คำพูดของต้วนปัวมีระดับจริงๆ ทำให้คนอื่นหาจุดอ่อนของเขาไม่เจอ!
ที่สำคัญก็คือเขาพูดได้ตรงจุด!
คนหนุ่มสาวกลัวอะไรที่สุด?
กลัวปัญหาลุกลามใหญ่โตไงล่ะ!
คนหนุ่มสาวพวกนี้ มอบแสงสว่างให้นิดหน่อยก็อยากโชติช่วง มอบหยดน้ำให้นิดหน่อยก็อยากไหลหลาก
ต้วนปัวคิดจะทำอะไรหรือ?
เขาคิดจะก่อเรื่องให้ใหญ่โตไงล่ะ!
ตอนนี้แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยเข้ามากลุ่มใหญ่ แพทย์อาวุโสรับมือไม่ทันแน่นอน ส่วนแพทย์รุ่นเล็กก็ไม่เชี่ยวชาญการผ่าตัด เฉินชางก็เป็นเหมือนลูกวัวแรกเกิดไม่รู้จักหวาดกลัวเสือร้าย ให้กำลังใจนิดหน่อยจะต้องเกิดความทะเยอทะยาน คิดอยากลองดูแน่นอน
คนอาชีพอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่คนอาชีพเดียวกันต่างรู้ดี
การผ่าตัดไส้ติ่งและถุงน้ำดีไม่เหมือนกัน
ทุกปีมีคนเป็นโรคต่างๆ จากการผ่าตัดถุงน้ำดีมากแค่ไหนกัน?
หากไม่ระวังเพียงนิดเดียวจนน้ำดีรั่วระหว่างการผ่าตัด เท่านี้ก็ทำให้แผนกฉุกเฉินมีปัญหาแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าคุณจะมีคนมากแค่ไหนก็คุ้มครองคุณไม่ได้!
คำพูดก็พูดออกไปแล้ว ต้วนปัวจึงคิดจะไปเสียที หันไปพูดกับสือน่าว่า “หมอสือ ผมขอตัวก่อนนะครับ ที่แผนกยังมีงานอีกเยอะ หมอเฉินก็พยายามเข้านะครับ! ผมจะคอยดูคุณ”
สือน่าได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวก่อนค่ะหมอต้วน”
ต้วนปัวหันมา “มีอะไรหรือครับ?”
สือน่าเรียบเรียงคำพูดครู่หนึ่ง “เตียงของแผนกฉุกเฉินมีจำกัด ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนหมอก็มีจำกัดเหมือนกัน หากว่ากันตามปกติ หลังจากผู้ป่วยถูกส่งมาคัดกรองโรคที่แผนกฉุกเฉินแล้วก็จะถูกส่งไปรักษาตัวที่แผนกต่างๆ ผู้ป่วยโรคเฉพาะทางจะถูกส่งไปยังแผนกที่เกี่ยวข้อง ฉันคิดว่าควรส่งตัวผู้ป่วยสองสามคนที่คุณตรวจเมื่อครู่นี้ไปรักษาตัวที่แผนกศัลยกรรมทั่วไป เพราะจะยังไงพวกคุณก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมากกว่าทางนี้!”
ต้วนปัวได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “นี่…ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะครับ ถึงตามหลักจะเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้แผนกของพวกเราเต็มแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตารางผ่าตัดก็เต็มแล้วเหมือนกัน ถ้ารับผู้ป่วยเหล่านี้ไปคงไม่มีทางจัดวันผ่าตัดให้ได้หรอกครับ! อีกอย่าง หากไม่รีบจัดเวลาผ่าตัดให้ผู้ป่วยเหล่านี้เร็วๆ อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางอาการได้ ความรับผิดชอบนี้ผมรับไม่ไหวจริงๆ! ดังนั้น…ถึงอยากจะช่วยแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ!”
เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ สือน่าพลันหน้าเปลี่ยนสี เรียกได้ว่าคำพูดนี้ของต้วนปัวบีบบังคับจนเธอไม่มีทางถอยแล้ว!
