ตอนที่ 189 : ฉันเข้าใจแล้วฉันเจียงเฉินก็เป็นแค่คนธรรมดา!
บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดมาก
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอันตราย
ทันใดนั้น!
ดวงตาของเจียงเฉินก็เป็นประกายทักษะการแสดงของเขาทํางาน เขาชี้ไปที่ข้างหลังของชายคนนั้นแล้วพูดด้วยความประหลาด
“เฮ้ นั้นลูกชายของคุณหรอ? น่ารักจริงๆเลย!”
“ลูกชาย?”
ชายคนนั้นขมวดคิ้วและด้วยความสงสัยตามสัญชาติญาณของมนุษย์ก็ทําให้เขาหันกลับไปมอง
ในขณะที่เขากําลังหันหัวเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าเขากําลังถูกหลอก!
หญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีลูกชาย!!
แต่มันกลับสายเกินไปแล้ว!
เจียงเฉินเตะเขาอย่างรุนแรงจนตัวของเขาปลิวออกไปทันที!
“อ๊าก!!”
เสียงกรีดร้องดังออกมา ชายคนนั้นปลิวไปชนเข้ากับชั้นวางรองเท้า!
เจียงเฉินก้าวออกไปแล้วกดเขาลงกับพื้นและได้ทําการปราบโจรคนนี้ได้สําเร็จ
ชายคนนั้นถูกกดลงกับพื้นขยับไม่ได้แม้แต่น้อยมุมปากมีคราบเลือดไหลออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
การเตะครั้งนี้ทําให้เขารู้สึกราวกับอวัยวะภายในของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
มันเจ็บมาก!
คนขับติ์ตี้คนนี้มีพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง!
ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาเต็มปากแล้วถามอย่างนึกไม่ถึง: “แกเป็นใครกันแน่?”
เจียงเฉินยิ้มเล็กน้อย: ” ผมเป็นคนขับตี้ตี้”
“เป็นไปไม่ได้! คนขับรถตี้ตี้จะไปมีความคิดที่เฉียบขาดและพลังมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน!”
ชายหนุ่มตกตะลึง เขานั้นรู้ดีว่าหญิงสาวไม่มีเวลาไปแจ้งตํารวจอย่างแน่นอน!
เจียงเฉินพูดอย่างใจเย็น: “ฉันยอมบอกก็ได้ ฉันเป็นตํารวจเพื่อหารายได้พิเศษน่ะ”
“อั่ก”
ชายคนนั้นกระอักเลือดและเป็นลมทันที
เขานั้นไม่เคยเห็นคนขับที่ต์ที่ไหนรับงานเสริมเป็นตํารวจมาก่อน!
เขามันปีศาจ!!
ดวงตาของหญิงสาวที่มีความสวย 85 คะแนนเต็มไปด้วยความตกใจ หัวใจของเธอค่อยๆสงบลง
เธอนั้นเป็นนักเขียนนิยายลึกลับที่มียอดขายสูงที่สุดเธอนั้นคิดมาตลอดว่าตัวเอกที่เธอนั้นสร้างขึ้นมาในนิยายของเธอนั้นไม่มีอยู่จริง
แต่เมื่อเห็นเจียงเฉินในวันนี้ เธอก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเอกของนิยายของเธอนั้นไม่มีสิทธิ์เทียบกับเจียงเฉินเลยด้วยซ้ํา!
บุรุษที่มีหน้าตาราวกับเทพบุตร ความคิดที่เฉียบแหลมและพลังอันแข็งแกร่ง
มันน่าทึ่งมาก!
ฉันตัดสินใจแล้วเขาจะต้องมาเป็นตัวเอกในนิยายเรื่องต่อไปของฉัน!
