้มากความ
เมื่อรักษาผู้ป่วยหมดแล้ว ฉินเยว่ก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ช่วงนี้อยู่ในฤดูร้อน อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว
เฉินชางพูดยิ้มๆ ว่า “ลำบากคุณแล้ว”
ฉินเยว่กลอกตาใส่เฉินชาง “เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยนะคะ ชอบโทรหาดึกๆ ดื่นๆ ฉันก็ต้องมาเข้าเวรแทนคุณโดยไม่คิดด้วยซ้ำ!”
พูดจบฉินเยว่ก็ถอนใจ “เฉินชาง ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันบันทึกเบอร์โทรศัพท์คุณไว้นี่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆ โทรมาได้จังหวะทุกที คนอื่นเขากำลังนัดเดทกับหนุ่มน้อยอยู่ พอคุณโทรมาฉันก็ต้องวิ่งออกมาเรียกรถบึ่งมาที่แผนกฉุกเฉินทันที ถ้าคุณมีคุณธรรมสักนิด…ช่างเถอะ ยังไงคุณก็ไม่มีหัวใจ!”
พูดจบฉินเยว่ก็ลุกขึ้นยืน บ่นไปถอดเสื้อกาวน์ไป เตรียมจะกลับบ้าน
เฉินชางหัวเราะ “เพราะคิดว่าคุณเป็นคนใจดีและสวยมากไงครับ ผมเลยให้คุณช่วย”
อย่างไรก็ตาม เฉินชางยังถามอย่างแปลกใจ “ไม่สิ คุณดูหนังกับหนุ่มน้อยหรือ? คุณพระ! ฉินเยว่ คุณหาแฟนได้แล้วหรือ นี่มันไร้เหตุผล!”
เมื่อครู่ฉินเยว่ยังไม่โกรธ พอเฉินชางพูดเช่นนี้ออกมาก็ทำให้เธอโมโหทันที “เฉินชาง คุณดูถูกใครอยู่? คุณคิดว่าฉันเหมือนคุณหรือคะ เป็นหมาโสดไปร้อยปีคนเดียวเถอะ ภรรยาชั่วชีวิตก็คือมือสินะ!?”
พูดจบก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา จากนั้นจึงทำท่าเดินจากไปอย่างสง่างาม
เฉินชางอดเป็นห่วงไม่ได้ “ฉินเยว่…คุณมีแฟนแล้ว งั้นผมให้ของขวัญคุณหน่อยแล้วกัน…”
ฉินเยว่ดวงตาเปล่งประกายวาววับ “ของขวัญ? ของขวัญอะไรคะ?”
เฉินชางพูดด้วยท่าทางครุ่นคิด “คุณรู้จักจางจื้อซินไหมครับ? หมอจางของแผนกศัลยกรรมทั่วไปน่ะครับ เขาทำคลินิกศัลยกรรมอยู่ข้างนอก”
ฉินเยว่ได้ยินดังนั้นก็เดินดุ๊กดิ๊กเข้ามา กล่าวด้วยดวงตาสว่างวาบ “คุณรู้จักจางจื้อซินหรือคะ? จะให้ส่วนลดศัลยกรรมหรือ?”
เฉินชางพยักหน้า!
“ครับ ส่วนลด ผมสนิทกับเขามาก แล้วก็ไปช่วยที่นั่นบางครั้ง ให้ส่วนลดคุณก็ไม่มีปัญหาหรอก”
ดวงตาของฉินเยว่เปล่งประกายราวกับดวงดาวดวงน้อยๆ “โอ้ ช่วงนี้ฉันอยากสักคิ้ว ฉันว่าคิ้วฉันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่…”
เฉินชางส่ายหน้า “ไม่หรอกครับ ผมคิดว่าจะจมูกตาหรือคิ้ว ที่ไหนก็สวยทั้งนั้น หน้าตาคุณไม่ต้องทำศัลยกรรมแล้ว”
ฉินเยว่กล่าวอย่างเบิกบานใจ “จริงหรือ?”
เฉินชางพยักหน้า “แน่นอน!”
ฉินเยว่ยิ้มพลางตบไหล่เฉินชาง “ได้! เฉินชาง ทำไมวันนี้คุณปากหวานจัง? ถ้างั้นคุณจะให้ฉันไปทำอะไรที่คลินิกศัลยกรรมล่ะคะ?”