“ไม่งั้น…หมอต้วน พวกเรามีห้องผ่าตัดว่างอยู่ห้องหนึ่ง รบกวนคุณดูให้หน่อยนะคะว่าแผนกศัลยกรรมทั่วไปมีหมอมาช่วยผ่าตัดได้กี่คน ให้พวกเขาร่วมมือกับแผนกฉุกเฉินของพวกเรา เป็นยังไงคะ?”
สือน่าพยายามคิดหาวิธีอย่างสุดความสามารถแล้ว ทว่าต้วนปัวกลับถอนใจออกมาอีกครั้ง “คือ…ผมต้องเข้าเวรน่ะครับ ปลีกตัวออกมาไม่ได้ ส่วนหมอคนอื่น…ผมไม่สะดวกติดต่อ ไม่งั้นเอาแบบนี้เป็นไงครับหมอสือ เดี๋ยวผมส่งเบอร์โทรศัพท์ของพวกเขาให้คุณ คุณก็ติดต่อพวกเขาเอง เป็นไงครับ?”
เมื่อพูดจบต้วนปัวก็ส่งเบอร์โทรศัพท์ของหมอในแผนกไปในวีแชทสือน่าอย่างเป็นมิตร
หลังจากต้วนปัวไปแล้ว สือน่าก็โทรหาเบอร์เหล่านั้นอย่างจนใจรอบหนึ่ง ไม่ต่างจากที่คิด ทุกคนยุ่งมาก ทุกคนต่างก็มีธุระ!
แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สือน่าต้องร้อนใจตายแน่นอน
หรือจะหาหมอจากโรงพยาบาลอื่นมาช่วยผ่าตัดดี?
ไม่ได้!
ความคิดนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นก็ถูกสือน่าปัดทิ้งทันที หากทำเช่นนี้เรื่องคงยุ่งยากขึ้นไปอีก
มิฉะนั้นให้ศูนย์ฉุกเฉิน 120 ติดต่อผู้ป่วยเพื่อทำการโอนย้ายไปโรงพยาบาลอื่นดีหรือไม่?
แต่ถ้าหากโอนย้ายไปโรงพยาบาลอื่นตอนนี้ จะถูกผู้ป่วยด่าหรือเปล่า?!
นี่ไม่สำคัญอีกแล้ว
ถ้าจะถูกด่าก็ทำได้แค่ยอมถูกด่าไปเท่านั้น
อย่างไรเสียสุขภาพของผู้ป่วยก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด หากเกิดเรื่องขึ้นมาจะเกี่ยวพันไปถึงแผนกฉุกเฉินและหมอทุกคนด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สือน่าก็หันมาพูดกับเฉินชางว่า “เสี่ยวเฉิน เตรียมติดต่อญาติผู้ป่วย ไปพูดคุยกับพวกเขาให้ดี บอกให้พวกเขา…ติดต่อศูนย์ฉุกเฉิน 120 หรือไม่ก็ทำเรื่องโอนย้ายโรงพยาบาลโดยตรง”
เมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้ เฉินชางก็ชะงักไป “นี่…อาจารย์สือ พวกเรามีห้องผ่าตัดว่างอยู่ไม่ใช่หรือครับ พวกเราทำกันเองก็ได้นะครับ! อีกอย่างผู้ป่วยก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ถ้ายังติดต่อศูนย์ฉุกเฉิน 120 ให้ย้ายโรงพยาบาลอีก เกิดเรื่องนี้ลือออกไปคงขายหน้าแย่…”
สือน่าถลึงตากว้าง “เคสที่ต้องผ่าตัดวันนี้มีทั้งหมดหกเคส พรุ่งนี้ยังมีอีกสิบกว่าเคส คุณเอาอะไรไปทำไหว? ใครจะทำ!”
“ห้องผ่าตัดน่ะมี! แต่คุณมีหมอผ่าตัดหรือเปล่าล่ะ? แผนกของพวกเรามีแค่หัวหน้าหลี่และเหล่าเฉินที่ทำได้ วันนี้หัวหน้าหลี่ไปประชุม เหล่าเฉินก็ไม่อยู่ แล้วใครจะทำล่ะ? คุณจะทำหรือไง!”