ทันใดนั้นหญิงสาวก็โผเข้าหาเจียงเฉินด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ “คุณตํารวจ- ขอบคุณจริงๆที่ฉันได้เจอคุณ คุณคือผู้ช่วยชีวิตของฉัน ถ้าวันนี้เปลี่ยนเป็นคนอื่นฉันเกรงว่า…ฉันเกรงว่า…ฮือๆ- “OTTO
เมื่อพูดจบหญิงสาวก็น้องไห้ออกมาพร้อมกอดเจียงเฉินไว้
เจียงเฉินสัมผัสได้ถึงภูเขาที่แสนนุ่มนวลที่กําลังถูกับตัวของเขา เขาขมวดคิ้วและตระหนักได้แล้วว่าเรื่องนี้คงจะไม่ง่ายแล้ว
เจียงเฉินแสดงท่าที่งุนงงออกมา “ผมกําลังสงสัยว่าคุณกําลังหลอกกินเต้าหูอ่อนของผมอยู่นะ!”
สาวสวยแสดงท่าที่น้อยเนื้อต่ําใจออกมา “…อ่า ฉันขอถามได้ไหมคะว่าคุณชื่ออะไร?”
“เจียงเฉิน”
เจียงเฉินพูดออกมาเบาๆ เขานั้นไม่รีบสลัดตัวเธอออกไป เพราะยังไงซะเธอนั้นก็เป็นเหยื่อและเขานั้นเป็นตํารวจ!!
เขานั้นจะต้องคอยอยู่ให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเหยื่อต่อไปอีกซักพัก!
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอนั้นสวยและดูสะดุดตา…
แต่ปล่อยให้เธอเอาตัวถูไปแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ฉันเจียงเฉินคนนี้ชั่งโชคดีจริงๆ!
เจียงเฉินเรียกหลินซีหลานมา
5 นาทีต่อมาหลินซีหลานในชุดเครื่องแบบก็นํากําลังตํารวจเข้า
มา
และก็พบกับคนร้ายที่โดนจับไว้ติดอยู่ที่พื้นพร้อมกับเลือดที่กระอักออกมา
ตํารวจอีก 10 คนที่ตามมาต่างก็อึ้ง!
เมื่อมองไปที่หน้าต่างก็จะพบกับเจียงเฉินที่กําลังมองออกไปข้างนอก
ทันใดนั้นพวกเขาก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที!
เหล่าตํารวจพากันยกนิ้วโป้งให้เจียงเฉิน
เหยียนจื่อเหริน “พระเจ้า พี่เฉินแค่คนเดียวก็มีความสามารถมากกว่าตํารวจทั้งกรมตํารวจอาชญากรรมรวมกันแล้ว!”
จ้าวเต๋อซู “ฉันมีประโยคอยากจะพูดอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดออกมาดีไหม แต่พี่เฉินนี่สุดยอดจริงๆ”
ตํารวจอาชญากรรม A “เขาสมกับที่เป็นตํารวจอาชญากรรมพิเศษจริงๆ!”
ตํารวจ C “ถ้าฉันมีพรสวรรค์แค่ 1 ใน 3 ของเจ้าหน้าที่เจียง ยศของฉันคงไม่อยู่นิ่งแน่
เจียงเฉินหันไปมองหลินซีหลานแล้วหันไปพูดกับทุกคน “คดีนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นผลงานของหลินซีหลาน เป็นเธอที่คอยช่วยให้ความร่วมมือกับฉันมาตลอดจนแก้ไขคดีได้!”
หลินซีหลานมองไปที่เจียงเฉินอย่างงุนงง “อะไรกัน?”
ทําไมฉันถึงจําไม่ได้ว่าฉันกับสามีร่วมมือกันไขคดีนี้?
เจียงเฉินกระพริบตาให้เธอ!
บรรดาเจ้าหน้าที่เริ่มกระซิบกันอีกครั้ง
“แน่ล่ะ สามีภรรยาทํางานร่วมกันไม่ให้คงได้นอนนอกบ้าน!”
“เรื่องความปลอดภัยในเมืองหลวงขอแค่มีพี่เฉินกับพี่ซีหลานแค่นี้ก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว!”
