เมื่อเฉินชางได้ยินว่าหวังเซี่ยงจวินสุดยอดขนาดนี้ก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็เท่านั้นเอง
ถึงอย่างไรคนอื่นเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเองมากนัก เมื่อวานเป็นเพียงการร่วมมือกันเฉยๆ อย่างมากก็ทิ้งความประทับใจอันดีไว้ให้ ถ้าคิดจะให้อีกฝ่ายช่วยตนจริงๆ ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ คุณต้องอยู่ในเงื่อนไขระดับเดียวกันถึงจะเข้ากันได้ดี มิฉะนั้นความสัมพันธ์จะไม่ยืนยาว
เมื่อเห็นว่าได้เวลาแลกเวรแล้ว ทุกคนก็พากันมาที่ห้องทำงาน จางซูมองเฉินชาง พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อวานหากไม่ใช่เพราะเฉินชาง จะเกิดผลเสียอย่างไรคงพูดยาก
“เมื่อวานลำบากคุณแล้ว เสี่ยวเฉิน!”
เฉินชางยิ้ม “อาจารย์จาง ผมก็เหมือนแมวตาบอดที่บังเอิญไปเจอหนูตาย โชคดีเท่านั้นน่ะครับ”
เฉินปิ่งเซิงเพิ่งเข้ามาพอดี “งั้นต่อไปคุณต้องจับหนูตายให้มากสักหน่อยนะครับ”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา
ในดวงตาของเฉินชางก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานหนักและไม่หยิ่งยโส ทำให้คนเกลียดไม่ลงจริงๆ!
ยิ่งสำหรับผู้หญิงด้วยแล้ว ความหล่อมักจะเป็นอาวุธสังหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปตลอดกาล
แต่มีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียด
มิฉะนั้นความดีเลวคงไม่สมดุล
หวังหย่งเห็นว่าทุกคนพากันชมเชยเฉินชาง ในใจก็รู้สึกไร้รสชาติ จะอย่างไรทั้งสองก็เข้ามาที่แผนกฉุกเฉินปีเดียวกัน เป็นพนักงานชั่วคราวเหมือนกัน แล้วเขายังพยายามมากด้วย
หวังหย่งโชคดีกว่าเฉินชางเล็กน้อย โดยปกติสิ่งที่ทำบ่อยที่สุดก็คือร่วมการผ่าตัดกับหลี่เป่าซาน เป็นคนคอยบริการหัวหน้า
หากว่ากันตามปกติ คนเช่นนี้จะเลื่อนตำแหน่งง่ายกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้การนำของหัวหน้าแผนกหลี่ทำให้หวังหย่งพัฒนาไปเร็วมาก เขาเข้าร่วมการผ่าตัดมากกว่าเฉินชางหลายเท่า ถ้าจะแข่งความสามารถในการผ่าตัดจริงๆ เฉินชางเทียบอีกฝ่ายไม่ได้เลย
ดังนั้นหวังหย่งคิดว่าการรับบรรจุพนักงานในคราวนี้ตนเองมีโอกาสมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น เวลาสองปีกว่าที่ผ่านมานี้ทำให้หวังหย่งรู้จักเฉินชางเหมือนกับรู้ฝ่ามือตัวเอง มาจากบ้านนอก ไม่มีรากฐาน ครอบครัวธรรมดา ไม่มีเงิน จบจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ในมณฑลตงหยาง การศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่มีประวัติการศึกษาสูงกว่านี้
ประวัติสะอาดสะอ้านขนาดนี้ หวังหย่งคิดว่านอกจากหล่อกว่าตัวเองแล้ว อย่างอื่นยังแย่กว่าตนเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น…เขาเชื่อมั่นว่าความขยันชดเชยเรื่องหน้าตาได้!
แต่จะอย่างไรหวังหย่งก็คิดไม่ถึงว่าเฉินชางจะซ่อนความสามารถไว้ลึกล้ำขนาดนี้ คล้ายกับอยู่ดีๆ ก็ชักดาบใหญ่ยาวหลายสิบเมตรขึ้นมาฟาดฟันเบื้องหน้าเหล่าผู้นำในโรงพยาบาล!
นี่ทำให้หวังหย่งได้รับบาดเจ็บ
คล้ายกับคนที่เคยสัญญาว่าจะค่อยๆ พัฒนาไปด้วยกัน คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับไปซื้อยอดกระบี่มาเงียบๆ ทำให้หวังหย่งที่มีเพียงดาบกระจอกในมือรู้สึกเจ็บปวด
ตำแหน่งมากมายขนาดนั้น หากพูดตรงๆ ก็คือต้องแย่งชิงกัน คุณยอดเยี่ยม แสดงผลงานได้ดี ผู้แย่งชิงคนอื่นย่อมมีความกดดันสูง
ไม่ได้แล้ว ต้องหาโอกาสเรียนทักษะจากเฉินชางมาบ้าง!
