บทที่ 221 จำเป็นต้องมีแม่ทัพ!
เมื่อรถมาจอดอยู่ที่หน้าทางเข้าแผนกฉุกเฉินก็มีเจ้าหน้าที่เข็นรถเข็นมารอรับผู้ป่วยแล้ว
ผู้ป่วยถูกนำตัวไปที่ห้องกู้ชีพอย่างทันท่วงที!
เฉินชางไม่ได้รีบร้อนเลือกเรียน [ทักษะการผ่าเอาถุงซีสต์ไฮดาติดในปอดออก]
เพราะถึงอย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่การผ่าตัดธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการผ่าตัดระดับสามที่ความยากเกือบจะเทียบเคียงการผ่าตัดระดับสี่
การผ่าตัดเคสนี้สำหรับภาคกลางกับภาคเหนือจัดว่าเป็นการผ่าตัดระดับสี่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าระบบน่าจะวัดระดับความยากจากทั่วทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่
ถึงอย่างไรเสียโรคนี้ก็เป็นโรคพบได้บ่อยในเขตปศุสัตว์ โดยเฉพาะในช่วงยุคเจ็ดศูนย์ แปดศูนย์ ในยุคนั้นพบผู้ป่วยโรคพยาธิไฮดาติดจำนวนมาก ในทุกปีโรงพยาบาลในเขตปศุสัตว์จะมีเคสผ่าตัดประเภทนี้สูงถึงร้อยเคส ทำให้โรงพยาบาลในเขตปศุสัตว์มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มากเป็นพิเศษมาตั้งแต่ยุคนั้น
ในยุคนั้น โรงพยาบาลบางแห่งในเขตปกครองตนเองที่อยู่ในเขตปศุสัตว์มีสถิติการผ่าตัดรักษาโรคนี้ประสบความสำเร็จสูงกว่าโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ อย่างโรงพยาบาลปักกิ่งยูเนี่ยนกับโรงพยาบาลฮว๋าซีเสียอีก จนเรื่องนี้กลายเป็นที่โจษขานกันไปทั่ว
เรียนผ่าตัดระดับสามต้องใช้คะแนนทักษะสี่แต้ม ถ้าจะเพิ่มระดับให้สูงขึ้นอีกก็ต้องใช้คะแนนทักษะอีกหกแต้ม หมายความว่าถ้าต้องการความเชี่ยวชาญด้าน [ทักษะการผ่าเอาถุงซีสต์ไฮดาติดในปอดออก] ในระดับสูงก็จำเป็นต้องใช้คะแนนทักษะถึงสิบแต้ม
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ค่อนข้างรู้สึกเสียดาย
ถึงอย่างไรเสียการผ่าตัดประเภทนี้เกิดขึ้นน้อยมากเหลือเกิน กรณีที่…ผลตรวจออกมาไม่ได้เป็นโรคชนิดนี้ จะไม่เท่ากับต้องเปลืองคะแนนทักษะไปเปล่าๆ หรือ
แต่ถ้าผลตรวจยืนยันชัดเจนแล้วว่าเป็นโรคพยาธิไฮดาติดในปอดจริง เฉินชางก็ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะใช้คะแนนทักษะ!
เพราะรางวัลที่มาพร้อมกับรับภารกิจนี้ก็เป็นรางวัลที่น่าสนใจไม่เบา ซึ่งก็คือทักษะชั่วคราว
1.ทักษะการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกระดับสมบูรณ์
2.ทักษะการตรวจของเหลวในร่างกายระดับสมบูรณ์
หลังเสร็จสิ้นภารกิจเลือกหนึ่งทักษะเป็นทักษะถาวรได้
ณ เวลานี้มองออกเลยว่าระดับความเชี่ยวชาญและศักยภาพของทีมแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลอยู่ที่ระดับไหน
ตั้งแต่รับตัวผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการตรวจวินิจฉัย ติดเครื่องวัดสัญญาณชีพ เตรียมยา จากนั้นก็ดำเนินการตรวจด้วยวิธีการต่างๆ ทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างรวดเร็วเป็นระเบียบแบบแผน
เฉินชางมองด้วยความรู้สึกอิจฉา (ในแง่บวก)
ตอนนี้เอง เว่ยจื้อกับชายอายุห้าสิบปีเดินเข้ามา หลังจากที่เห็นเฉียนเลี่ยงแล้ว พวกเขาก็รีบเดินตรงเข้าไปหา
เฉียนเลี่ยงรีบกล่าว “ลำบากพวกคุณแล้ว หัวหน้าเว่ย หัวหน้าจาง”