“อีกอย่างตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดว่าจะขายหน้าหรือเปล่า ความปลอดภัยของผู้ป่วยต้องมาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิตของผู้ป่วยให้ได้ ห้ามปล่อยให้เกิดปัญหาอะไรเด็ดขาด นี่ไม่ใช่ประเด็นเรื่องความผิดพลาด แต่เป็นเรื่องของหลักการ!”
สือน่ามีท่าทีแข็งกร้าว หากทำไม่ได้ก็ต้องรีบโอนย้ายโรงพยาบาลทันที เพื่อปกป้องสุขภาพของผู้ป่วย
ส่วนเรื่องขายหน้าหรือเรื่องอื่นๆ น่ะหรือ? หากอยู่ต่อหน้าสุขภาพของผู้ป่วยยังจะมีความหมายอะไรอีก?
เมื่อเฉินชางได้ยินคำพูดเฉียบขาดของสือน่าก็เงยหน้าขึ้น พูดอย่างหนักแน่นว่า “ครับ! ผมทำเอง! ผมทำได้!”
สือน่าถูกเฉินชางทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา!
“หึๆ เสี่ยวเฉิน คุณโดนต้วนปัวพูดยุไปไม่กี่ประโยคก็ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นใคร?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สือน่าก็หันไปมองทางประตูก่อนจะปิดประตูลง “เสี่ยวเฉิน ฉันจะบอกอะไรให้ คุณอย่าคิดว่าต้วนปัวเป็นคนดีอะไรเชียว”
“คำพูดของเขาเมื่อกี้ ไม่ได้ต้องการชื่นชมคุณ แต่ต้องการทำร้ายคุณต่างหาก!”
“การผ่าถุงน้ำดีและการผ่าไส้ติ่งเป็นการผ่าตัดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ระดับความยากก็แตกต่างกันมาก เพราะหากอาการของถุงน้ำดีมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดพังผืดรุนแรง ทำให้แยกพังผืดยาก และการผ่าตัดก็มีเงื่อนไขความต้องการสูง หากไม่มีประสบการณ์และมือที่นิ่งพอจะเกิดอุบัติเหตุในการผ่าตัดได้ง่าย”
“หลังจากผ่าเอาถุงน้ำดีออกแล้ว การรักษาอาการโดยรวมยังยุ่งยากกว่าการผ่าตัดไส้ติ่งซะอีก หากพูดให้ดูแย่สักหน่อยก็คือ สมมุติว่าคุณผ่าตัดเคสหนึ่งต้องจ่ายเงินหมื่นหยวน แต่ถ้าคุณรักษาแล้วเกิดโรคแทรกซ้อนจะต้องเสียเงินหนึ่งแสนหยวน!”
“ถ้าคุณทำให้ระบบน้ำดีเสียหาย หรือทำให้น้ำดีรั่วไปที่ช่องท้องก็จะเกิดอาการเยื่อบุช่องท้องอักเสบจากน้ำดี จะทำให้หลอดเลือดแดงบริเวณตับมีเลือดออกมาก! คุณจำผู้ป่วยแผนกศัลยกรรมทั่วไปเมื่อปีที่แล้วได้หรือเปล่า ตอนแรกเป็นแค่นิ่วในถุงน้ำดี ถ้าตัดออกไปก็เรียบร้อยแล้ว ผลกลับกลายเป็นว่าเกิดน้ำดีรั่วไหลทำให้เกิดอักเสบสะสม ต้องแอดมิทนอนโรงพยาบาลถึงสองเดือน เสียเงินไปเท่าไหร่ยังไม่ต้องพูดถึง แต่หลังจากผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไปฟ้องร้องศัลยแพทย์หลักทันที”
“ต้วนปัวคนนั้นเห็นคุณเป็นคนหนุ่มกำลังฮึกเหิมเลยคิดจะกระตุ้นคุณ ให้คุณเสี่ยงผ่าตัดจนเกิดความผิดพลาด!”
สือน่ายิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ไม่มีความประทับใจต่อต้วนปัวแม้แต่น้อย
คนอื่นอาจไม่รู้จักเขา แต่สือน่ารู้จักต้วนปัวเป็นอย่างดี ทั้งคู่เรียนปริญญาโทและปริญญาตรีมาด้วยกัน เธอรู้ว่าในใจของต้วนปัวมีแต่ความคิดไม่ดี และเขายังเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของจางโหย่วฝูอีกด้วย!
