บทที่ 242 ลายเส้นที่วาดไว้เมื่อกลางวันลบได้หรือยังครับ
สวีข่ายหลินพลันตกตะลึงในใจ!
เป็นความรู้สึกประเภทเดียวกับเห็นคนวาดรูปโมนาลิซา แต่ตนกลับพูดออกไปว่าวาดบ้าอะไรกัน
เธอรู้สึกว่าเรื่องจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ก็เลย
เธอก็เลยดูอย่างตั้งใจ!
ดูอย่างละเอียด!
ดูอย่างใส่ใจ!
ดูซ้ำๆ อยู่นาน!
แต่ยิ่งดูก็ยิ่งต้องยอมรับว่านี่เป็นการออกแบบแผนการปลูกถ่ายผิวหนังที่หมอหนุ่มมาดนิ่งคนนั้นออกแบบให้กับโต้วซินเมื่อตอนกลางวัน
นัยน์ตาของสวีข่ายหลินเบิกโต เธอมองหมอหนุ่มคนนี้ด้วยความเหลือเชื่อ ที่แท้เมื่อตอนกลางวันเขาร่างแผนออกแบบการปลูกถ่ายผิวหนังทั้งหมดออกมา
แต่หลังจากที่โดนตนพูดแทรกตัดบทไป หมอหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ว่าอะไร กลับถ่อมเนื้อถ่อมตัวและสุขุมมาก
สวีข่ายหลินรู้สึกเหลือเชื่อมาก นี่จะต้องเป็นคนที่สุขุมเยือกเย็นมากขนาดไหนกัน
สวีข่ายหลินลองคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราดู เธอพบว่าถ้าเป็นตัวเธอเองเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เจอคนไม่ให้เกียรติผลงานที่ตนทุ่มเท ตนจะต้องควบคุมอารมณ์ให้สุขุมเยือกเย็นแบบนี้ไม่ได้แน่
ในทางตรงกันข้ามหมอหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่กลับวางตัวสขุมไม่โอ้อวด นั่งสงบอยู่ตรงนั้น จับปากกาวาดๆ เขียนๆ ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อครู่นี้ตอนที่หัวหน้าฉินพูดจบ เขายังคนที่ปรบมือคนแรกเลยด้วย
หรือว่าเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง?
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะแจ้งเกิดในแวดวงนี้!
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วมารวมตัวกันในสถานการณ์เช่นนี้ เป็นโอกาสที่ดีมากในการแสดงศักยภาพที่สร้างความตกตะลึงถึงขั้นเปลี่ยนชีวิตหน้าที่การงานเลยก็ย่อมเป็นไปได้!
เขาคงจะเป็นพวกอัจฉริยะ!
ก็เลยไม่สนใจเรื่องพวกนี้…
…
…
จู่ๆ ในเวลานี้ฉินเสียงก็เกิดรู้สึกว่าตนเก่งตนแน่ ถูกต้อง เขารู้สึกว่าตนออกแบบแผนการปลูกถ่ายผิวหนังเช่นนี้ออกมาได้ จะต้องเป็นเพราะประสบการณ์ความรู้ที่สั่งสมมาแน่ เป็นความรู้สึกราวความคิดและไอเดียที่อัดแน่นอยู่ในสมองพวยพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุ ควรจะเรียกว่าเมื่อจังหวะของความสำเร็จมาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ประสบผลสำเร็จโดยพลัน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินเสียงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
อืม คงจะเป็นเหมือนคำกล่าวที่ว่า เมล็ดพันธุ์ที่ล้ำค่าต้องใช้เวลายาวนานในการบ่มเพาะ?
ฉินเสียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที ทำให้ตนเองดูสง่าสุขุมและมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้ หวังอวี้ซานกับทีมหัวหน้าในโรงพยาบาลต่างก็แลกเปลี่ยนความคิดและปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการปลูกถ่ายผิวหนังด้วยวิธีนี้ ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นแผนการที่ประณีต แนวคิดดีมาก ทั้งยังเป็นวิธีมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง
แต่!