จางเผยอี้ หัวหน้าแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑล เป็นชายชาตรีที่ตัดสินใจได้อย่างฉับพลันเฉียบขาด เมื่อมองจากระยะไกลรูปลักษณ์ไม่เหมือนหมอ ศีรษะโล้นเพราะโกนผมออกจนเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว เป็นชายที่มีกลิ่นอายของความกล้าหาญ
จางเผยอี้โบกไม้โบกมือ “ทุกคนช่วยชีวิตผู้ป่วยก่อน จริงด้วยสิ…ใครคือจิ่งหรานครับ”
จิ่งหรานชะงัก เขาเดินเข้าไปหาจางเผยอี้พร้อมกล่าวทักทาย “สวัสดีครับหัวหน้าจาง ผมชื่อจิ่งหรานครับ”
จางเผยอี้กล่าว “คุณเคยทำงานเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่สถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่ายมาก่อนหรือครับ คุณรู้จักโรคพยาธิไฮดาติดในปอดดีแค่ไหนครับ”
จิ่งหรานตรึกตรองอยู่หนึ่งรอบ “ถ้าได้ผลตรวจวินิจฉัยโรคเป็นที่แน่นอนแล้ว ก็ผ่าตัดได้เลยครับ แต่ในตอนนี้ต้องประคองอาการของผู้ป่วยให้คงที่ก่อน ผมคาดว่าถุงซีสต์ไฮดาติดในปอดของผู้ป่วยแตกแล้ว ก็เลยทำให้ของเหลวในถุงซีสต์ไหลเข้าสู่หลอดลม ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการสำลัก เจ็บหน้าอก จากนั้นก็ไออย่างรุนแรงจนมีของเหลวปริมาณมาณมาก กับสิ่งที่มีลักษณะเหมือนแผ่นเจลใสขย้อนออกมา สารในถุงซีสต์ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง และถ้าของเหลวในถุงซีสต์ที่แตกออกมาไหลเข้าสู่หลอดลมปริมาณมาก ก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยหยุดหายใจได้…
…ดังนั้นในตอนนี้ ผมคิดว่าเราควรรักษาอาการภูมิแพ้ก่อนเป็นอันดับแรก พร้อมกับการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อยืนยันผลที่แน่นอน จากนั้นก็เตรียมผ่าตัดภายในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุดครับ”
เมื่อเฉินชางได้ฟังสิ่งที่จิ่งหรานกล่าวอย่างเป็นลำดับขั้นตอนหนึ่งชุดใหญ่แล้ว เขาก็อดชำเลืองตามองไม่ได้ เพราะจิ่งหรานพูดในสิ่งที่ตนคิดจะพูดออกมาทั้งหมดแล้ว
ผู้ชายคนนี้มีดี!
ความจริงแล้วจิ่งหรานเลื่อมใสในเฉินชางมาก ณ สถานที่เกิดเหตุ เขาเห็นลำดับขั้นตอนในช่วยชีวิตผู้ป่วยในยามคับขันของเฉินชางกับตาตนเอง เฉินชางให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จัดการทุกอย่างด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็น วิเคราะห์สาเหตุอย่างสุขุม วินิจฉัยอาการอย่างฉับไวเฉียบขาด เคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วยได้ทันเวลา ทุกกระบวนท่าในการช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินของเฉินชางเหมือนกับกระบวนท่าของมวยไทเก็กที่มีลำดับแบบแผนชัดเจน ทำให้จิ่งหรานค่อนข้างรู้สึกเลื่อมใสเฉินชางจากใจจริง
และที่สำคัญที่สุดคือ จิ่งหรานคิดไม่ถึงว่าเฉินชางจะวินิจฉัยโรคที่พบได้ยากมากชนิดนี้ได้อย่างแม่นยำ
สาเหตุที่ตนรู้จักโรคชนิดนี้ก็เพราะตนอยู่ในเมืองหลวงซึ่งอยู่ใกล้กับมองโกเลียใน แต่เฉินชางที่อยู่ในภูมิภาคที่พบโรคชนิดนี้ได้น้อยมากถึงขั้นที่แทบจะไม่พบเลย แต่กลับวิเคราะห์สาเหตุออกมาได้ แน่นอนว่าจะต้องมีความรู้ในโรคนี้อยู่บ้าง!
