ตอนนี้ภายในห้องประคองชีพ เตียงกู้ภัยแปดเตียงมีผู้ป่วยนอนอยู่เต็มทุกเตียง!
แต่ละคนนอนร้องโอดครวญออกมาไม่หยุด!
“หมอช่วยผมด้วย!”
“หมอ…ผมทรมาน ปวดหัวเหลือเกิน!”
“ผมอยู่ที่ไหน…ช่วยผมด้วย ผมอยากตาย ทำไมผมมองไม่เห็น!”
เพิ่งจะเข้ามาในห้องประคองชีพก็ได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังออกมาเป็นระลอก ฟังดูแหบแห้งไร้พลัง
จางซูเห็นหลี่เป่าซานเข้ามาก็รีบเดินมาหา “หัวหน้าแผนก คุณมาแล้ว!”
หลี่เป่าซานรีบถามทันที “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
จางซูพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สถานการณ์…ไม่ดีเลยค่ะ!”
“หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าผู้ป่วยที่ถูกพิษเหล่านี้มีอัตราการเต้นของชีพจรเร็วเกินไป มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในระดับที่แตกต่างกัน กราฟหัวใจเต้นผิดปกติ มีภาวะไตวายรุนแรง ผู้ป่วยสามคนมีสภาวะเลือดคั่งที่ประสาทตา จอประสาทตาบวมน้ำ มีข้อบกพร่องด้านการมองเห็น! ทั้งยังมีอาการเมตาบอลิซึมเป็นพิษอย่างรุนแรง!”
เมื่อหลี่เป่าซานได้ฟัง ก็รู้สึกเย็นวาบที่หัวใจ สัญญาณแต่ละอย่างที่ปรากฏพุ่งไปที่คำตอบเดียว!หลี่เป่าซานพูดขึ้นว่า “พิษเมทานอล?”
จางซูพยักหน้า “ใช่ค่ะ! พิษเมทานอล ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายคนถูกพิษในระดับสูงด้วย!”
หลี่เป่าซานหันมา เริ่มตรวจสอบคนไข้ “เอาผลการทดสอบมาให้ผม!”
หมอที่อยู่ด้านข้างนำประวัติผู้ป่วยส่งไปให้ หลี่เป่าซานยิ่งอ่านก็ยิ่งกังวล!
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที หลี่เป่าซานก็ทำการตรวจสอบผู้ป่วยทุกคนจนเสร็จ พูดขึ้นว่า “ล้างกระเพาะหรือยังครับ? แล้วให้ยาหรือยัง?”
จางซูพยักหน้า “ล้างทุกคนแล้วค่ะ! ใช้โซเดียมคาร์บอเนตหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ล้างเสร็จแล้วก็ใช้โซเดียมคาร์บอเนตสี่เปอร์เซ็นต์ปริมาณสองร้อยห้าสิบมิลลิลิตรหยดทางเลือดเพื่อล้างพิษ ใช้แมนนิทอลยี่สิบเปอร์เซ็นต์ปริมาณสองร้อยห้าสิบมิลลิลิตรรวมกับเดกซาเมทาโซนสิบมิลลิกรัมฉีดทางเลือดเพื่อป้องกันอาการบวมน้ำในสมอง”
“แต่ว่า…มีผู้ป่วยหกคนอาการค่อนข้างสาหัส ต้องการฟอกไต ตอนนี้ถูกส่งไปที่ห้องฟอกไตแล้ว แต่ฉันเป็นห่วงผู้ป่วยเตียงสามและเตียงเจ็ด ตอนนี้พวกเขาสลบไปแล้ว”
หลี่เป่าซานพูดขึ้น “ผมจะไปถามโรงพยาบาลอื่นดูว่ามีเครื่องฟอกไตว่างหรือเปล่า!”
พูดจบหลี่เป่าซานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มต่อสายโทรออก “เหล่าเฉิน ผมหลี่เป่าซานนะครับ ตอนนี้เครื่องฟอกไตของโรงพยาบาลพวกคุณใช้งานอยู่หรือเปล่าครับ? ไม่มีหรือ! โอเคครับ เท่านี้นะครับ…”
โทรไปสี่ห้าสายแล้ว แต่โรงพยาบาลที่ฟอกไตได้ต่างก็ใช้งานเครื่องฟอกไตทั้งหมด!
จะทำอย่างไรดี?
หลี่เป่าซานรู้สึกร้อนรน จู่ๆ เขาก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“โรงพยาบาลเพิ่งซื้อเครื่องฟอกไตทางช่องท้องมาใหม่หลายเครื่องไม่ใช่หรือ?”
เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายหาผู้อำนวยการของสถาบันในสังกัดโรงพยาบาล ผู้อำนวยการห่าว “ผู้อำนวยการห่าว ผมหลี่เป่าซานนะครับ ตอนนี้เครื่องฟอกไตทางช่องท้องของโรงพยาบาลเราใช้ได้หรือเปล่าครับ? ตอนนี้มีผู้ป่วยถูกพิษอาการสาหัสจำเป็นต้องฟอกไตด่วน แต่ตอนนี้เครื่องฟอกไตทางเลือดมีคนใช้หมดแล้ว ผู้ป่วยรอไม่ไหวแล้วครับ!”
ห่าวซวี่เลี่ยงทอดถอนใจ “เครื่องฟอกไตทางช่องท้องนำกลับมาแล้วครับ ถ้าจะใช้ก็ได้ แต่เคยลองมาแล้วยังไม่มีวิธีการใช้ที่แน่ชัด ตอนนี้ส่งหมอหลายคนไปฝึกอบรมอยู่”
หลี่เป่าซานได้ยินถึงตรงนี้ก็กำโทรศัพท์ มองไปยังจางซู ถามว่า “คุณใช้เครื่องฟอกไตทางช่องท้องเป็นหรือเปล่าครับ?”
จางซูหน้าแดงพลางส่ายหน้า “เคยเห็นคนอื่นใช้แต่ตัวเองไม่เคยใช้ค่ะ”
เสียงของห่าวซวี่เลี่ยงดังขึ้น “เป่าซาน คุณอย่าร้อนใจไป ไม่งั้นลองถามโรงพยาบาลอื่นดูก่อนว่ามีหมอว่างหรือเปล่า ให้ช่วยส่งมาสักสองสามคน”
หลี่เป่าซานพูดต่อ “ผมเพิ่งโทรไปถามโรงพยาบาลอื่นมา ตอนนี้พวกเขากำลังยุ่ง คราวนี้มีคนถูกพิษค่อนข้างมากน่ะครับ”
“ไม่งั้นก็เอาแบบนี้! ผู้อำนวยการห่าว ผมจะลองดูสักหน่อย ถึงผมไม่ได้เรียนมาโดยเฉพาะ แต่ก็เคยเห็นมาไม่น้อย ให้ผมไปลองดูหน่อยนะครับว่าทำได้หรือเปล่า?”
ห่าวซวี่เลี่ยงได้ยินดังนั้นก็ตกใจ “เป่าซาน คุณอย่าก่อเรื่อง! การฟอกไตเป็นเรื่องที่คุณเอามาล้อเล่นได้หรือ? นี่ต้องให้คนในครอบครัวเซ็นสัญญายินยอมนะครับ! ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!”
ทันใดนั้นในห้องก็จมลงสู่ความเงียบ!
ทุกคนรู้สึกเคร่งเครียดยิ่ง!
หลี่เป่าซานรู้สึกได้ถึงความไร้พลังที่ล้นออกมาในสมอง!
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าพอถึงตอนที่จะใช้ค่อยรู้สึกว่าความรู้น้อยเกินไป?
ตอนเรียนแพทย์ ความรู้สึกนี้ชัดเจนที่สุดแล้ว!
ผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตนอนอยู่ต่อหน้าคุณ แต่คุณกลับพบว่าตนเองมีความสามารถไม่พอ มอบการรักษาที่มีประโยชน์ให้ผู้ป่วยไม่ได้ ความรู้สึกไร้ความสามารถและความพ่ายแพ้เช่นนี้ ไม่ว่าเมื่อใดก็น่าเจ็บใจ
ดังนั้นการเรียนวิชาแพทย์ที่แท้จริงไม่ได้เรียนกันที่มหาวิทยาลัยหรือปริญญาโทปริญญาเอก จะได้เรียนรู้เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ป่วย!
ถึงเฉินชางจะไม่เคยเรียนปริญญาโทปริญญาเอก แต่ความสามารถในการรับมือกับผู้ป่วยของเขาไม่ต่างจากผู้ที่เรียนปริญญาโทเลย!
ถึงอย่างไร เคสผู้ป่วยก็เป็นอาจารย์ที่ดีที่สุด!
จะทำอย่างไรดี?
นักเรียนที่อยู่ด้านข้างร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเครื่องฟอกไตทางช่องท้องมาได้ ผลกลับกลายเป็นว่าไม่มีใครใช้เป็น!
หลี่เป่าซานกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา คิ้วขมวดแน่น ทำอย่างไรดี! ทำอย่างไรดี!
