เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ – ตอนที่ 162 : จุดเปลี่ยนของพระเจ้าที่ทําให้คนไม่ทันตั้งตัว!

ตอนที่ 162 : จุดเปลี่ยนของพระเจ้าที่ทําให้คนไม่ทันตั้งตัว!

 

“มาถึงอาคารศูนย์กลางทางการเงินแล้ว!”

 

เจียงเฉินลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้มู่เฉิงเฉิง

 

มู่เฉิงเฉิงหน้าแดงก่อนจะบอกขอบคุณออกมา

 

เจียงเฉินกระซิบที่หูของเธอเพื่อให้กําลังใจเธอ “ทําได้ดีมากยึดมั่นสิ่งที่เธอกําลังทําอยู่เข้าไว้ล่ะ!”

 

มู่เฉิงเฉิงมองเจียงเฉินอย่างประหลาดใจ

 

แม้ว่าเธอจะรู้มานานแล้วว่าเจียงเฉินนั้นไม่น่าจะใช่คนขับตี้ตี้ธรรมดาๆ แต่ประโยคนี้ยังคงทําให้มู่เฉิงเฉิงรู้สึกหึกเหิมและมั่นใจขึ้นมาก

 

“โอเคค่ะ ฉันจะตั้งใจสุดๆไปเลย!”

 

มู่เฉิงเฉิงยิ้มให้เจียงเฉินก่อนเธอจะ ชูหมัดเล็กๆของเธอขึ้นท้องฟ้า

 

“เยี่ยม!”

 

“ไปไกลๆได้แล้วคนขับรถอย่างนายมันจะไปเข้าใจอะไร?”

 

หวางชวนเยาะเย้ยออกมาด้วยความอิจฉา “นายน่ะมีความสามารถมากพอทําให้เธอเข้าทํางานในบริษัทผู่ต๋าจนมีเงินเดือนรวมต่อปีกว่า 1 ล้านได้ไหมล่ะ?”

 

เจียงเฉินเงยหน้ามองขึ้นไปบนอาคารศูนย์กลางทางการเงินของตัวเองแล้วพูดออกมา “เรื่องนี้ก็คงค่อนข้างยาก~~~”

 

หวางชวนหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ค่อนข้างยากงั้นหรอ? สิ่งที่แกพูดออกมามันราวกับแกทําได้เลยนะ!”

 

“แต่ก็พอทําได้”

 

ประโยคต่อมาของเจียงเฉินก็ทําให้หวางชวนนั้นแข็งค้างไปทันที

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

หวางชวนหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง “แกนี่มันตลกจริงๆ! แกมันก็แค่คนขับแต่คําพูดของแกราวกับจะพาพวกเธอเข้าไปทํางานข้างในได้ ส่องกระจกดูตัวเองบ้างรึเปล่าหะ?”

 

เจียงเฉินมองหวางชวนอย่างเงียบๆ “ดุหรอ?”

 

“งั้นวันนี้เราก็มารอดูก็แล้วกัน”

 

ด้วยความสงบนิ่งของเจียงเฉินมันทําให้หวางชวนนั้นรู้สึกอับอายมาก “ไปเลย ขึ้นไปดูด้วยกันเลย มาดูกันเลยว่าใครกันแน่ที่โอ้อวด? ใครกันแน่ที่จะส่งพวกเธอเข้าไปทํางานในนั้นได้!”

 

“นายทําอะไรของนาย?”

 

มู่เฉิงเฉิงดุใส่หวงาชวนอย่างโกรธเคือง “นายจะตะโกนใส่เขาทําไมกัน?”

 

“ฉันก็แค่ทนไม่ได้เท่านั้นเองที่มีใครบางคนอยู่จุดต่ำสุดของสังคมแจ่กลับโอ้อวดออกมาอย่างยิ่งใหญ่”

 

หวางชวนพ่นคําหยาบคายออกมา

 

เจียงเฉินเดินนําหน้าไป “ก็ดี งั้นฉันขอดูหน่อยเถอะนะว่านายทํายังไง?”

 

“ได้!”

 

หวางชวนนั้นจงใจให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้วเพราะเขานั้นจะได้สร้างความประทับใจต่อหน้ามู่เฉิงเฉิงและยังจะได้กดหัวของเจียงเฉินในเวลาเดียวกันเรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

 

เจียงเฉินทิ้งรถไว้ชั้นล่างและตามมู่เฉิงเฉิงกับเฉินเค่อเฉียนขึ้นไปชั้นบน

 

มู่เฉิงเฉิงหันกลับไปมองที่ป้ายใกล้ๆ [ห้ามจอดรถบริเวณนี้ หากใครฝ่าฝืนรถจะถูกลากออกไป] “จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ?”