ในเวลานี้ พยาบาลวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางที่ดูรีบร้อน
“หัวหน้าคะ ความดันโลหิตของผู้ป่วยอยู่ที่ 80/50 ค่ะ รักษาอาการภูมิแพ้ตอนนี้เลยมั้ยคะ”
จางเผยอี้ส่ายหน้า “ฉีดอะดรีนาลีนกระตุ้นความดันก่อน รอให้ความดันสูงขึ้นแล้วค่อยให้ยาเดกซาเมทาโซน[1] แล้วเรื่องระบบทางเดินหายใจล่ะ ยังไม่มีภาวะการหายใจล้มเหลวใช่มั้ย”
พยาบาลพยักหน้า “ค่ะ เวลานี้ยังไม่มี แค่ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำเล็กน้อยค่ะ”
พวกเขาเดินตรงไปยังห้องกู้ชีพ
เครื่องอัลตร้าซาวด์ข้างเตียงผู้ป่วยกำลังอยู่ระหว่างใช้งาน ทุกคนต่างก็รวบรวมสมาธิจดจ่ออยู่กับภาพที่ปรากฏบนหน้าจอมอร์นิเตอร์
ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจภาพที่ปรากฏบนหน้าจอมอร์นิเตอร์มากนัก แต่ก็พอเข้าใจในระดับหนึ่ง
จู่ๆ หมอผู้ทำอัลตร้าซาวด์ก็ถ่ายภาพหน้าจอเอาไว้ เขามีข้อวินิจฉัยอย่างคร่าวๆ ในใจแล้ว “ผลอัลตร้าซาวด์ยืนยันได้ว่าเป็นโรคพยาธิไฮดาติดแน่นอน ตรงจุดนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีก แต่ที่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราไม่รู้ว่าถุงซีสต์แตกไปแล้วหรือยัง ยังมีถุงซีสต์อีกหลายถุงที่ซ่อนตัวอยู่ ทำให้มองไม่เห็น ปัญหานี้ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะถ้าถุงซีสต์มีขนาดเล็กมากล่ะก็ เราก็จะตรวจหาไม่พบ”
จางเผยอี้ถามขึ้น “อัลตร้าซาวด์ตรวจหาไม่พบหรือครับ”
หมออัลตร้าซาวด์ส่ายหน้า “มีแค่สถิติที่แน่นอนเท่านั้น จำเป็นต้องตรวจหาเพิ่มด้วยวิธีอื่นเพื่อความสมบูรณ์ของผลวินิจฉัย”
ในเวลานี้ จู่ๆ จิ่งหรานก็พูดขึ้นว่า “วิธีอัลตร้าซาวด์ตรวจหาพยาธิไฮดาติดได้แม่นยำสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แต่สำหรับถุงซีสต์ที่แตกแล้ว การตรวจผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อแล้วด้วยวิธีนี้ ผลที่วินิจฉัยได้ยังขาดความแม่นยำอยู่ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะมีพยาธิไฮดาติดที่ปอดขวาก็อาจมีพยาธิอยู่ที่บริเวณตับด้วย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงกับซีทีสแกนร่วมด้วย การตรวจวิธีนี้มีความสำคัญมากในการตรวจหารอยโรค[2] ก่อนผ่าตัด เพราะโรคพยาธิไฮดาติดที่ปอด รวมทั้งโรคพยาธิไฮดาติดที่ตับผ่าตัดรักษาไปพร้อมกันได้…
…ในตอนนี้เรายืนยันได้แล้วว่าผู้ป่วยเป็นโรคพยาธิไฮดาติดที่ปอดจากวิธีตรวจอัลตร้าซาวด์ แต่ยังมีอีกสองอย่างที่ยังไม่ค่อยแน่ชัดนัก อย่างแรกคือบริเวณช่องท้องกับตับมีถุงซีสต์หรือเปล่า อย่างที่สองคือถุงซีสต์มีการติดเชื้อไปแล้วหรือยัง”
หลังจากที่พูดจบ จิ่งหรานก็บอกกับหมอผู้ตรวจว่า “ตรวจตับดูสักหน่อยเถอะครับ ดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
หมอผู้ตรวจพยักหน้าแล้วดำเนินการต่อ
ในตอนนี้ถ้าต้องการผลวินิจฉัยที่แน่นอนต้องอาศัยการตรวจที่แม่นยำ มีทางเดียวเท่านั้น ก็คือการตรวจให้เจอว่ามีบริเวณไหนบ้างที่มีถุงซีสต์อยู่ และมีปริมาณเท่าไร จึงจะวางแผนผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น!
กล่าวได้ว่า สำหรับการผ่าตัดแล้ว การตรวจมีความสำคัญเฉกเช่นเดียวกันกับการสอดแนมศัตรูฝ่ายตรงข้ามก่อนสู้รบ!
เดินหมากรุกผิดตาเดียวแพ้ทั้งกระดาน!