ปัญหาหนึ่งที่พบคือปัญหาด้านเทคนิค
ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว ยิ่งแผนการรักษาที่ออกแบบได้ประณีตมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจำเป็นต้องใช้เทคนิคสูงเป็นรากฐานหลักในการรักษามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
สำหรับอาชีพแพทย์แล้ว แผนการรักษาที่ออกแบบได้เรียบง่ายไม่ซับซ้อนถือเป็นเรื่องดี ถึงอย่างไรเสียก็ลดระดับความยากในการผ่าตัดลงได้ รับประกันได้ถึงความปลอดภัยในการผ่าตัด ยกระดับความมั่นใจให้กับทีมแพทย์ได้ เป็นต้น
แต่แผนการรักษาที่ออกแบบได้ละเอียดหรือประณีต ถึงแม้จะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ป่วย แต่สำหรับแพทย์แล้ว กลับเป็นเรื่องของหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องแบกรับ
แผนการรักษาที่ออกแบบได้ประณีตเช่นนี้ มีโอกาสที่จะเจอปัญหายุ่งยากจำนวนมาก ถ้าขาดฝีมือที่มากพอก็ยากมากที่จะประสบผลสำเร็จ!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หวังอวี้ซานอดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าฉินครับ แผนที่คุณออกแบบจะว่าเป็นแผนที่ดีก็ใช่ครับ! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมมากแน่ แต่…ระดับความยากในการผ่าตัดไม่น้อยเลยนะครับ!…
…คุณดูนะครับ ถ้าคิดจะผ่าตัดเคสนี้ให้ประสบความสำเร็จตามแผน อย่างน้อยก็ต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดี อันดับแรกเลยก็คือในด้านของกระบวนในการปลูกถ่ายผิวหนัง จำเป็นต้องมีเทคนิคที่เสถียร รับประกันได้ว่าผิวหนังที่ถูกโยกย้ายไปจะเข้ากันได้ดีกับตำแหน่งที่รับการปลูกถ่าย อันดับรองลงมาคือด้านของการเชื่อมหลอดเลือดเข้าด้วยกัน ต้องเตรียมความพร้อมในแต่ละด้านให้ดี จำเป็นต้องมีความเพียบพร้อมในด้านเทคนิค และสุดท้าย ด้านนี้เป็นอีกหนึ่งด้านที่มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งก็คือเทคนิคการเย็บแผลที่สูงมากเป็นพิเศษ เพื่อที่จะรับประกันได้ว่าผิวหนังที่ปลูกถ่ายจะเชื่อมติดกันได้อย่างสมบูรณ์”
หลังจากที่หวังอวี้ซานพูดจบ หัวหน้าเสี้ยวก็พยักหน้า “ถูกต้องครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเคสนี้ก็คือการเย็บผิวหนัง ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการผ่าตัดเคสนี้ แล้วก็เป็นเทคนิคที่ยากที่สุด เพราะถึงยังไง การเย็บผิวหนังที่ปลูกถ่ายกับการเย็บแผลทั่วไปก็มีความแตกต่างกันมาก”
“หัวหน้าเสี้ยวเป็นแพทย์ผิวหนังระดับหัวหน้าของมณฑลตงหยางเรา เป็นผู้มีฝีมือล้ำเลิศในแวดวงนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีฝีมือในการเย็บผิวหนังระดับสูง บอกตามตรงนะครับว่า พวกเราตั้งตาคอยการปลูกถ่ายผิวหนังเคสนี้มาก”
ฉินเสียงหัวเราะ เป็นเพราะตนมองสถานการณ์ล่วงหน้าออกก็เลยเชิญเฉินชางมาล่วงหน้า
ตนเคยเห็นฝีมือการเย็บผิวหนังของเฉินชางมากับตาตนเอง เทคนิคการนั้นของเฉินชาง จุ๊จุ๊จุ๊ เกินบรรยายจริงๆ
พอฝ่ายนั้นกล่าวมาถึงตรงนี้ ฉินเสียงก็อดกล่าวอย่างถ่อมตัวเล็กน้อยไม่ได้ “ความจริงแล้วแนวคิดนี้ไม่ใช่คุณงามความดีของผมเพียงคนเดียว เป็นผลมาจากความทุ่มเทของผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่านของโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วด้วยน่ะครับ ผมก็แค่หยิบยกแนวคิดแต่ละแนวคิดมาประยุกต์เท่านั้นเองครับ!…
…แต่ พวกเราได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเย็บผิวหนังมาร่วมในเคสนี้ด้วย การปลูกถ่ายผิวหนังจะเริ่มขึ้นในวันพรุงนี้!”