เขาจะมีเจตนาดีอะไรได้?
สือน่าพูดมากเช่นนี้เพราะหวังดีกับเฉินชาง ไม่อยากให้เฉินชางติดกับคนอื่นตั้งแต่อายุน้อยๆ
เฉินชางเข้าใจดี สือน่ากลัวเขามีปัญหา แต่เขาผ่าตัดได้จริงๆ ไม่เพียงทำได้ แต่ยังเชี่ยวชาญอีกด้วย!
“อาจารย์สือครับ ผมเข้าใจความหมายของคุณดี แต่ว่า…ผมผ่าตัดถุงน้ำดีได้จริงๆ นะครับ! ยิ่งไปกว่านั้น…ยังเชี่ยวชาญมากด้วย”
สือน่าได้ยินคำพูดของเฉินชางก็หันไปมอง ความประทับใจที่เธอมีต่อเฉินชางค่อนข้างดี เด็กคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ ไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาโอ้อวด เห็นเขายืนยันหนักแน่นว่าตัวเองทำได้แบบนั้น…หรือว่า…เขาจะทำได้จริงๆ?
ถ้าคำพูดนี้หวังหย่งเป็นคนพูด สือน่าจะไม่เชื่อไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์!
แต่เฉินชางยืนยันหนักแน่นขนาดนี้เธอจึงลังเล “เฉินชาง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น คุณเข้าใจหรือเปล่า? นี่เกี่ยวพันไปถึงชีวิตและความปลอดภัยของผู้ป่วย ไม่อนุญาตให้ทำครึ่งๆ กลางๆ เด็ดขาด”
เฉินชางพยักหน้า “อาจารย์สือ ผมรู้แก่ใจดี! ผมไม่เอาอาชีพของตัวเองมาล้อเล่นหรอกครับ และยิ่งไม่เอาผู้ป่วยมาล้อเล่นด้วย”
สือน่าไม่ใช่สาวน้อยขี้ลังเล ในฐานะที่เป็นหัวหน้ากลุ่มย่อยฝ่ายศัลยกรรมของแผนกฉุกเฉิน ตอนนี้เธอต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด!
สือน่าเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นว่า “เตรียมตัวให้ดี เตรียมผ่าตัด!”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ายินดี รีบพยักหน้ารับทันที
วันนี้มีผู้ป่วยต้องผ่าตัดหกคน หากเฉินชางทำคนเดียวคงยุ่งจนทนไม่ไหวแน่นอน ต้องหาผู้ช่วย!
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็โทรหาหวังหย่ง “ตอนบ่ายมีผ่าตัดหลายเคส คุณว่างหรือเปล่าครับ?”
หวังหย่งกำลังถือปืน 98k [1]เล็งไปที่ศีรษะศัตรู หากยิงออกไป แอร์ดรอป[2]ของอีกฝ่ายจะเป็นของตนแล้วสินะ? ในขณะที่กำลังจะยิงออกไป เฉินชางก็โทรเข้ามาพอดี
“ผ่าตัด? ผ่าตัดอะไรครับ!” หวังหย่งนั่งยืดตัวตรง รีบถามออกไปทันที
ในตอนนี้ สิ่งที่เขาขาดที่สุดก็คือโอกาสในการผ่าตัด อีกไม่นานจะมีการทดสอบแล้ว หากเข้าร่วมการผ่าตัดได้มากเท่าไหร่ก็ต้องคว้าไว้เท่านั้น
เฉินชางพูดว่า “ผ่าตัดถุงน้ำดีน่ะครับ!”
หวังหย่งตกตะลึงไปแล้ว เฉินชางทำการผ่าตัดที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้ด้วยหรือ?
[1] ปืน 98k หรือ คาราบีเนอร์ 98 คุส เป็นปืนเล็กยาวหรือไรเฟิลแบบระบบลูกเลื่อน ลำกล้องขนาด 7.92×57mm หรือ 8 mm ตลับกระสุนเมาเซอร์
[2] การส่งของจากเครื่องบินโดยใช้ร่มชูชีพ