 

“ไม่แน่นอน”

 

เจียงเฉินยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

 

“โอ้? ถ้าคนอื่นจอดจะโดนลากออกไปแต่ถ้าแกจอดจะไม่โดนงั้นหรอ?”

 

หวางชวนพูดเยาะเย้ออกมา

 

เจียงเฉินพยักหน้า “ก็ประมาณนั้น”

 

หวางชวนที่ได้ยินก็แทบกระอักเลือดออกมา

 

ก่อนจะเริ่มคิดในใจ

 

ให้ตายเถอะ หันกลับไปหารปภ.แล้วแจ้งพวกเขาดีไหมเนี่ย?

 

จะได้ลากออกไปให้มันจบๆ!

 

พวกเขาทั้งหมดขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้นที่ 7

 

[บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินผู่ต๋า]

 

ทันที่ที่ประตูลิฟท์เปิดออกพวกเขาก็พบกับลู่เว่ยและอู๋จุน!

 

พวกเขาคือประธานและผู้จัดการของบริษัทไท่เว่ยที่อยู่ในอาคารเดียวกัน พวกเขานั้นเพิ่งจะไปคุยกับประธานของบริษัทผู่ต๋ามา

 

เมื่อลู่เว่ยกับอู๋จุนได้เห็นเจียงเฉินดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างและกําลังจะทําความเคารพอีกฝ่าย

 

เจียงเฉินก็กะพริบตาทําให้พวกเขาทั้งสองชะงักค้างไปทันทีก่อนจะเริ่มตามจากระยะไกลๆ

 

ท่านประธานเจียงจะเก็บตัวเกินไปแล้ว!

 

เจียงเฉินมองดูรอบๆแล้วพบว่ามีคนเข้ามาสมัครงานกันมากมายเลยทีเดียว

 

เยอะมากจนทางเดินนั้นแน่นไปตลอดทั้งเส้น

 

บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินผู่ต๋า นั้นเป็นบริษัทให้คําปรึกษาชั้นนําของจีน มีลูกค้ากว่า 500 บริษัทให้เงินเดือนกับพนักงานสูงเป็นพิเศษเริ่มต้นที่ปีละ 1 ล้านการเดินทางไปทํางานทางบริษัทก็จะจัดตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสโรงแรมก็จะจัดให้เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว!

 

และแน่นอนสวัสดิการดีขนาดนี้ก็ยิ่มต้องเป็นที่หมายปองของคนจํานวนมาก

 

เมื่อเฉินเค่อเฉียนเห็นคนจํานวนมาเธอก็เริ่มรู้สึกกังวล

 

แต่มู่เฉิงเฉิงกลับสงบมาก “เค่อเฉียนพวกเราทํางานมาได้ดีตลอดเวลา ฉันเชื่อว่าบริษัทจะให้ผลลัพธ์ที่ยุติธรรมดับเราแน่ดังนั้นเราจะต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”

 

หวางชวนพ่นลมหายใจเย็นชาออกมา

 

ในเวลานี้เองกลุ่มคนสวมชุดเครื่องแบบของบริษัทผู่ต๋าก็เดินเข้ามาพร้อมๆกัน

 

โดยมีหญิงวัยกลางคนอยู่ตรงกลางเธอนั้นยังดูสวยอยู่ราวกับว่าอายุที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่มีผลกับเธอและกลิ่นอายของเธอก็ดูเหนือกว่าคนทั่วไปพอสมควรและถ้าหากมองดีๆเธอนั้นมีส่วนคล้ายกับหวางชวนมาก

 

ผู้สมัครนับไม่ถ้วนต่างก้มหัวทักทายกันอย่างเคารพ

 

ผู้หญิงคนนี้ก็คือซ่งซานหัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคลผู้ที่จะเป็นประธานการสัมภาษณ์ในวันนี้

 

หวางชวนเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว

 

ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่หวางชวนก่อนจะดึงเขาไปข้างๆทางเดินแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง

 

เจียงเฉินส่งสัญญาณให้อู๋จุนเข้าไปแอบฟัง

 

อู๋จุนทําตามทันที

 

ผ่านไปครู่หนึ่งอู๋จุนก็กลับมารายงานเจียงเฉิน “เด็กคนนั้นคือลูกชายของซ่งซานเด็กคนนั้นกําลังขอให้แม่ของตัวเองเปิดประตูหลังให้กับผู้หญิงที่ชื่อว่ามู่เฉิงเฉิงกับเฉินเค่อเฉียนและดูเหมือนว่าเธอจะตอบตกลงด้วยครับ”

 

“โอเค”

 

เจียงเฉินเริ่มวางแผนในใจ

 

หวางชวนเดินกลับมาการแสดงออกของเขาหยิ่งยโสมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

 

เฉินเค่อเฉียนถามอย่างกังวล “เป็นยังไงบ้าง?”