“ก็ใช่นี่พี่เฉินเล่นแก้ตดีอย่างกับมันง่ายราวกับดื่มน้ํา จนเป็นถึงความภาคภูมิใจของสถานนีตํารวจเรา”
ไม่นานคดีนี้กถูกปิดลง
กลับมาที่สถานนีตํารวจอาชญากรรม
คดีปล้นที่ยากที่จะไขและได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงในตอนนี้ ถูกคลี่คลายลงแล้วด้วยฝีโอของเจียงเฉินคนเดียว!
ต้องรู้ไว้ก่อนว่า ความปลอดภัยในเมืองหลวงนั้นจัดว่าสูงมาก และคดีปล้นแบบนี้ก็ถือว่าเป็นคดีใหญ่มากแล้ว
ตลอดหนึ่งปีมานี้กองตํารวจอาชญากรรมได้ขจัดความชั่วร้ายไปไม่น้อย! และถือเป็นการประสบความสําเร็จครั้งยิ่งใหญ่!
หลินซีหลานนั้นมีความสุขมากที่อาชญากรทั่วเมืองหลวงล้วนแต่ถูกสามีของเธอจัดการ!
เป็นความสําเร็จครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
หลินซีหลานแอบดึงเจียงเฉินออกมาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “สามี บอกฉันได้ไหมว่านายหาพวกอาชญากรพวกนั้นเจอได้ยังไง?”
เจียงเฉินที่ได้ยินก็เล่าเรื่องในวันนี้ให้เธอได้ฟัง
หลินซีหลานประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม ดวงตาที่สวยงามของเธอเป็นประกายและพูดออกมาอย่างน่ารัก” สามี! นายหมายความว่านายแก้ไขคดีนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ?”
เจียงเฉินพยักหน้า: “ใช่”
หลินซีหลานอดไม่ได้ที่จะเขย่งตัวขึ้นมาตอนไม่มีคนอยู่
ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าหาเจียงเฉิน
“มั่วห์”
เธอจูบเจียงเฉินอย่างอายๆและชื่นชม “สามี นายนี่เก่งจริงๆเลย– คุณเจ้าหน้าที่เจียงเฉิน! ไม่ทราบว่าในอนาคตคุณจะสอนวิธีแก้ไขคดีให้ฉันได้ไหม ?”
“ตกลง คืนนี้ไปที่บ้านของเธอก็แล้วกันจะได้คุยกันอย่างลึกซึ้ง!”
เจียงเฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย
“น่าเกลียด- ที่นี่มันสถานีตํารวจนะ!”
ใบหน้าของหลินซีหลานเห่อร้อน “เอาอย่างนี้ก็แล้วกันสามี หลังจากเลิกงานแล้วฉันจะโทรหานาย ฉันขอไปทํางานก่อนนะ”
” อืม บาย ”
เจียงเฉินโบกมือและมองไปที่เงาที่สวยงามของหลินซีหลานที่กําลังเดินจากไป และมุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น
ภรรยาของเขาคนนี้ช่างมีรูปร่างที่ไร้ที่ติจริงๆ!
หญิงสาวที่ตํารวจนับพันคนต่างใฝ่ฝันถึง!
โชคดีจริงๆ
ในตอนเย็นที่บ้านของหลินซีหลาน
เจียงเฉินกับหลินซีหลานก็เริ่มพูดคุยกันอย่างลึกซึ้งในเรื่องของการแก้ไขคดีต่างๆ
ทันใดนั้น
[ติ้ง]
[กิจกรรมพิเศษเปิดใช้งานแล้ว! ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ!]
[รางวัล: 61% ของหุ้นพิพิธภัณฑ์ปักกิ่ง กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด!)
เจียงเฉินกระพริบตา! เหลือเชื่อ —
เขาอดไม่ได้ที่จะจูบหลินซีหลานที่หลับอยู่
“ฉันรักเธอจริงๆเลย”
แท้จริงแล้วมันก็คือพิพิธภัณฑ์ปักกิ่งของเมืองหลวง!
พระเจ้า!
เจียงเฉินสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว “สําหรับฉันเงินมันไม่ได้จําเป็นแล้ว แต่ฉันนั้นดันชอบของเก่าแบบนี้พอดี”
“สามี- หน้ายังไม่นอนอีกหรอ กําลังพูดเรื่องอะไรอยู่นะ?”
หลินซีหลานขยี้ตาด้วยความง่วงและถามออกมาเบาๆ
เจียงเฉินมีความสุขมากเขากดตัวของหลินซีหลานลงอีกครั้งพร้อมกับยิ้มออกมา “ขอทําอีกครั้งนะ!”
“อ๊ะ อ๊ะ
”
ใบหน้าสวยของหลินซีหลานเต็มไปด้วยความร้อนแรงเธอกรีดร้องออกมาและถูกเจียงเฉินแทงอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง
วันต่อมา
เจียงเฉินขับรถตรงมาที่พิพิธภัณฑ์ปักกิ่ง
(พิพิธภัณฑ์ปักกิ่ง)
พิพิธภัณฑ์ปักกิ่งนั้นตั้งอยู่ที่ส่วนที่เหนือที่สุดของเมืองหลวงล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าแบบโบราณ
มื่อเจียงเฉินเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์เขาก็ต้องแสดงอาการตกใจออกมา
มันเป็นอาคาร 4 ชั้นที่ผสมผสานความโบราณและความทันสมัย ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มันเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบโบราณ เรียกได้ว่ามันเป็นงานศิลปะชั้นเอกของจริง!
แค่ที่ดินของพิพิธภัณฑ์มูลค่าของมันนั้นก็นับไม่ถ้วนแล้ว!
ที่ทางเข้าของพิพิธภัณฑ์ปักกิ่ง ชายชราที่มีรอยยิ้มและกลุ่มพนักงานกลุ่มใหญ่กําลังรอการมาถึงของเจียงเฉิน
“ผู้อาวุโสจ้าว?”
เจียงเฉินนั้นจําคนนี้ได้ทันที หากพูดถึงคนในวงการการเก็บสะสมของโบราณคนแรกที่จะคิดถึงนั้นไม่ต้องสงสัยเลยนั่นก็คือ จ้าวซาง!
ตอนที่จ้าวฉีซางนั้นยังเป็นหนุ่มเขานั้นก็ได้ตีพิมพ์งานวรรณกรรมต่างๆออกมามากมาย คอมใช้ประโยชน์จากโอกาสในการไปตามชนบทเพื่อทําการศึกษาภูเขาและแม่น้ําที่มีชื่อเสียงมาแต่โบราณ เขานั้นเป็นหนึ่งในคนที่มีประสบการณ์อันยาวนานมากที่สุดในวงการวัตถุโบราณ นอกจากนี้เขานั้นยังเป็นคนรวบรวมและปกป้องโบราณวัตถุต่างๆจํานวนมากที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
เมื่อปี 1994 จ้าวฉีซานคนนี้ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวแห่งแรกในจีนที่มีชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ปักกิ่ง และเริ่มรวบรวมผลงานศิลปะโบราณ เชลล์ ชามเคลือบ เครื่องเรือนโบราณ หยก และเครื่องโลหะทั้งหลาย ฯลฯ ซึ่งแต่ละชิ้นนั้นล้วนแล้วแต่มีความงดงาม และนั่นก็ทําให้เขานั้นเป็นถึงผู้นําในวงการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุจากทั่วประเทศอย่างแท้จริง!
เมื่อจ้าวฉีซางได้พบเจียงเฉิน เขาก็เริ่มทักทายอย่างรวดเร็วและยื่นมือออกมาอย่างกระตือรือร้น
“คุณเจียง?”
เจียงเฉินและจ้าวฉีซางพูดคุยกันอย่างมีความสุข
จ้าวฉีซางถอนหายใจออกมา “ฉันเคยได้ยินเพื่อนหลายคนพูดเกี่ยวกับธุรกิจของนาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าน่าจะซื้อหุ้นของพิพิธภัณฑ์ถึง 61% แล้วตอนนี้พิพิธภัณฑ์นี่ก็เป็นของนายแล้ว!”
