บทที่ 228 หมาเฉินหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!
[ติ๊ง! ยินดีด้วย ได้รับทักษะการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกระดับสมบูรณ์]
เฉินชางพยักหน้า นี่เป็นทักษะที่ดีทักษะหนึ่งจริงๆ
เสียอยู่อย่างเดียวก็คือมีแค่ทรวงอก
มันน้อยเกินไป
ถ้าคุณเงยหน้ามองด้านบน แล้วคุณเอกซเรย์บริเวณศีรษะได้ด้วยจะดีขนาดไหน?
หรือถ้าคุณมองเคลื่อนลงมาด้านล่างแล้วคุณเอกซเรย์บริเวณช่องท้องได้ด้วยจะดีขนาดไหน?
ช่างเถอะๆ…
เกิดเป็นคนอย่าโลภจนเกินไป
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินชางตื่นแต่เช้าตรู่ เดินไปที่แผนกฉุกเฉินด้วยอารมณ์แจ่มใส
เพิ่งจะก้าวเข้าไปในประตูใหญ่ เฉินชางก็เห็นเสี่ยวหลินกำลังยุ่งอยู่กับงานอยู่
เฉินชางหัวเราะ “เสี่ยวหลิน เมื่อคืนนี้เข้าเวรดึกหรือครับ”
เสี่ยวหลินทำเสียงไม่พอใจ “เชอะ!”
เฉินชางชะงักงัน เป็นอะไรเนี่ย
เฉินชางครุ่นคิด ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ในทุกๆ เดือนจะมีช่วงวันนั้นของเดือน เข้าใจๆ!
แล้วเฉินชางก็เดินไปที่ห้องทำงานทันที
และในตอนนี้เอง ฉางลี่น่าผู้เห็นเหตุการณ์ วิ่งเข้ามาหาเฉินชางพร้อมเข็มฉีดยาในมือ “เฉินชางคุณนี่จริงๆ เลยนะ คุณจงใจใช่มั้ย!…”
“…วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนคุณให้ได้!”
เฉินชางชะงัก “เดี๋ยวครับๆ น่าน่า คุณใจเย็นก่อน อธิบายให้ผมเข้าใจสักนิดก่อน!”
ฉางลี่น่าทำเสียงเชอะออกมาด้วยความใพอใจ “อธิบายให้เข้าใจสักนิดก่อนงั้นรึ ได้! คุณมานี่!”
เฉินชางส่ายหน้า “คุณวางอาวุธในมือก่อน!”
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนเวร อีกทั้งผู้ป่วยในช่วงเจ็ดโมงเช้าก็มีแค่ไม่กี่ราย ทุกคนต่างกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับงานรอบเช้า
และขณะที่เฉินชางกำลังพูดอยู่นั้น!
ทันใดนั้นก็มีพยาบาลกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับสิ่งเหล่านี้ในมือ…เครื่องวัดความดัน เครื่องถ่ายเลือด ปรอทวัดไข้ เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด!
“ไอ้หมาเฉินหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
“ไอ้หมาเฉินห้ามขยับ!”
เฉินชางสีหน้าสับสนมึนงง ผมทำอะไรผิดไปกันแน่
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนโกรธผมเยอะขนาดนี้!
หัวหน้าพยาบาลเถียนเซียงหลานเองก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน ชี้นิ้วมาแต่ไกลพร้อมกล่าวว่า “เฉินชาง! คุณมานี่ ฉันรับรองว่าจะไม่ตีคุณตาย!”
เฉินชางยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่
เมื่อคืนนี้ผมนอนละเมอหรือไง
ผมไปล่วงเกินอะไรพวกคุณหรือไง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็ค่อนข้างรู้สึกกระวนกระวายใจ ก่อนหน้านี้ก็ยังปกติดีนี่
เฉินชางสีหน้ากล้ำกลืนฝืนรับความไม่เป็นธรรม “หัวหน้าพยาบาลครับ ผมคิดว่าทุกคนกำลังเข้าใจอะไรผมผิดหรือเปล่า!”