 

หวางชวนยิ้มออกมา “ถ้าฉันลงมือแล้วทุกอย่างก็ต้องโอเค”

 

เขาเริ่มโอ้อวดอีกครั้ง “แม่ของฉันรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ถ้าเธอจะรับใครเข้าทํางานสุดท้ายมันก็เป็นการตัดสินใจของเธอไม่ใช่รึไง?”

 

เจียงเฉินมองดูหวางชวนที่ทําตัวหยิ่งยโสมากกว่าเดิม

 

และประโยคที่เขาพูดออกมานั้นแน่นอนว่าต้องลอยไปเข้าหูของผู้สมัครคนอื่นๆ

 

ใบหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันทีเขาเริ่มโมโห!

 

เจียงเฉินที่เห็นก็แอบหัวเราะเยาะในใจ

 

คนๆนี้จริงๆเลย…

 

นอกจากโอ้อวดแล้วตัวเองก็ไม่ได้มีดีอะไรทั้งนั้นไม่มีวันประสบความสําเร็จมีแต่พบกับความล้มเหลว!

 

ตั้งแต่ต้นจนมาถึงตอนนี้มู่เฉิงเฉิงเธอไม่เคยสนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย เธอไม่แม้แต่จะมองไปที่หวางชวนเลยด้วยซ้ำเพราะเธอนั้นเตรียมตัวมาดีแล้วจะมีก็แต่เธอนั้นคอยแอบมองเจียงเฉินเป็นครั้งคราวก็เท่านั้น

 

เจียงเฉินเองก็เริ่มที่จะร่างแผนขึ้นต่อ

 

ผ่านไปซักพัก….

 

การเข้าสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

 

กระบวนการนั้นก็เหมือนๆเดิม เริ่มจากการทําข้อสอบและค่อยทําการสัมภาษณ์กระบวนการนี้ทั้งง่ายและรวดเร็วเป็นอย่างมาก

 

ไม่นานผู้สมัครก็ทําข้อสอบกันเสร็จจนหมด

 

10 นาทีต่อมาซ่งซานก็เดินออกมาพร้อมกับกลุ่มคนก่อนจะเดินขึ้นไปบนแท่นที่จัดเอาไว้

 

เธอประกาสผลออกมา “ผู้ที่ผ่านการสัมภาษณ์เข้าทํางานกับบริษัทผู่ต๋าของเราในปีนี้ก็คือ มู่เฉิงเฉิงกับเฉินเค่อเฉียน!”

 

ผู้คนอยู่ในความโกลาหลทันที

 

“ได้ยังไงกัน?”

 

หวางชวนรู้สึกภูมิใจมากเขานั้นทั้งได้โอ้อวดต่อหน้ามู่เฉิงเฉิงและเฉินเค่อเฉียนในเวลาเดียวกัน “ฉันสุดยอดไหมล่ะ? เห็นไปมว่าฉันทําเพื่อพวกเธอ?”

 

“ว้าว!”

 

เฉินเค่อเฉียนพูดออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “จริงๆด้วย! หวางชวนนายสุดยอกมาก!”

 

มู่เฉิงเฉิงขมวดคิ้วแม้หวางชวนนั้นดึงเธอเข้าจากประตูหลังแต่มันก็ทําให้ความพยายามของเธอนั้นต้องแปดเปื้อนเพราะเธอนั้นไม่ได้เข้ามาด้วยความสามารถของเธอแต่กลับเข้ามาด้วยความสัมพันธ์!”

 

ในเวลานี้เอง ก็มีคนหนึ่งคนลุกขึ้นมาแล้วตะโกรออกมา “มีคนโกง!!”