เจียงเฉินยิ้มและพูดออกมา “ถึงผมจะถือหุ้นไว้ แต่คนที่ดูแลก็ไม่ใช่คนอื่นนอกจากคุณนั่นแหละ คุณจ้าว!”
“แบบนี้…ขอบคุณมากน้องเจียง!”
จางฉีซางมองเจียงเฉินอย่างซาบซึ้ง เขานั้นแทบจะทนไม่ไหวจริงๆที่พิพิธภัณฑ์ที่เข้าทราบว่ากับมือนั้นจะไม่ได้อยู่กับเขาอีกแล้ว
“ตอนนี้ คุณจ้าวช่วยแนะนําพิพิธภัณฑ์ปักกิ่งให้ผมหน่อยได้
มั้ย?”
เจียงเฉินเองก็แทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นพิพิธภัณฑ์ของตัวเองว่ามันเป็นอย่างไร?
“ได้เลย ฉันจะพาเดินแนะนําด้วยตัวเอง!”
จ้าวฉีซางพาเจียงเฉินเริ่มเดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และอธิบายไปพลางๆ
“พิพิธภัณฑ์ปักกิ่งนั้นมีทั้งโถงที่จัดแสดงมากมายเช่น โถงถ้วย ชามกระเบื้องเคลือบ โถงเครื่องเรือน โถงงานฝีมือ โถงประตูและหน้าต่าง และโถงภาพวาดจีน มีสมบัติล้ําค่ามากมายตั้งแต่สมัยโบราณถูกเก็บรวบรวมอยู่ที่นี่!”
“สมบัติหายาก?”
ดวงตาของเจียงเฉินเป็นประกาย
“ในบรรดาพวกมันทั้งหมด เครื่องรายครามที่จะแสดงในโถงชามเคลือบนั้นเป็นตัวแทนของยุคถัง ซ่ง เหลียว จิน หยวน หมิงและชิง ที่มีมากที่สุดนั้นเป็นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ในยุคนั้นอุตสาหกรรรมเครื่องเคลือบของประเทศ เหล่านั้นเข้าสู่ยุครุ่งเรืองและบรรลุถึงศิลปะได้อย่างรวดเร็ว และยังมีเตาเผาทั้งห้าที่มีชื่อเสียงได้แก่ เตาหลู่ เตา จุน เจาเกอ และเตาติง เพื่อซึ่งเกือบที่มาจากเตาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีมูลค่าที่แพ้มาก”
จ้าวฉีซางชี้ไปที่ชิ้นงานที่ถูกจะแสดงอยู่ในโถงเครื่องเคลือบ “ตัวอย่างเช่น เครื่องเคลือบนิ่งเฉียนหลงใบนั้นถูกจัดประมูลที่ฮ่องกงก่อนหน้านี้! ราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่ 50 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงและมีการจัดประมูลถึง 32 ชิ้น สุดท้ายก็มีอยู่หนึ่งชิ้นที่ถูกประมูลออกไปด้วยราคามากถึง 167 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง สร้างสถิติใหม่สําหรับราคาของเครื่องเลือบในรางวงศ์ชิง”
เจียงเฉิน: ” ”
แท้แต่เจียงเฉินเองก็ยังตะลึงกับราคาที่สูงขนาดนี้!
เพียงแค่เครื่องเคลือบชิ้นเดียวราคานั้นมากกว่า 100 ล้านจริงๆหรอ!
จ้าวฉีซางยิ้มเล็กน้อย “และในส่วนจัดแสดงเครื่องเคลือบของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็มีเครื่องเคลือบสมัยรางวงศ์ชิงมากกว่า 100 ชิ้น! แถมยังมีทั้งจากราชวงศ์ ซ่ง ถัง เหลียว หยวน หมิง ชิง เรียกได้ว่ามีทุกยุคสมัยเลยทีเดียว!”
เจียงเฉินยิ้มและพยักหน้า
เมื่อมองดูเครื่องเคลือบอันวิจิตรตระการตาที่สามารถเรียกได้ว่า เป็นสมบัติของชาติเจียงเฉินก็รู้สึกพลุ่งพล่าน!