เถียนเซียงหลานหัวเราะเยาะออกมา “เข้าใจผิด? เข้าใจผิดงั้นหรือ มาๆๆ คุณมาดูนี่ เข้าใจผิดตรงไหน!”
ระหว่างที่พูดเถียนเซียงหลานก็หยิบโทรศัพท์มือถืออกมา เปิดเข้าไปในหน้าประวัติสนทนาในวีแชท “คุณดู คุณส่งอะไรมา…”
“…ปกติลูกฉันก็ไม่ค่อยชอบกินข้าวอยู่แล้ว เมื่อวานตอนหัวค่ำหลังจากที่เห็นรูปที่คุณส่งมา ลูกฉันร้องไห้ทั้งคืน เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมกินข้าว เช้าตรู่วันนี้บอกฉันว่าฝันร้าย! คุณดูสิคุณทำอะไรไป!”
เฉินชางชะงัก “ไม่น่าใช่นะครับ หัวหน้าพยาบาล ปกติผมไม่ได้คุยกับพวกคุณในวีแชทส่วนตัว”
พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหลังทำเสียงเชอะออกมา “ไม่เคยคุยส่วนตัว? คุณไปดูประวัติสนทนาในวีแชทของคุณไป!”
“เมื่อวานตอนหัวค่ำพวกเรากินข้าวกันอยู่ดีๆ คุณส่งรูปมาให้ทุกคน คุณส่งให้คนเดียวไม่พอหรือไง”
“ใช่น่ะสิ! โน่น เฉินชาง อาหารมื้อเย็นของเมื่อวานทั้งหมดวางไว้ให้คุณอยู่ตรงนั้น กินลงไปซะดีๆ!”
“หมาเฉิน กินข้าวหมดแล้ว เราจะไว้ชีวิตคุณ…”
…
เมื่อเฉินชางเห็นว่าทุกคนต่างพูดเช่นนี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาประวัติสนทนาอย่างละเอียดในวีแชทด้วยความรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ทันทีที่เปิดเข้าไปเขาก็ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง!
บ้าไปแล้ว?
ผมไปส่งข้อความหาพวกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
คิดไม่ถึงว่าจะส่งรูปพยาธิไฮดาติดในปอดทั้งหมดให้พวกเธอ?
เฉินชางสีหน้าสับสนงุนงง
“โทร…โทร…โทรศัพท์ผมต้องเสียแน่ ผมไม่ได้ส่งจริงๆ นะครับ!”
ทุกคน “คุณคิดว่าพวกฉันเชื่อมั้ย”
เฉินชาง…
เฉินชางรู้สึกว่าตนได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างหนัก รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกินทน ผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แต่ทำไมถึงส่งข้อความไปให้พวกเธอได้?
เฉินชางกล่าวขอโทษขอโพยไปหนึ่งรอบแต่ก็ไม่มีใครรับคำโทษ ยากมากที่เขาจะได้รับความยุติธรรม แต่เฉินชางก็ยังสงสัยอยู่ในใจว่ารูปเหล่านั้นถูกส่งออกไปได้อย่างไร
หรือว่าผีหลอก?
ใช่แน่!
วันนี้เป็นวันที่ 15 กรกฎาคม ตรงกับวันสารทจีน[1]…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดตัวสั่นไม่ได้
บ้าแล้ว ไม่ใช่หรอกมั้ง
เมื่อคิดมาถึงตรง จู่ๆ เฉินชางก็พบว่าในช่วงที่ท้องฟ้าสว่างจ้าขนาดนี้กลับรู้สึกหนาวจางๆ ขึ้นมาได้
เฉินชางตกใจจนเสียขวัญไปหมดแล้ว
หรือว่าที่ห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลจะมีพลังงานลี้ลับแฝงอยู่
เฉินชางขมวดคิ้ว
วันนี้เป็นวันที่มีเคสผ่าตัดตลอดทั้งวัน แต่เป็นเคสผ่าตัดทั่วไป ผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบ ผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดี…
หลังจากที่เฉินชางผ่าตัดไปได้สองสามเคสแล้ว เขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นก็คือเรื่องรางวัลการผ่าตัดแบบแผลเล็ก
แต่เฉินชางค่อนข้างสงสัยว่าทำไมคนพวกนั้นถึงผ่าตัดแบบแผลเล็กไม่เป็น
บื้อเกินไปมั้ย!