 

และด้วยเสียงของเขาก็ทําให้คนทั้งหมดจ้องมองมาทางเขา

 

เจียงเฉินมองไปก็พบว่าเขาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนที่ได้ยินหวางชวนโอ้อวดออกมา

 

ผู้สมัครงานคนนั้นทั้งดูเศร้าและขุ่นเคืองขณะที่ถือโทรศัพท์ไว้เขาก็ชี้นิ้วไปที่หวางชวน “ผมได้ยินเขาพูด! และผมก็บันทึกเอาไว้ด้วย! คนๆนี้เป็นลูกชายของผู้ทําการสอบสัมภาษณ์พวกเรา เขาไปกระซิบกับเธอให้เธอช่วยคนทั้งสองเข้าผ่านทางประตูหลัง! ดังนั้นผมขอประท้วงผลการคัดเลือก!”

 

ผู้สมัครเริ่มส่งเสียงคือหากันออกมา~~~

 

ผู้สมัครที่ไม่ผ่านก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเมื่อได้ยินว่ามีการโกงขึ้นอีกพวกเขาเข้าร่วมการประท้วงทันที

 

“พระเจ้า! น่าไม่อายเลยรึยังไง?”

 

“น่ารังเกียจ!”

 

“ประท้วงต่อต้านความน่ารังเกียจนี่ซะ!”

 

“ถ้าบริษัทผู่ต๋าไม่ให้คําตอบที่น่าพอใจกับพวกเรา! พวกเราจะไม่ไปจากที่นี่!”

 

“ประท้วงๆ!”

 

“…”

 

ซ่งซานที่อยู่บนเวทีก็เริ่มตื่นตระหนก

 

เธอจ้องมองไปที่ลูกชายของตัวเองหวางชวน

 

คนเหล่านี้ล้วนมีความภาคภูมิใจในตัวเองแต่เมื่อพวกเขารู้ว่ามีการโกง

 

มันก็จบลงแล้ว!

 

ซ่งซานตื่นตระหนก

 

หากเรื่องนี้ไปถึงหูของท่านประธานเธอคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วเพราะต่อให้ทํามันก็ไม่ช่วยอะไร

 

เพราะเธอก็เป็นแค่หัวหน้าแผนกเท่านั้น

 

เมื่อเสียงเริ่มดังขึ้นดังขึ้น ก็มีคนโผล่มาหน้าประตูพร้อมกับคณะผู้บริหารหลายคน!

 

“ซ่งซาน! มันเกิดอะไรขึ้น?”

 

คนๆนั้นก็คือท่านลู่จี่ ประธานบริษัทของบริษัทให้คําปรึกษาทางการเงินผู่ต๋า!

 

“ท่านประธานลู่ฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ”

 

ซ่งซานรีบพูดออกมา

 

ลู่จี่มองเธอด้วยใบหน้าดํามืดเขาผลักเธออกไปแล้วเดินไปหาผู้สมัครที่กําลังประท้วงด้วยความโกรธจัดแล้วชี้ไปที่ผู้นําของการประท้วง “คุณพูดออกมา มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

 

ชายคนนั้นหยิบโทรศัพที่ออกมาก่อนจะเริ่มเล่นบันทึกเสียง

 

ในบันทึกเสียงนั้นเต็มไปด้วยเสียงของหวางชวนที่กําลังโอ้อวดความแข็งแกร่งของเขาต่อมู่เฉิงเฉิงกับเฉินเค่อเฉียน

 

“แม่ของฉันซ่งซานเธอเป็นหัวหน้าในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ถ้าพวกเธออยากเข้าไปขอประโบคเดียวก็พอ!”

 

เสียงนี้ดังไปทั่วทุกคนต่างได้ยินกันอย่างทั่วถึง!

 

ซ่งซานตื่นตระหนก!

 

หวางชวนอับอาย!

 

มันจบแล้ว!

 

หลังจากได้ฟังแล้วลู่จี่ก็หันไปมองซ่งซานอย่างเคร่งขรึมแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “นั้นคือวิธีที่เธอทํางานกับบริษัทนั้นหรอ?”