สิ่งที่ทําให้ฉันตื่นเต้นคือกลิ่นของเงินจริงหรอ?
ฉันเข้าใจแล้วฉันเจียงเฉินก็เป็นแค่คนธรรมดา!
และสุดท้ายต่อให้ไม่มีเงินก็ไม่เป็นอะไรอยู่ดีเพราะฉันนั้นชอบวัตถุโบราณแบบนี้มากกว่า!
จ้าวฉีซางพาเจียงเฉินไปโซนของเครื่องเรือนโบราณ
“ในส่วนของเครื่องดื่มโบราณทางพิพิธภัณฑ์ได้แบ่งห้องนิทรรศการออกเป็น 6 ห้อง จัดแสดงเครื่องเรือนที่ล้ําค่าทั้งจากราชวงศ์ ซ่ง หมิงและชิง ซึ่งมีจํานวนมากถึง 627 ชิ้น เครื่องเรือนจากราชวงศ์หมิงนั้นจะมีรูปร่างที่ประณีตและลายเส้นเรียบๆ ส่วนเครื่องเรือนในสมัยราชวงศ์ชิงนั้นจะมีความหรูหรา ซึ่งทํามาจากไม้มาฮอกกะนี ไม้จันทร์สีแดง ไม้หนานมู่สีทองและไม้มีค่าอื่นๆ”
จ้าวฉีซางยิ้ม “ในปัจจุบันเครื่องเรือนที่ทํามาจากไม้มะฮอกกะนีนั้นต่างก็มีราคามากถึงหลายแสนแล้ว ส่วนเครื่องเรือนโบราณที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าร้อยปีพวกนี้ หากนําพวกมันตัวใดตัวหนึ่งในนี้ออกไปขาย ราคาเริ่มต้นก็คงจะอยู่ที่หนึ่งล้านหรืออาจจะเป็นหลักหมื่นล้าน!”
เจียงเฉิน ตกตะลึงและอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสโต๊ะตัวหนึ่งที่ถูกทําออกมาอย่างประณีตและแอบชื่นชมออกมาในใจ “ตัวนี้ดูดีมากจริงๆ”
จ้าวฉีซางยิ้มอีกครั้ง “น้องเจียงนี่มีสายตาที่ดีจริงๆ โตตัวนี้และเก้าอี้สี่ตัวที่อยู่กับมัน ถูกสร้างขึ้นมาโดยปรมาจารย์แห่งราชวงศ์ซ่ง มันถูกทํามาจากไม้หนานมู่ที่มีสีทอง มันมีชื่อว่า [หลงเฟิงเฉิงเสียง] มูลค่าของมันนั้นมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน!”
“อืม…ผมรู้แล้ว! เดี๋ยวให้คนมาย้ายมันไปที่บ้านของผมดีกว่า!”
แม้ว่าภายนอกของเจียงเฉินนั้นจะดูสงบมากแต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยลูกคลื่นที่กําลังโหมกระหน่ํา
จ้าวฉีซางพยักหน้า “สมแล้วที่เป็นถึงผู้ถือหุ้นอันดับที่ 1 สายตายอดเยี่ยมจริงๆ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
เจียงเฉินยิ้มเล็กน้อย
สําหรับเขาวิธีแบบนี้เนี่ยแหละที่จะแสดงความมั่งคั่งออกมาได้จริงๆ
โซฟาหนังจากแบรนด์ชื่อดังแล้วยังไง?
เมื่อมาเทียบกับ [หลงเฟิงเฉิงเสียง เครื่องเรือนที่ทํามาจากไม้หนานมู่สีทองที่เป็นวัตถุโบราณแล้วพวกมันก็ไม่นับว่าเป็นอะไรด้วยซ้ํา!
ในอนาคตใครเห็นก็คงไม่พ้นต้องตกตะลึง!
ไม่เพียงจะได้โอ้อวดความมั่งคั่งแต่ยังมันยังเป็นถึงเป็นมรดกตกทอดมาจากอดีตอีกด้วย!