ถุงนำโชคถุงเล็กสักถุงก็ยังไม่ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดกลุ้มใจไม่ได้
ระหว่างผ่าตัด จู่ๆ เฉินชางก็นึกเรื่องเมื่อวานตอนหัวค่ำขึ้นมาได้เลยอดถามพยาบาลไม่ได้ว่า “ย่วนย่วน คุณเคยเจอเรื่องอะไรแปลกๆ ที่ห้องผ่าตัดมั้ย”
ข่งย่วนย่วนชะงัก “หมอเฉิน…ความหมายของคุณคือ?”
เฉินชางตรึกตรองอยู่รอบหนึ่ง “ก็พวกผีอะไรพวกนี้…”
ข่งย่วนย่วนนิ่งเงียบไปพูดจา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงตอบว่า “เคยค่ะ…”
ในเวลาต่อมา เฉินชางก็รู้สึกว่าอุณหภูมิที่คงที่ในห้องผ่าตัดลดลงหลายองศาในทันใด
หวังหย่งที่ตอนนี้กำลังตัดไส้ติ่งอยู่ จู่ๆ ก็กล่าวขึ้นว่า “ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าเห็นชายชราคนนั้นกระโดดลงมาจากตึกตรงที่จอดรถจักรยาน”
ข่งย่วนย่วนกลืนน้ำลายหนึ่งอึก “ความจริงแล้วพลังลี้ลับในห้องผ่าตัดอัดแน่นมาก…”
“…โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปกติแล้วในห้องผ่าตัดมีคนตายอยู่บ่อยๆ!…”
“…เมื่อปีที่แล้วช่วงตรุษจีน มีครั้งหนึ่งที่เข้าเวรดึกแล้วพี่เสี่ยวหลิงกับพี่ฮุ่ยไม่มีใครมาเลย ฉันเข้าเวรดึกอยู่คนเดียวในคืนวันตรุษจีน ฉันคิดว่าอยู่คนเดียวคงไม่เป็นอะไร แต่ในคืนวันนั้นฉันมักจะรู้สึกว่าในห้องผ่าตัดมีพลังงานบางอย่างแฝงอยู่ ตอนกลางดึกฉันเห็นเหมือนมีเงาคนล่องลอยอยู่ในห้องผ่าตัด”
ทันทีที่เฉินชางได้ฟังเช่นนั้น เขาก็หัวเราะกระอักกระอ่วนออกมา “ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ?”
ข่งย่วนย่วนส่ายหน้า “คืนวันนั้นฉันไม่หลับเลยแม้แต่นิด ฉันวิ่งไปที่แผนกวิสัญญี ไปชวนหมอหลิวคุยทั้งคืน…”
“…วันต่อมาฉันไปที่ศาลเจ้าขอยันต์คุ้มครองมาหนึ่งอัน…”
“…หมอเฉิน เรื่องแบบนี้จะพูดยังไงดีล่ะ บางสิ่งเชื่อว่ามีก็มี เชื่อว่าไม่มีก็อาจจะไม่มี แต่ผู้หญิงอย่างพวกฉันค่อนข้างขี้กลัว ดังนั้น…เชื่อว่ายันต์นี้ช่วยคุ้มครองได้ก็แล้วกัน”
เรื่องเล่าทั้งหมดนี่ทำให้เฉินชางรู้สึกหวาดระแวง
…
…
ในตอนกลางวันมีเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งวิ่งถือกล่องข้าวสีชมพูเข้ามาในแผนกฉุกเฉิน เด็กหญิงวิ่งเข้าไปมาในห้องทำงานด้วยความรีบร้อน
หลังจากที่เข้ามาในห้องทำงานแล้ว เด็กหญิงเหลียวซ้ายแลขวา แต่ก็ไม่เจอเฉินชาง
และในตอนนี้เอง หวังเชียนก็หัวเราะออกมาทันใด “อุ๊ย เถียนเถียน มาหาเฉินชางหรือครับ”
เสี่ยวเถียนเถียนมองหวังเชียนทีหนึ่ง พยักหน้าพร้อมกะพริบตาปริบๆ ด้วยนัยน์ตาที่กลมโต “ค่ะ!”