หวังอวี้ซานหัวเราะพร้อมถามว่า “หัวหน้าฉินครับ พวกเราทุกคนสนใจเคสนี้มากจริงๆ ทางเราขอความกรุณาได้ถ่ายทอดสดขณะที่ปลูกถ่ายผิวหนังเคสนี้ได้หรือเปล่าครับ ให้หมอในโรงพยาบาลของเราได้เปิดหูเปิดตา”
ฉินเสียงยิ้มเล็กน้อย “ได้เลยครับ!”
การประชุมทางไกลสิ้นสุดลงอย่างน่าพึงพอใจ ฉินเสียงมองบรรดาหมอที่อยู่ในที่ประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “ผมเชื่อว่าทุกคนจะได้รับความรู้ไม่มากก็น้อยจากการประชุมทางไกลเพื่อร่วมกันวางแผนการรักษาในวันนี้ หลังจากออกจากห้องประชุมไปแล้ว ทุกคนเขียนรายงานสรุปเกี่ยวกับการปลูกถ่ายผิวหนัง รอถึงวันจันทร์ช่วงเปลี่ยนเวร ผมจะให้ทุกคนแสดงความรู้สึกกับความคิดเห็นของตนเอง…
…แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การปลูกถ่ายผิวหนังในวันพรุ่งนี้ ทุกคนต้องมาที่โรงพยาบาล มารวมตัวกันที่ห้องผ่าตัด ยกเว้นหมอที่เข้าเวร เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเคสปลูกถ่ายผิวหนังเคสนี้”
หลังจากกล่าวจบ ฉินเสียงดีใจมาก ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว ตนยังแสดงศักยภาพต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นของโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วได้ อีกทั้งยังทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอให้ตนถ่ายทอดสดการปลูกถ่ายผิวหนังเคสนี้ด้วย นี่เป็นเรื่องที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินเสียงก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง!
อาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่นับถือกันที่ความสามารถ คุณมีศักยภาพ คุณก็จะได้รับความเคารพนับถือจากคนอื่น
หลายปีที่ผ่านมานี้ วันนี้เป็นวันที่ฉินเสียงภาคภูมิใจมากที่สุดแล้ว
หลังจากกล่าวจบแล้ว ฉินเสียงก็มองเฉินชางด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมกับความตื่นเต้นดีใจ เขาตบไหล่เฉินชาง “เสี่ยวเฉิน พรุ่งนี้ต้องรบกวนคุณด้วยนะครับ!”
เฉินชางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหาครับหัวหน้า ผมจะรีบมาแต่เช้า”
ฉินเสียงพยักหน้า “ครับ! พรุ่งนี้พวกเราจะคว้าเกียรติยศต่อหน้าชาวโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่ว! ช่างเป็นช่วงเวลาที่ให้ความตื่นเต้นฮึกเหิมมากจริงๆ…
…แค่คิดผมก็รู้สึกฮึกเหิมแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้ถ่ายทอดสดการปลูกถ่ายผิวหนังให้กับทีมหัวหน้าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลชั้นนำอย่างโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วได้ คิดแล้วก็ค่อนข้างเหลือเชื่อ”
เฉินชางหัวเราะ “หัวหน้า คุณเก่งมากอยู่แล้วครับ!”