จ้าวฉีซางยิ้มและถามออกมา “น้องเจียงเฉิน บ้านของนายอยู่ที่ไหนล่ะฉันจะได้ให้คนเอาไปส่งให้?”
เจียงเฉินพูดเบาๆ “โอ้ เอาไปส่งที่ตําหนักฉีอ๋องได้เลยครับ(คฤหาสน์ของเจียงเฉิน)”
“ว่าไงนะ! ตําหนักฉีอ๋อง!”
จ้าวฉีซางอดไม่ได้ที่จะตกใจ
“บ้าไปแล้ว!”
พนักงานหลายคนประหลาดใจและอ้าปากเป็นรูปตัว O
ช็อกกันถ้วนหน้า
เจียงเฉินผู้ถือหุ้นใหญ่รายนี้
เป็นคนใหญ่คนโตตัวจริง!
จ้าวฉีซางพาเจียงเฉินเดินมาที่โถงจัดแสดงงานฝีมือ ในห้องโถงนี้เต็มไปด้วยวัตถุโบราณที่ไม่อาจจะประเมิณค่าได้
ใช้เวลาไปกว่า 4 ชั่วโมงเจียงเฉินถึงได้เดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ของตัวเอง
ในเมื่อพิพิธภัณฑ์ของฉันมีของจัดแสดงมากเกินไปฉันควรจะทำยังไงดี?
งั้นฉันขอเครื่องเรือนที่ล้ําค่าที่ทําจากไม้เนื้อแข็งมูลค่าหนึ่งพันล้านกลับมาซักชุดก็แล้วกัน!
ฉันเจียงเฉินช่างมีน้ําใจจริงๆ
จ้าวฉีซางยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ “มีคํากล่าวที่ว่า ยุคทองที่มีปัญหานั้นก็คือยุคที่โบราณวัตถุเฟื่องฟู และตอนนี้ก็เป็นยุคที่มันเฟื่องฟูแล้ว ในปัจจุบันนั้นมีคนรวยมากเกินไปแต่คนเหล่านั้นก็อยากจะหาซื้อวัตถุโบราณเก็บเอาไว้เช่นกัน และวัตถุโบราณที่พิพิธภัณฑ์ปักกิ่งของเราจัดแสดงนั้นก็ถูกคัดเลือกมาอย่างดีท่ามกลางวัตถุโบราณนับพันชิ้น เพียงแค่หยิบออกมาชิ้นหนึ่งและน้ํามันออกไปประมูลก็อาจทําให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายได้แล้ว!”
เจียงเฉินพยักหน้า
ใช้แล้ว เพียงแค่เครื่องเคลือบชิ้นเดียวนั้นก็มีราคามากถึง 160 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง!
เครื่องเรือนเพียงชุดเดียวก้อสามารถพลงได้มากถึงหลักร้อยล้านหรือหมื่นล้าน!
และยังไม่ต้องพูดถึงภาพวาดโบราณของบรรดาปรมาจารย์ที่อยู่ในโถงภาพวาดจีนโบราณ!
เพียงแค่ยิ้มออกมาชิ้นหนึ่ง ก็มีมูลค่า ตั้งแต่หลายสิบล้านจนถึงหลายร้อยล้านแล้ว
เจียงเฉินเองก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ระบบมอบรางวัลชิ้นนี้ให้กับตัวเอง
หลังจากที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของเขาแล้ว เขาก็ได้ให้คนนโต๊ะ [หลงเฟิงเฉิงเสียง] ที่ทํามาจากไม้หนานมู่สีทองนําไปส่งที่ตําหนักฉีอ๋อง
หลังจากนั้นเจียงเฉินก็บอกลาจ้าวฉีซาง
จ้าวฉีซางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อย่างไรก็ตามน้องเจียง นายเป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์ปักกิ่งคนใหม่ของเรา คืนนี้เราจะมีการจัดงานเลี้ยงอาหารค่ําและประมูลเพื่อการกุศลเพื่อบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลเอกชนหลายสิบแห่ง นายอยากจะเข้าร่วมงานไหม?”