เมื่อหวังหย่งคิดถึงตรงนี้ก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพื่อขโมยฝีมือของอีกฝ่ายมาให้ได้!
หลี่เป่าซานเดินเข้ามาในห้องทำงาน เมื่อเห็นทุกคนมาหมดแล้วก็พยักหน้า “เมื่อวานลำบากทุกคนแล้วนะครับ จากความพยายามของพวกเราทุกคน ภารกิจกู้ชีพในคราวนี้จึงสำเร็จไปได้ด้วยดี ทุกคนในทุกตำแหน่ง ล้วนเป็นความสำเร็จของพวกเรา!”
“แต่ว่าเรื่องเมื่อวานเป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้พวกเรารู้ตัว การฟอกไตทางเลือดและการฟอกไตทางช่องท้องเป็นวิธีการรักษาที่ใช้ในทางการแพทย์บ่อยมาก ในฐานะที่พวกเราเป็นแพทย์แผนกฉุกเฉิน เรียกได้ว่าต้องต่อสู้กับเทพแห่งความตายอย่างแท้จริง ถ้าพวกเรามีความสามารถมากขึ้นหนึ่งอย่าง ชีวิตของผู้ป่วยก็จะปลอดภัยขึ้น”
“ดังนั้นช่วงนี้พวกเราจะตั้งกลุ่มการเรียนรู้ขึ้นมาเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการฟอกไตผ่านช่องท้องและการสอดท่อ สิ่งที่ผมต้องการก็คืออยากให้ทุกคนทำงานพื้นฐานเกี่ยวกับการฟอกไตในช่องท้องและการสอดท่อให้ได้ อีกไม่นานผมจะหาเคสมาให้พวกคุณ!”
[ติ๊ง! กระตุ้นภารกิจ: สอนเทคนิคการสอดท่อและฟอกไตทางช่องท้องให้กับหมอในแผนก
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจะได้รับรางวัลดังต่อไปนี้: ได้รับค่าความรู้สึกดี (หมอทุกคนที่เรียนรู้เทคนิคการสอดท่อและฟอกไตผ่านช่องท้องสำเร็จจะมอบความรู้สึกดีให้คุณ 5-10 แต้ม)]
เฉินชางจับคางตัวเอง ภารกิจนี้…ฉันต้องกลายเป็นคนมีเสน่ห์หรือ?
ค่าความรู้สึกดีนี่มีประโยชน์อะไร?
ตอนนี้เขารู้แค่ว่าหากค่าความรู้สึกดีถึงหกสิบแต้มจะทำให้ดูข้อมูลของอีกฝ่ายได้ แต่ว่า…ในนิยายและเกมอื่นๆ เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าความรู้สึกดีไปถึงร้อย จะนำกลับไปร่วมหลับนอนเพื่อฝึกฝนวิชาได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกซับซ้อนและสับสน ด้านหนึ่งก็กังวลว่าหากค่าความรู้สึกดีของตนและเหล่าเฉินไปถึงร้อยแล้วจะปฏิบัติตัวอย่างไร อีกด้านหนึ่งก็คาดหวังว่าหากค่าความรู้สึกดีของตนและฉินเยว่ไปถึงร้อยแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
อา…
ฉันเหนื่อยเกินไปแล้ว
หลี่เป่าซานมองไปที่เฉินชางแล้วถามว่า “เสี่ยวเฉิน คุณได้ยินหรือเปล่า?”
เฉินชางรีบยืดตัวขึ้น “ผมรับประกันว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จแน่นอนครับ!”