เฉินชางถอนใจ “ผมคิดแบบนี้น่ะครับ คุณคิดดู ในฐานะที่เป็นหมอแผนกฉุกเฉินของพวกเรา ซึ่งเป็นแผนกที่มีหนุ่มสาวโสดมากที่สุด แต่คุณก็ยังหาแฟนได้ ผมรู้สึกว่านี่เป็นบุญมหาศาลจริงๆ ผมก็ดีใจแทนคุณด้วย แต่ว่า…ผมยังเป็นห่วงอยู่เรื่องหนึ่ง”
“ถึงอย่างไรพวกคุณสองคนก็เพิ่งคบกัน ยังเข้าใจกันไม่ลึกซึ้ง คุณมีข้อเสียอะไรอีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ ผมคิดว่าต้องรีบถือโอกาสนี้ไปเสริมหน้าอกสักหน่อยนะครับ? อย่าให้เป็นปัญหาภายหลัง คุณว่าถูกไหม!”
ฉินเยว่รู้สึกคล้ายกับตนจะกดข่มไฟโทสะไม่ไหวแล้ว กระทั่งมีเส้นเลือดปรากฏที่ขมับทั้งสองด้าน ฉินเยว่รู้สึกว่าตัวเองมาถึงสุดขอบของความโมโหแล้วล่ะ…
เฉินชางเห็นท่าทีเช่นนี้ของฉินเยว่ก็คิดว่าตนพูดจนอีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีจนทำใจสงบไม่ได้ ดูเถอะ…หายใจถี่ซะขนาดนั้นแล้ว…
“ผมคิดว่าด้วยความสัมพันธ์ของผม จะให้ส่วนลดคุณได้!”
ฉินเยว่กัดฟันพูด “ลดเท่าไหร่?”
เฉินชางคิดครู่หนึ่ง “หนึ่งเต้าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์!”
ตอนนี้ฉินเยว่ทนจนทนไม่ไหวอีกต่อไป หยิบเสื้อกาวน์ในมาขึ้นมาตีไปที่เฉินชาง “ให้ตายเถอะ! ฉันบอกให้คุณลด! ยังมาหนึ่งเต้าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์อะไรอีก! มาให้ฉันหักขาคุณเดี๋ยวนี้! เดี๋ยวจะลดให้ข้างละห้าสิบ!”
……
……
วันต่อมา แสงอาทิตย์ส่องสว่าง หลี่เป่าซานเดินเข้ามาที่แผนกฉุกเฉินอย่างสบายใจ ท่าทางมีความสุขล้นปรี่
เมื่อถึงตอนแลกเวร อยู่ๆ ก็พบว่าเฉินชางนั่งกุมหน้าผากจึงรู้สึกแปลกใจ
“เสี่ยวเฉิน เงยหน้าขึ้นมา” หลี่เป่าซานพูด
เฉินชางชะงัก เอามือปิดหน้าผากไว้แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “หัวหน้าแผนก มีอะไรหรือครับ?”
หลี่เป่าซานเห็นเฉินชางยังเอามือปิดหน้าผากไว้ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจหนัก “หน้าผากคุณเป็นอะไร เห็นกุมอยู่ตลอด?”
ตอนนี้ทุกคนจึงมองไปที่เฉินชางอย่างสงสัย พบว่าเฉินชางใช้มือขวาปิดหน้าผากเอาไว้ตลอด
เฉินปิ่งเซิงชะงักไปเล็กน้อย “เสี่ยวเฉิน เอามือลง”
หลี่เป่าซานพยักหน้า “ใช่แล้ว เอามือปิดหน้าผากไว้ทำไม? มีอะไรให้คนอื่นเห็นไม่ได้หรือ!”
ฉินเยว่สะบัดหน้าหนี ส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมา
เฉินชางทอดถอนใจก่อนจะลดมือขวาลง ตอนนี้ทุกคนถึงกับตื่นตะลึงพรึงเพริด
บริเวณหน้าผากด้านขวาของเฉินชางคล้ายถูกตีจนบวมเป่ง ปูดบวมจนแดงช้ำ คาดว่าคงไม่หายในไม่กี่วันนี้แน่
หลี่เป่าซานเกือบถูกสภาพของเฉินชางทำเอาหัวเราะ อย่างกับราชาปีศาจเขาเงินในเรื่องไซอิ๋วแน่ะ
“คุณเป็นอะไร? เดินชนประตูตอนเข้าเวรดึกหรือ?”