พยาบาลแผนกฉุกเฉินหัวเราะออกมา “เถียนเถียน มาหาคนรักของหนูหรือจ๊ะ!”
ใบหน้าดวงน้อยของเถียนเถียนแดงระเรื่อ ยังคงไม่พูดไม่จา
เฉินชางเพิ่งจะกลับมาถึงแผนกฉุกเฉิน ก็ได้ยินคนตะโกนเรียกเขา “เฉินชาง แฟนตัวน้อยของคุณมาแล้ว”
เฉินชางชะงัก เขายืนอยู่หน้าประตูห้องทำงาน กวาดตามองเข้าไปภายในห้อง “เถียนเถียน หนูมาได้ไงครับ พ่อกับแม่หนูล่ะ”
ในเวลานี้ สวีเหลียงกับภรรยาก็เดินเข้ามาพอดี “คุณหมอเฉิน รบกวนคุณแล้ว เถียนเถียนจะมาหาคุณหมอให้ได้น่ะครับ เราเห็นว่าถึงเวลาต้องมาติดตามอาการหลังรักษาพอดี ก็เลยพาเถียนเถียนมาน่ะครับ”
เฉินชางยิ้ม เด็กคนนี้น่ารักจัง
เฉินชางลูบศีรษะเถียนเถียน “ไปกันเถอะครับ หมอจะดูแผลให้”
เถียนเถียนทำราวกับเป็นแม่บ้านตัวน้อย เธอส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “กินข้าวก่อน เดี๋ยวเย็นหมดนะ วันนี้แม่จ๋าทำเกี๊ยว”
สวีเถียนเถียนแสดงท่าทางว่าถ้าไม่กินเกี๊ยวก่อนก็จะไม่ไป เฉินชางก็เลยจำใจนั่งลงกินเกี๊ยวจนหมด
เถียนเถียนยังคงเป็นเหมือนแต่ก่อน มองเฉินชางรับประทานอาหาร เช็ดปากให้เฉินชาง จากนั้นก็เอียงในหน้ารูปไข่มาใกล้เฉินชาง รอให้เฉินชางหอมแก้มหนึ่งที
แล้วจึงยอมไปตรวจแผลอย่างว่าง่าย
ถึงอย่างไรเสียก็เป็นเด็ก แผลหายไวมาก
หลังจากตรวจแผลเรียบร้อยแล้ว เถียนเถียนจึงอุ้มกล่องข้าวเดินจากไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ ปากก็กล่าวด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน “เฉินชาง หนูมาหาคุณอีกได้มั้ย ฮือ ฮือ…”
เพิ่งจะเดินพ้นประตูไป ก็ส่งเสียงร้องไห้โฮเสียงดังออกมา
ทำเอาทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะเย้าหยอกออกมา
เมื่อเฉินชางเห็นลักษณะที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูของเถียนเถียน จู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากจะมีลูกขึ้นมา
แต่ดูเหมือนว่าแฟนสักคนตนก็ยังไม่มี…
[1] วันสารทจีน เป็นวันไหว้บรรพบุรุษของชาวจีน อีกทั้งยังเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดเพื่อปลดปล่อยให้วิญญาณขึ้นมารับกุศลผลบุญ