ห่าวซวี่เลี่ยงเห็นหลี่เป่าซานเงียบไม่พูดอะไรก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “เป่าซาน ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ให้คุณใช้จริงๆ นะครับ แต่ผมคิดเพื่อคุณ คุณเป็นแพทย์อาวุโสย่อมเข้าใจเหตุผลนี้มากกว่าผม ไม่ใช่ว่าผมไม่ให้คุณใช้ เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าคุณหาคนที่ใช้เครื่องฟอกไตทางช่องท้องมาได้ ผมจะให้คุณรับผิดชอบ!”
หลี่เป่าซานเงียบไม่พูดอะไร!
จะไปหาคนที่ใช้เครื่องฟอกไตทางช่องท้องได้จากที่ไหน?
เทคนิคการฟอกไตทางช่องท้องเริ่มขึ้นในยุคเก้าศูนย์ โลกนี้เพิ่งจะมีเทคนิคนี้ขึ้นในยุคเก้าศูนย์! และเทคนิคนี้เพิ่งถูกนำเข้ามาในประเทศไม่นาน หลายโรงพยาบาลยังไม่มีเทคโนโลยีการฟอกไตทางช่องท้องด้วยซ้ำ!โดยปกติการฟอกไตทางช่องท้องใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะกรดยูริกในปัสสาวะและภาวะไตวาย แต่การฟอกไตทางช่องท้องก็นำมาใช้รักษาผู้ป่วยที่ถูกพิษเมทานอลอย่างรุนแรงได้เช่นกัน หากใช้การฟอกไตจะเห็นผลดี!
ยิ่งไปกว่านั้นการฟอกไตทางช่องท้องและการฟอกไตทางเลือดยังมีข้อแตกต่างกันมาก!
นั่นก็คือการฟอกไตทางช่องท้องมีความอันตรายมากกว่า!
การฟอกไตทางช่องท้องจะทำให้ติดเชื้อง่ายและทำให้เกิดอาการเยื่อบุช่องท้องอักเสบได้ หากผู้ป่วยติดเชื้อในขั้นตอนการฟอกไตทางช่องท้องจะทำให้ลำไส้อักเสบ มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อของแบคทีเรียในระบบทางเดินหลักและการรักษาทางเวชศาสตร์ ซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อภายในช่องท้องจนเกิดเป็นอาการอักเสบ
ดังนั้นนี่ไม่เหมือนกับการฉีดยาล้างเลือด!
คุณทำได้ก็คือทำได้!
คุณทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้!
ตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินชางก็พูดขึ้นมา “หัวหน้าครับ ผมฟอกไตทางช่องท้องได้!”
เสียงของเฉินชางไม่ดังนัก แต่เป็นเหมือนเสียงสายฟ้าฟาด ดึงความสนใจของทุกคนในห้องประคองชีพอันเงียบสงัดนี้ไปทันที!
หลี่เป่าซานหันมา ในดวงตาเต็มไปด้วยความร้อนใจ มองเขาราวกับเป็นดาวช่วยชีวิต!
“คุณพูดว่าอะไรนะครับ?”
เฉินชางพูดอีกครั้ง “ผมบอกว่าผมฟอกไตทางช่องท้องได้ครับ”
หลี่เป่าซานดวงตาเป็นประกายราวกับเปลวเพลิง “คุณแน่ใจนะ?
เฉินชางพูดขึ้นทันที “ผมแน่ใจ!”
หลี่เป่าซานหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พูดกับห่าวซวี่เลี่ยงว่า “ผู้อำนวยการห่าว ผมหาคนที่ใช้เครื่องฟอกไตทางช่องท้องได้แล้วครับ!”
ห่าวซวี่เลี่ยงได้ยินดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “รอก่อน! เดี๋ยวผมลงไป จะพาพวกคุณไปที่ห้องฟอกไต”
เมื่อวางโทรศัพท์แล้ว ทุกคนก็มองไปที่เฉินชาง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!
เนื่องจากเฉินชางเป็นเพียงหมอเล็กๆ ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่อยู่ในสายตา เมื่ออยู่ในงานฉุกเฉิน ในโรงพยาบาลใหญ่อย่างโรงพยาบาลอันดับสองแห่งนี้ เขาก็เป็นแค่คนที่ไม่มีแรงดึงดูดและไม่สามารถก่อคลื่นลมอะไรได้เลย
จางซูรู้สึกไม่สบายใจ เธอมองไปที่เฉินชาง “เสี่ยวเฉิน นี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่น คุณมั่นใจมากแค่ไหน?”
เฉินชางตอบทันที “เต็มสิบส่วน!”
หลี่เป่าซานพูดขึ้น “ดี!”