ฉินเสียงยิ้มอย่างถ่อมตัว
หลังจากกล่าวลาเฉินชางแล้ว ฉินเสียงก็กล่าวกับแพทย์เจ้าของไข้ว่า “ไปกันครับเสี่ยวสวี พวกเราไปหาโต้วซินกัน บอกเรื่องผ่าตัดวันพรุ่งนี้ให้เธออทราบสักหน่อย”
สวีข่ายหลินมองฉินเสียงที่ดูจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม เธอคิดจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกไป แต่คิดทบทวนดูอีกครั้งก่อน ถ้าตนพูดไปจเป็นการหาเหาใส่หัวหรือเปล่า
หมอหนุ่มคนนั้นยังไม่พูดอะไรเลย ตนจะพูดไปทำไม
ในฐานะที่เป็นลูกน้องของหัวหน้าที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่พึงกระทำมากที่สุดควรเป็นการกล่าวชมสักประโยคสองประโยคไม่ใช่หรือ
ในเวลานี้สิ่งที่หัวหน้าจำเป็นต้องได้รับก็คือคำประจบสอพลอ ได้ฟังเสียงแฟนคลับผู้ซื่อสัตย์ตะโกนเยินยอว่า เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สวีข่ายหลินก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เยี่ยมมากค่ะหัวหน้า…
…วันนี้หัวหน้าเก่งมากจริงๆ ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ค่ะว่าหัวหน้าจะคิดแผนออกแบบการปลูกถ่ายผิวหนังที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ออกมาได้ บอกตามตรงนะคะ ตอนที่ได้ยินเป็นครั้งแรก ฉันค่อนข้างตกตะลึง กล้าพูดเลยว่าเป็นแผนการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา!…
…หัวหน้าเป็นบุคคลที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ความรู้ที่สั่งสมมายาวนาน ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งเชี่ยวชาญจริงๆ เลย!”
หลังจากพูดจบสวีข่ายหลินก็ยกนิ้วโป้งให้ฉินเสียง!
หลังจากประจบสอพลอเสร็จยังปิดท้ายด้วยการแสดงท่าทียกย่อง จัดว่าได้ว่าประจบได้สมบูรณ์แบบมาก!
ฉินเสียงเองก็เพลิดเพลินกับคำเยินยอ ระหว่างที่คุยกันทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ฉินเสียงมองสองพ่อลูกพร้อมกล่าวปลอบโยนว่า “ซินซิน เราจะทำการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังกันวันพรุ่งนี้นะครับ พวกเราออกแบบแผนการปลูกถ่ายผิวหนังเรียบร้อยแล้ว เป็นแผนการรักษาที่ดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนการรักษาของเราได้รับยอมรับจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลหมัวตูซื่อลิ่วอีกด้วย การผ่าตัดในวันพรุ่งนี้จะมีการถ่ายทอดสดให้ฝ่ายนั้นได้รับชมเป็นกรณีศึกษา”
เมื่อโต้วเฉียงกั๋วได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันใด เขากล่าวว่า “หัวหน้าฉินครับ ครั้งนี้คุณต้องมาเหนื่อยเพราะเรา ลำบากคุณแล้วจริงๆ! ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไงดี”
ฉินเสียงโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของพวกเรา บอกตามตรงนะครับ ช่วยซินซินได้ผมก็ดีใจมากแล้ว เธอเป็นสาวน้อยที่น่ารักมาก”
โต้วเฉียงกั๋วกล่าว “เอ่อ…หัวหน้าครับ ลายเส้นที่วาดไว้เมื่อกลางวันลบได้หรือยังครับ”
ฉินเสียงชะงัก “ลายเส้นอะไรครับ”
ในจังหวะนี้ โต้วซินก็หันหน้ามา
ฉินเสียงตกอยู่ในสภาวะเงียบงันในทันใด…