ทุกคนต่างก็เป็นถึงระดับหัวหน้าผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่มีคนไหนที่ไม่ใช่บุคคลเปี่ยมศักยภาพ แต่ละคนยืนเรียงกันอยู่ด้านข้าง รอผลอัลตร้าซาวด์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของผลอัลตร้าซาวด์ก็คือ ทำให้รู้ว่าจะดำเนินการผ่าตัดอย่างไร
เนื่องจากถุงซีสต์ที่อยู่บริเวณปอดค่อนข้างมีความซับซ้อน การผ่าตัดจึงไม่ง่าย เพราะถุงซีสต์ไม่ได้มีแค่หนึ่งถุง แต่มีหลายถุงกระจายอยู่ทั่ว!
แน่นอนว่าถ้าถุงซีสต์มีขนาดใหญ่ก็จะตรวจพบได้ง่าย แต่ถ้าถุงซีสต์มีขนาดเล็กล่ะ?
แล้วถ้าถุงซีสต์เหล่านี้ซ่อนอยู่บริเวณอื่นนอกเหนือจากบริเวณปอด หรือซ่อนอยู่ตามช่องท้อง หรือตามตับ ก็จะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากที่สุด
เพราะการผ่าตัดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งผลให้การฟื้นตัวหลังผ่าตัดช้า ซึ่งทุกคนต่างรู้และเข้าใจในจุดนี้ดี
แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การวินิจฉัยความเสียหายของโครงสร้างของถุงซีสต์ชั้นนอกกับชั้นในว่ารุนแรงระดับไหน เพราะสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับการผ่าตัดโดยตรงอย่างแท้จริง!
ซึ่งการวินิจฉัยนี้ทำได้ด้วยวิธีทดสอบทางชีวเคมีเพื่อยืนยันชนิดของเชื้อในร่างกาย จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงสี่ชั่วโมง และวิธีตรวจที่พิเศษคือการทดสอบปฏิกิริยาระหว่างแอนติเจนและแอนติบอดีกับการตรวจหาสารภูมิคุ้มต้านทานต่อพยาธิไฮดาติด ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน
สิ่งที่ต้องคิดในลำดับต่อมาคือทำอย่างไรถึงจะได้ผลตรวจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพแม่นยำ การพุ่งเป้าไปยังอาการบ่งชี้และดำเนินการตรวจทันทีดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก!
แน่นอนว่าจะตรวจให้ครบทุกวิธีก็ย่อมได้
แต่เวลาล่ะ
อาการของผู้ป่วยล่ะ
ตอนนี้สิ่งที่ทำอยู่คือกระตุ้นความดันโลหิตกับรักษาอาการภูมิแพ้ แต่ถ้ารอต่อไปอีก จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ดังนั้นจำเป็นต้องมีการวางแผนการผ่าตัดอย่างละเอียดรอบคอบ
บอกชัดเจนแล้วว่าอาการของผู้ป่วยค่อนข้างซับซ้อน แล้วใครจะฟันธงได้!
ใครจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฟันธงแผนการรักษาได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
ก็เหมือนกับการทำสงครามระหว่างสองกองทัพ จำเป็นต้องมีแม่ทัพที่มีอำนาจในการตัดใจชี้ขาด
ในเวลานี้ทุกคนต่างก็มองไปที่จิ่งหราน นักวิจัยหลังปริญญาเอกสถาบันโรคหลอดเลือดหัวใจแห่งชาติสังกัดโรงพยาบาลฟู่ว่าย ผู้ซึ่งมาจากเมืองหลวง!
เฉียนเลี่ยงอดถามไม่ได้ว่า “หมอจิ่งครับ คุณเคยเจอผู้ป่วยเคสแบบนี้มาบ้างหรือเปล่าครับ เราควรจะทำอะไรต่อจากนี้”
หลังจากที่จิ่งหรานตรึกตรองอยู่รอบหนึ่ง ขมวดคิ้วมุ่น “เรื่องการตรวจวินิจฉัยเป็นขั้นตอนที่จำเป็น แต่เราจำเป็นต้องให้หมอที่เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์เป็นพิเศษมาช่วยวินิจฉัย! เพราะถึงยังไง ผมก็ไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์มากนัก”
[1] เดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) คือ ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ฮอร์โมน หรือยากลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ (Glucocorticoid) ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันการหลั่งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งนำมาใช้รักษาโรคและภาวะต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย และการอักเสบของดวงตา หรืออาจนำมาใช้รักษาโรคหรือภาวะอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
[2] รอยโรค (lesion) เป็นศัพท์ทางการแพทย์ หมายถึงเนื้อเยื่อที่ผิดปกติที่พบในสิ่งมีชีวิต มักจะเกิดจากการบาดเจ็บหรือโรค