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “ตอนเดินเข้ามา ผมชนประตูน่ะครับ…”
ทุกคนระเบิดหัวเราะออกมาโดยพลัน
ฉินเยว่ถลึงตาใส่เฉินชาง ใช้สายตาส่งกระแสจิตว่า ‘นับว่าคุณยังรู้ความ…’
เฉินชางรู้สึกจนใจจริงๆ
โบราณว่ามีแต่คนถ่อยและสตรีที่ห้ามหาเรื่อง…ที่หาเรื่องไม่ได้ที่สุดก็คือสตรีอกเล็ก ต่อกรยากที่สุดแล้ว!
ผมอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใย กลัวคนอื่นเห็นรูปร่างเดิมของคุณแล้วจะขอคืนของ เลยแนะนำหมอแล้วยังให้สิทธิพิเศษใหญ่ ลดเต้าละเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่คุณกลับ…
โอย…เจ็บจริง!
นอกจากนี้เฉินชางเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อกาวน์ไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษ สิ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษบวกพลังป้องกันสามก็คือถุงมือ นี่ทำให้เฉินชางอดเสียใจไม่ได้
ตอนเช้าทุกคนยังไม่ค่อยยุ่ง เฉินชางนั่งลูบหน้าผากบวมเป่งของตน ฉินเยว่เดินเข้ามาโยนกล่องครีมกล่องหนึ่งไปเบื้องหน้าเฉินชาง
“นี่คือยาสำหรับทาแก้ฟกช้ำที่เพื่อนฉันส่งมาให้ เป็นยาจากทิเบต ให้ผลดีไม่เลว คุณลองเอาไปใช้ดู”
เฉินชางหยิบกล่องขึ้นมา เห็นว่าเป็นยาจากทิเบตที่เขาอ่านไม่ออก แต่ก็มีอักษรจีนเขียนแปลกำกับอยู่จึงหันมามองฉินเยว่พูดด้วยใบหน้าอัดอั้นตันใจ “ผมมีสภาพแบบนี้แล้ว คุณต้องรับผิดชอบ…”
ฉินเยว่หัวเราะเสียงเย็น “หึ…”
จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป!
เฉินชางเปิดหลอดยา พบว่ากลิ่นย่ำแย่มาก เขาบีบออกมาเล็กน้อย นำไปทานวดบนหน้าผาก
หวังเชียนเดินผ่านมาพอดี เห็นยาที่เฉินชางทาโปะอยู่บนหน้าผากมีกลิ่นทำลายล้างจมูกอย่างมหาศาลถึงกับพูดว่า “ชางเอ๋อร์? ที่อยู่บนหัวคุณนั่น…เหม็นจริง!”
เฉินชางโกรธจนหนังตากระตุก ตอนนี้ไม่เพียงแค่เหม็น แต่ยังร้อนไปถึงดวงตาแล้วด้วย เฉินชางรู้สึกว่าดวงตาของตนร้อนผ่าว…ราวกับโดนน้ำร้อนลวก รู้สึกแทบอยากจะร้องไห้ เหมือนถูกน้ำมันหอมระเหยกระเด็นเข้าตาตอนเด็กๆ แต่รู้สึกสบายที่แผลไม่เจ็บขนาดนั้นแล้ว
ทนเอาหน่อยแล้วกัน…
ตอนเย็นใกล้เลิกงาน หวังหย่งวิ่งเข้ามาด้วยอาการร้อนรน “เฉินชาง! ให้ตายเถอะ ทำไมคุณถูกลงโทษได้ล่ะครับ?”
เฉินชางชะงักไป “ลงโทษ? ลงโทษอะไร!?”
ไม่ใช่แค่เฉินชางเท่านั้น สือน่าก็เดินกระหืดกระหอบเข้ามา “เสี่ยวเฉิน เมื่อคืนคุณไปทำอะไรไว้? ทำไมฝ่ายกิจการแพทย์ติดประกาศบอกว่าคุณหนีเวรตอนดึก? ตักเตือนมาแล้ว! เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินชางได้ยินดังนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที!
เป็นซ่งเฉียง!
ต้องเป็นเขาแน่นอน!