“งานเลี้ยงอาหารค่ําเพื่อการกุศลงั้นหรอ?”
เจียงเฉินไม่คิดอะไรแม้แต่น้อย “คุณไปเถอะครับ ผมไม่เข้าร่วมดีกว่า”
“แต่นี่เป็นโอกาสดีสําหรับนายที่จะได้เผยใบหน้าของเจ้าของพิพิธภัณฑ์คนใหม่นะ”
จ้าวฉีซางสงสัย “ทําไมนายถึงไม่เข้าร่วมละ?”
เจียงเฉินเงยหน้าขึ้นและแสดงออกอย่างลึกซึ้ง “พอดีผมไม่อยากทําตัวเด่นนะครับ!”
จางฉีซางจ้องมองไปที่เจียงเฉินและยิ่งรู้สึกชื่นชอบเขามากขึ้นไปอีก
มีคนมากมายบอกว่าเขานั้นเป็นคนที่ไม่เคยแยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ แต่เขานั้นคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเฉินที่เป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์คนใหม่คนนี้ที่มีอายุน้อยกว่าเขาและยังรอเรา กลับไม่สนใจชื่อเสียงและโชคลาภมากกว่าตัวเขาอีก
“โอเคครับผมขอตัวไปทํางานก่อน”
เจียงเฉินขึ้นรถ
“แล้วนายทํางานอะไรอยู่หรอ?”
จ้วฉีซางนั้น เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับงานของเจียงเฉิน เพราะอย่างไรก็ตามเขาคือคนที่สามารถซื้อหุ้น 61% ของพิพิธภัณฑ์ปักกิ่งได้ในครั้งเดียว ซึ่งแม้ตัวเขาเองนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่ามันต้องใช้เงินมากขนาดไหน
แต่ใครจะรู้
เจียงเฉินโผล่หัวออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขับตี้ตี้ครับ!”
“ห้ะ!!”
จ้าวฉีซางเซจนเกือบจะลงไปนอนกองอยู่บนพื้น
ไม่เท่าที่เขาถืออยู่นั่นล้มลงไปกับพื้น
พิพิธภัณฑ์ปักกิ่งที่เต็มไปด้วยโบราณวัตถุสวยงามล้ําค่าและตําหนักฉีอ๋องกลับกลายเป็นของคนขับตี้ตี้คนหนึ่ง?
นี่—
เขาไม่เก็บตัวมากเกินไปใช่มั้ย?
เจียงเฉินโผล่หน้าออกมาแล้วพูดกับจางฉีซาง “โลกคืออะไรกันล่ะ? ผมก็แค่ชอบที่จะใช้ชีวิตแบบนี้และสัมผัสประสบการณ์ชีวิตไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดมาแล้วไม่มีโอกาศได้สัมผัสประสบการณ์ชีวิตบนโลกใบนี้เราจะเกิดมาบนโลกนี้ทําไมกัน?”
พูดจบเจียงเฉินก็เหยียบคันเร่งและออกรถไปทันที
จ้าวฉีซางจ้องมองไปที่หลังรถของเจียงเฉินเป็นเวลานานก่อนจะพูดออกมา
“น้องเจียง ฉันมีดีไม่เท่านายเลยจริงๆ”
“ฉันใช้ชีวิตมาจนใกล้จะตายอยู่แล้วแต่กลับมีปัญญาเพียงน้อยนิด คิดไม่ถึงว่าเจียงเฉินที่ยังเด็กกลับคิดได้แบบนี้ ความรู้สึกของมนุษย์ก็คือศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ขอเพียงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นี่แหละคือสิ่งที่มนุษย์ควรจะทํา!”
“น่าชื่นชม น่าชื่นชมจริงๆ”
แน่นอนว่าจ้าวฉีซางนั้นไม่รู้แม้แต่น้อยว่าการที่เชิญต้องมาขับตี้ตี้ นั่นเป็นเพราะว่าระบบบังคับเขา
Related