……
……
ภายในห้องทำงานใหญ่ของโรงพยาบาล การประชุมประจำวันพุธเริ่มขึ้นแล้ว
หัวหน้าแผนกแต่ละแผนกมารวมตัวกัน ฉินเสี้ยวหยวนมองทุกคนแล้วพูดว่า “ภารกิจกู้ชีพเมื่อวานนี้ทุกคนทำได้ดีมากครับ ทำให้การกู้ชีพในครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี”
“แน่นอนว่าในภารกิจกู้ชีพครั้งนี้มีบางคนแสดงผลงานได้ดี ด้วยเหตุนี้โรงพยาบาลของพวกเราจึงตัดสินใจมอบรางวัลให้แก่ผู้มีผลงานเหล่านี้ครับ”
“โดยเฉพาะสหายร่วมอาชีพทั้งหลายซึ่งเป็นเพียงหมอเล็กๆ พวกเขาแสดงผลงานในการกู้ชีพคราวนี้ได้เข้าตามาก รับผิดชอบสุขภาพและชีวิตของประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม”
“ตลอดมา บุคคลผู้มีความสามารถเป็นดั่งเส้นชีวิตของโรงพยาบาลของพวกเรา เป็นดั่งแนวป้องกันสุดท้ายของชีวิต ดังนั้นพวกเราควรยกระดับสวัสดิการให้หมอเล็กๆ เหล่านี้ มอบรางวัลให้แก่พวกเขา เพราะสำหรับคนที่มีความสามารถ พวกเราไม่เพียงแต่จะต้องดึงดูดเข้ามา และยังต้องรักษาไว้ให้ได้ด้วย”
“หน่วยของพวกเราเพิ่งจะมีโควต้าบรรจุออกมาหนึ่งโควต้า ในการทำงานกู้ชีพเมื่อคืนนี้ คุณเฉินชางแห่งแผนกฉุกเฉินเย็บแผลให้ผู้ป่วยไปหกสิบห้าคน และในช่วงเวลาอันตรายยังใช้ทักษะการฟอกไตผ่านช่องท้องรักษาผู้ป่วยติดพิษอาการสาหัสไปอีกสองคน ช่วยชีวิตคนมาได้สองคน ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจมอบโอกาสบรรจุนี้ให้เฉินชาง ทุกคนมีข้อเสนอแนะอะไรไหมครับ?”
คนด้านล่างได้ยินคำพูดนี้ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์
เฉินชางยังเป็นพนักงานชั่วคราว คิดไม่ถึงว่าจะได้รับโควต้าบรรจุครั้งนี้ไป!
ปกติขั้นตอนบรรจุค่อนข้างได้มายาก นอกจากใช้ดึงดูดคนมีความสามารถแล้ว คนอื่นๆ จะได้ยากมาก
ทุกคนไม่ได้คัดค้านอะไร ถึงอย่างไรเฉินชางก็มีผลงานจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นโอกาสเป็นสิ่งที่มีให้แก่ผู้ที่เตรียมพร้อม หากคุณทำเรื่องที่คนอื่นทำไม่ได้ในช่วงเวลาสำคัญจึงนับเป็นความสามารถ!
แต่การบรรจุนี้ก็มีหลายคนจับจ้องอยู่!
ไม่นานจางโหย่วฝูแผนกศัลยกรรมทั่วไปก็พูดขึ้นว่า “ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่าครับ? ผู้อำนวยการฉิน หมอโจวเสี่ยวตงแห่งแผนกศัลยกรรมของพวกเราเข้าระบบมาเมื่อปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากวิทยาลัยแพทย์ตงหยางด้วย ตอนนี้เข้าระบบสัญญาแล้ว ดังนั้นเรื่องโควต้าการบรรจุควรมอบให้คนเก่าแก่ของพวกเราก่อนจะดีกว่านะครับ? จากที่ผมรู้ เฉินชางคนนี้เหมือนจะจบแค่ปริญญาตรีนะครับ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราใช้ผลงานเพียงครั้งเดียวมาทำลายความพยายามสองปีของคนอื่นไม่ได้นะครับ”
สือฉีหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกพยักหน้า พูดเสียงขรึม “ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ หลี่ซื่อเจี้ยนของแผนกเราก็เป็นพนักงานในระบบสัญญาเหมือนกัน ทำงานมาสามปีแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้บรรจุ ถ้ามอบโควต้านี้ให้หมอเล็กๆ พวกเราคงรู้สึกไม่สบายใจ”
หลี่เป่าซานได้ยินก็ไม่พอใจ “ผมว่าระดับการศึกษาไม่ได้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความสามารถของหมอนะครับ เฉินชางเป็นศัลยแพทย์ที่ผมเห็นว่ามีพรสวรรค์ที่สุดแล้ว ผมคิดว่าบุคคลที่มีความสามารถเช่นนี้ ถ้าวันนี้ไม่ได้อยู่กับพวกเรา วันหน้าเกิดออกไปจะกลายเป็นความเสียหายต่อโรงพยาบาลของพวกเรานะครับ!”
ในเวลาไม่นาน ความคิดเห็นของหัวหน้าแผนกทั้งหลายก็ถูกแสดงออกมา
ตอนนี้เอง เลขาถานพูดขึ้นว่า “ผมคิดว่าคนหนุ่มสาวยังมีโอกาสมาก และทุกคนล้วนเป็นคนยอดเยี่ยมทั้งนั้น! เอาอย่างนี้เป็นไงครับ ให้โอกาสพวกเขาแข่งกันสักครั้ง คนที่ชนะจะได้รับโควต้านี้ไป”