 

ซ่งซานตื่นตระหนกเธอรีบอธิบายออกมาอย่างหมดหวัง “ท่านประธานฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ เด็กสาวสองคนนี้เดิมที่ก็นักศึกษาระดับต้นๆอยู่แล้วและเธอก็ฝึกงานกับเราด้วย! กลุ่มผู้ให้คะแนนเกือบสิบคนของเรานั้นจะทําการลงคะแนนอย่างไม่เปิดเผยตัวตนและครึ่งหนึ่งของคนในนั้นก็มาจากต่างประเทศ เห็นได้ชัดว่าฉันไม่สามารถกําหนดอะไรได้ทั้งนั้น และผลลัพธ์ที่ออกมาก็มาจากพวกเขาที่เป็นคนเลือก! มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลูกชายของฉันเลยนะคะ”

 

เพื่อเป็นการพิสูจน์เธอจึงนําผลคะแนนออกมาให้ดูทันที

 

[อันดับหนึ่ง : มู่เฉิงเฉิง] [อันดับสอง : เฉินเค่อเฉียน]

 

ผลลัพธ์คะแนนจากผู้ลงคะแนนเกือบหนึ่งโหลที่เป็นชาวต่างชาติครึ่งหนึ่งร่วมลงคะแนนและพวกเขาต่างก็ทําการลงชื่อกํากับไว้ซึ่งหากเป็นคนฉลาดก็จะรู้ได้ทันทีว่ามันไม่มีทางที่จะปลอมแปลงได้

 

หรือถ้าจะให้พูดอีกนัยหนึ่ง…

 

มู่เฉิงเฉิงกับเฉินเต่อเฉียนนั้นต่างก็เข้ามาได้ด้วยความสามารถของพวกเธอเองและไม่ได้มีความช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น

 

ลู่ลี่มองเหลือบมองผลคะแนนอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปมองฝูงชนที่กําลังโกรธจัดอยู่แล้วประกาศออกมา

 

“แม้ว่าผลคะแนนจะดูไม่มีปัญหาอะไร แต่กระบวนการก็ยังถือว่ามีปัญหาอยู่! หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต้องสงสัยว่ามีการสมรู้ร่วมคิดทําการฉ้องโกงดังนั้นผลลัพธ์จึงถือเป็นโมฆะ! และหญิงสาวทั้งสองคนก็จะถูกบันทึกชื่อไว้ในบัญชีดําของบริษัทเพื่อไม่ให้สมัครเข้าทํางานอีก!”

 

เฉินเค่อเฉียนร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด

 

มู่เฉิงเฉิงก็หลั่งน้ำตาออกมา

 

เฉินเค่อเฉียนลุกขึ้นมาแล้วชี้นิ้วไปที่หวางชวน “นาย นายมันก็แค่พวกชอบโอ้อวด! เป็นนายที่ทําร้ายพวกเรา!”

 

ใบหน้าของหวางชวนนั้นแข็งข้างไปทันทีก่อนจะค่อยๆ เต็มไปด้วยความอับอาย

 

คําประกาศของประธานบริษัทนั้นก็ทําให้คนทั้งหมดต่างหยุดเสียงของพวกเขาลง

 

เดิมที่แล้วเขาก็แค่โอ้อวดออกมาแต่มู่เฉิงเฉิงกับเฉินเค่อเฉียนนั้นสามารถเข้าทํางานได้ด้วยความสามารถของตัวพวกเธอเองอยู่แล้ว

 

แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา..

 

ภายใต้การช่วยเหลือของเขากลับทําให้ทั้งมู่เฉิงเฉิงและเฉินเค่อเฉียนที่ควรจะได้รับการตอบรับเข้าทํางานต้องเสียประวัติแถมมยังต้องติดบัญชีดําอย่างถาวรไปอีก!

 

จุดเปลี่ยนในครั้งนี้ต่อให้เขาอยากจะช่วยก็ช่วยไม่ได้!

 

เคางตาของบ่เอิบอิงเต็มไปด้วยน้ำตาตั้งแต่ต้นจนจบเธอนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อยเธอนั้นบริษุทธิ์

 

แต่ตอนนี้ใครจะไปเชื่อกันล่ะ?

 

ทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้าโง่หวางชวนคนเดียว!

 

ตอนนี้มู่เฉิงเฉิงรู้สึกเกลียนหวางชวนไปแล้ว

 

หวางชวนในตอนนี้ก็อับอายมากใบหน้าของเขาร้อนฉ่า “นี่…ผลลัพธ์นี่ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ!”

 

การโอ้อวดของเขาล้มเหลวตอนนี้เขากลายเป็นคนโง่งมไปแล้ว

 

ใบหน้าของมู่เฉิงเฉิงเต็มไปด้วยน้ำตาหัวใจของเธอแตกสลายเธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเริ่มเดินจากไป

 

ในเวลานี้เองก็มีเสียงพูดดังออกมา

 

“ท่านประธานลู่ ผมว่าการจัดการของคุณมันไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่นะ”

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset