เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ
ตอนที่ 206 : ความไร้สาระที่ไม่คู่ควรกับฉัน –
เติ้ง! เปิดใช้งานกิจกรรมที่ซ่อนอยู่! ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ
[รางวัล : (มูลนิธิเตียงชื่อกรุ๊ป] มูลนิธินี้ถูกก่อตั้งมาแล้วเป็นเวลา 1 เดือน]
[ระบบลงชื่อสัมผัสประสบการณ์ชีวิต 2.0 ค่าประสบการณ์ (356500)]
ใจเย็นๆ!
ปรากฏว่าเป็นมูลนิธิงั้นหรอ?
นี่ฟ้าต้องการให้ฉันเจียงเฉินคนนี้ทําบุญการกุศลใช่ไหม?
หรืออาจจะเป็นระบบที่มองว่าฉันเป็นคนใจดีเข้าถึงง่ายกัน?
เจียงเฉินเริ่มทําการตรวจสอบข้อมูลของมูลนิธิเจียงซื่อที่มากับระบบทันที
[มูลนิธิเจียงซื่อ] – เจ้าของ : เจียงเฉิน [ถือหุ้น 100% เป็นกรรมการประธานบริหาร มีอํานาจสูงที่สุด]
ระดับของกองทุน : กองทุนการกุศลแห่งชาติ
เงินทุนบริจาคในปัจจุบัน : 1 พันล้าน (ได้รับการบริจาคมาจากทั่วประเทศมีรายละเอียดเพิ่มเติม)
พนักงาน : รองประธาน หลิวเต๋ออัน (เบอร์โทรศัพท์ xxx) กรรมการบริษัท : จ้าวหวง เฉินเล่อ….
กล่าวก็คือนี่คือมูลนิธิที่มีทั้งพนักงานและเงินบริจาคถึง 1 พันล้านที่ถูกบริจาคมาจากทั่วทั้งประเทศ!
สุดยอด!
เป็นที่ทราบกันดีว่ามูลนิธิการกุศลแห่งชาติแบบนี้การจะจัดตั้งได้ ต้องผ่านการอนุมัติจากกระทรวงกิจการพลเรือนระดับสูงสุดก่อน และมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะจัดตั้งขึ้นมา!
และตอนนี้เจียงเฉินก็มีมูลนิธิแห่งชาติเป็นของตัวเอง!
ลองจินตนาการดูสิว่ามันดูทรงพลังมากแค่ไหน!
“ต็ด ตด ตรัด–
ในเวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของเจียงเฉินก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นเคย
“สวัสดี?”
“นั่นเจียงเฉินใช่ไหม?”
“ใช่ครับผมเจียงเฉินแล้วคุณคือ?”
“ว้าว เจียงเฉินนายจริงๆด้วย! ผมเองลื่อหยงไงคนที่โตมาในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้ากับนายไง!”
“ลื่อหยง…โอ้ โอ้ อ้อ ฉันจําได้แล้ว…” เจียงเฉินนั้นยังจําภาพตอนที่เขานั้นอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าได้อยู่และในนั้นก็มีคนที่ ชื่อฉ่อหยงอยู่จริงๆ แต่เขานั้นก็ไม่ได้สนิทกับอีกฝ่ายมากนัก
“มันเป็นอย่างนี้นะ เมื่อวานนี้สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าที่พวกเราเคยอยู่ถล่มลงมาน่ะ”
“อะไรนะ? มันถล่มลงมางั้นหรอ?” เจียงเฉินถามกลับไปทันที “มีใครบาดเจ็บบ้างรึเปล่า?”
“ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นทุกคนออกไปทานอาหารอยู่ที่โรงอาหารพอดีก็เลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บนะ” จื่อหยงพูดออกมา
สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าจะดีหรือไม่ดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนั้นได้ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์หรือได้รับความสนใจจากสังคมากแค่ไหน เพราะหากสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งไหนที่ได้รับความสนใจจากสังคมมากพวกเขาก็จะได้รับการบริจาคมาจาก หลายๆฝ่ายแต่ในขณะเดียวกันสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้ จักก็มักจะได้รับเงินบริจาคที่น้อยและระดับการเงินก็จะอยู่ที่กลางๆลงไป และมันก็เป็นเรื่องปกติที่อาคารของพวกเขานั้นจะมีอายุหลายสิบปี
ดังนั้นด้วยสาเหตุนี้มันจึงทําให้เจียงเฉินไม่แปลกใจเลยว่าทําไมอาคารถึงถล่มลงมา
“ถ้าคนไม่เป็นไรก็โอเคแล้ว” เจียงเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “แล้วตอนนี้เด็กๆแล้วก็ผู้อํานวยการไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ
แท้ว่าจะผ่านไปกว่าสิบปีแล้วเจียงเฉินก็ยังคงมีความรู้สึกกับสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้อยู่ เพราะอย่างไรก็ตาม เขานั้นก็ได้รับการเลี้ยงดูจากที่นั่นมาหลายปี
ลื่อหยงพูดออกมา “ตอนนี้พวกฉันมาอาศัยกันอยู่ที่เรือนกระจกน่ะแล้วที่นี่ก็มีนักข่าวอยู่ด้วยแล้วก็มีพวกเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาในพื้นที่ด้วยดังนั้นการกินอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่หรอก”
เจียงเฉินที่ได้ยินก็เริ่มวางใจลง “เยี่ยมมาก”
จื่อหยง “ตอนที่ฉันได้ยินข่าวฉันก็รีบมาที่นี่ทันทีแล้วก็มาช่วยเก็บกวาดทําความสะอาดจนมาเจอกับสมุดบันทึกที่มีเลขโทรศัพท์ของนายอยู่ข้างในฉันก็เลยลองโทรมาหานายดู แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่าผ่านมาหาหลายปีแล้วนายก็ยังคงไม่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองเลย…ยังไงก็เถอะนายจะกลับมาดูที่นี่หน่อยไหม? ตอนนี้ตุกก็ถล่มลงไปแล้ว ฉันก็อยากจะให้ทุกคนมาถ่ายรูปหมู่เก็บไว้เป็นที่ระลึกครั้งสุดท้ายสักหน่อย
เจียงเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่งเพราะมันก็จริงที่เขาไม่ได้กลับไปนานมากแล้ว
“ตกลงฉันจะกลับไป”
จื่อหยงพยักหน้า “โอเคงั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันจะติดต่อหาคนอื่นด้วย”
เจียงเฉินพยักหน้าก่อนจะกดวางสาย
หลังจากที่คิดเรื่องนี้แล้ว เจียงเฉินก็โทรหารองประธานของ [มูลนิธิเจียงซื้อทันที่]
“เจ้านาย!”
รองประธานหลิวเต๋ออันที่รับโทรศัพท์จากเจียงเฉินก็พูดด้วยน้ําเสียงที่สุภาพ
เจียงเฉิน “ฉันมีอะไรบางอย่างให้นายทํา ที่สถานเลี้ยงเด็กกําพร้า ต้าซาน ในเมืองซานเหอเกิดเหตุการณ์อาคารถล่มลงมา นายช่วยไปตรวจสอบและทําเรื่องบริจาคให้พวกเขาหน่อย นายสามารถพิจารณาเรื่องเงินได้เต็มที่เลย…”
หลิวเต่ออันกล่าวด้วยความเคารพ “ไม่มีปัญหาครับ! ผมจะทํามันทันที อย่างไรก็ตามเจ้านายครับสถานเลี้ยงเด็กกําพร้านี้เป็นของเจ้านายรึเปล่าครับ?”
เจียงเฉิน “ผมเติบโตขึ้นมาจากสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้!”
หลิวเต๋ออันที่ได้ยินก็ตระหนักได้ทันทีว่าความสําคัญของงานนี้จะต้องถูกยกระดับไปอยู่บนสุด!
หลิวเต๋ออัน “เจ้านายวางใจได้เลยครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง!”
หลังจากวางสายเขาก็พาคนกลุ่มหนึ่งไปตรวจสอบทันที
เจียงเฉินขับรถ Tesla ไปจนถึงเมืองซานเหอ
แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งทางพลังงานของรถ Tesla ก็หมดลง!
เจียงเฉิน “…”
ใกล้ๆนี้ก็ไม่มีสถานนีชาร์จพลังงานเลย ทําได้เพียงจอดมันทอ้งไว้ แล้วให้คนมาเอามันกลับไปเท่านั้น
ใรเวลานี้เองก็มีรถโดยสารสาธารณะที่ออกมาจากเมืองหลวง และกําลังเดินทางไปเมืองซานเหอผ่านมาพอดี
เจียงเฉินก็ขึ้นรถทันที
ในรถนั้นมีคนไม่มากจึงมีที่เหลืออยู่มากมาย เจียงเฉินพบที่นั่งว่างสําหรับสองคนเขาก็เดินเข้าไปนั่งทันที
หลังจากผ่านไปหลายสิบนาที่เขาก็มาถึงจุดจอดในเมือง และคนมากมายก็พากันวิ่งเข้ามา
ทันใดนั้น!
ดวงตาของเจียงเฉินก็ต้องเป็นประกาย!
โลลิถูกกฎหมาย!
ความสวย 98 คะแนน
ใบหน้าที่สวยงามราวกับเด็กและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
เจียงเฉินมองไปรอบๆและพบว่าผู้ชายที่อยู่บริเวณนี้ต่างไม่มีใครสนใจโทรศัพท์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย พวกเขาต่างหันมามองดูโลลิถูกกฎหมายกันทั้งนั้น!
“อีก – ดาเมจรุนแรงมาก!”
“น่าตกตะลึงสุดๆไปเลย!”
เพราะหญิงสาวนั้นขึ้นมาบนรถช้าเกินไปจึงไม่เหลือที่นั่งเดี่ยวอีก ดังนั้นเธอจึงมองไปทางที่นั่งคู่ก่อนจะพบชายคนหนึ่งที่กําลังนั่งอยู่
ซึ่งชายคนนั้นก็คือเจียงเฉิน
เธอมองไปที่เจียงเฉิน
แม้ว่าเจียงเฉินนั้นจะสวมหน้ากากอนามัยอยู่ แต่บุคลิกของเขายังคงดูสะอาดสดใสและดวงตาของเขาก็ดูแจ่มใสมาก
เธอเดินไปหาเจียงเฉินก่อนจะถามออกมาอย่างอ่อนโยน “ขอฉันนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ?”
เจียงเฉินย่อมไม่ปฏิเสธ “ได้ครับ”
เนื่องจากเจียงเฉินไม่ได้นั่งริมหน้าต่างดังนั้นสาวสวยจึงต้องเข้าไปนั่งอยู่ข้างใน ขณะที่เธอกําลังพยายามเข้าไปยังที่นั่งของเธอเจียงเฉินก็สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจางๆ
ในเวลานี้เอง
นายน้อยคนหนึ่งที่แต่งตัวดูทันสมัยก็เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าหนังจระเข้ก็เดินเข้ามาที่ข้างๆเจียงเฉิน
“น้องชายฉันขอที่นั่งตรงนี้ได้ไหม?”
ชายคนนี้มีชื่อว่าเฉินหงเขานั้นได้พบกับโลลิถูกกฎหมายคนนี้เมื่อสามวันก่อน และเขานั้นก็ตกตะลงกับความสวยของเธอ และเขานั้นก็เริ่มไล่ตามเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ครั้งนี้เขานั้นเห็นว่าเธอมานั่งรถประจําทางเขาก็รีบทิ้งรถ BMW ของตัวเองแล้วตามขึ้นมาทันที
แต่สุดท้าย….หญิงสาวกลับมานั่งข้างผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้
และที่สําคัญชายคนนี้หล่อกว่าเขาด้วยซ้ําแม้จะใส่หน้ากากอยู่ก็ตาม!
เจ็บไปทั้งหัวใจ!
เขารู้สึกว่ามีทุ่งหญ้าสีเขียวผุดขึ้นมาบนหัวของเขา!
เจียงเฉินหันไปมอง
ในฐานะที่เขานั้นก็เป็นผู้ชายเหมือนกันเมื่อเขามองไปที่อีกฝ่าย เขานั้นก็มองจุดประสงค์ของอีกฝ่ายออกทันที
ฮิฮิ
สําหรับคนประเภทนี้เจียงเฉินคงพูดด้วยได้แค่คําเดียว : ออกไป
สาวสวยเธอมานั่งข้างฉันคนนี้ แต่นายจะมาแย่งที่ฉันงั้นหรอ? ไม่มีทาง!
ในเวลานี้เองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆก็ดึงเจียงเฉินก่อนจะส่ายหัวอย่างน่าสงสารราวกับกําลังขอร้องเขาว่า : อย่าออกไป
เจียงเฉินตบไหล่ของเธอราวกับจะพูดออกมาว่า : ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง!
เจียงเฉินหันกลับไปก่อนจะยิ้มออกมา “ขอโทษครับแต่ผมคงยกให้ไม่ได้!”
อะไรกัน?
ไม่ยอมงั้นหรอ?
ปกติแล้วเขานั้นเมื่อไปที่ไหนก็จะมีแต่คนยอมไว้หน้าเขา แต่ในวันนี้เขากลับถูกเจียงเฉินปฏิเสธมันทําให้เขานั้นรู้สึกราวกับว่าเขานั้นโดนเจียงเฉินหักหน้าอย่างแรง!
“น้องชายฉันให้เงินนาย 1,000 หยวน นายช่วยยกที่นั่งให้ฉันได้ไหม?”
เฉินหงใช้กลอุบายของตัวเองออกมา [ใช้เงินฟาดหัว]
เขาแสดงความร่ํารวยของตัวเองออกมา
หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงยอมมอบที่นั่งให้ทันทีแต่สําหรับเจียงเฉินแล้ว…
1,000 หยวน?
เจียงเฉินกรอกตา
แค่นี้น่ะหรอ? ต้องการให้ฉันหักหลังผู้หญิงคนนี้ด้วยเงิน 1,000 หยวนเนี่ยนะ?
ดูถูกกันเกินไปรึเปล่า?
เจียงเฉินมองไปที่เฉินหงก่อนจะยิ้มออกมา “ดูที่ปากของผมนะ – ออกไป!”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในแผนการใช้เงิน 1,000 ของเฉินหงแข็งค้างไปในทันที
เขามองไปที่เจียงเฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “น้องชาย นี่มันเงิน 1,000 หยวนเลยนะ! มันพอให้นายเอาไปซื้อชุดได้สองสามชุดเลยนะ นายยังไม่มีรถเป็นของตัวเองด้วยซ้ําฐานะการเงินของนายก็ควรจะอยู่แค่กลางๆเท่านั้นเองนะ”
เจียงเฉินกรอกตา “ตาคุณเห็นว่าผมยากจนมากงั้นหรอ?”
เฉินหงยิ้มออกมาอย่างมั่นใจราวกับเขานั้นมองเห็นทุกอย่าง “น้องชาย อย่าอายไปเลย ไม่ต้องปฏิเสธหรอก นายจะขึ้นรถบัสทําไม ถ้านายไม่ใช่คนจน? ถ้านายมีเงินนายก็คงเอาไปซื้อรถขับเองแล้ว จะขึ้นรถประจําทางทําไมกัน?”
ทันทีที่เขาพูดออกมาผู้โดยสารคนอื่นบนรถก็พากันไม่พอใจขึ้นมาทันที
เพราะพวกเขต่างก็ขึ้นรถประจำทางกันทั้งนั้น!
เฉินหงคนนี้จงใจจัดว่าคนที่นั่งรถประจําทางเป็นคนจน!
พวกเขาถูกดูถูดอย่างรุนแรง!
ประณามมัน!
เฉินหงพูดดูถูกคนทั้งรถโดยไม่รู้ตัวและตอนนี้เขานั้นก็ยังคงทําตัว โอ้อวดต่อไป
เขายกมือขึ้นมาพร้อมกับกุญแจรถ Mecedes-Benz “อย่ามองว่าฉันก็เอาแต่นั่งรถประจําทาง อันที่จริงฉันก็มีรถและราคามันก็ งกว่า 1 ล้านแต่ตอนนี้มันเสียฉันก็เลยเอาไปซ่อม!”
เจียงเฉินหัวเราะออกมา “ใครๆก็รู้ว่ากุญแจรถปลอมนั้นมีขายอยู่ตามเว็บเถาเปา!”
ผู้โดยสารคนอื่นพากันหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ใช่ๆ มีคนตั้งเยอะตั้งแยะที่ชอบโอ้อวดว่าตัวเองซื้อรถ BMW Mercedes-Benz โอ้อวดว่าตัวเองมีรถแล้วก็หลอกล่อสาวๆไปทั่ว!”
“กุญแจปลอมครบชุดราคา 9 หยวน ส่งฟรี! ฉันเคยเห็นมาเยอะแล้ว!”
“ไร้สาระจริงๆ ไม่อายเลยรึยังไง?”
หลอกผู้โดยสารที่เพิ่งถูกดูถูกว่าเป็นคนจนโดยเฉินหงเมื่อพวกเขานั้นเห็นโอกาสพวกเขาก็เริ่มเยาะเย้ยกลับในทันที
ใบหน้าของเฉินหงเปลี่ยนเป็นสีแดงและเขียวด้วยความโกรธจัด
“ พวกแกหุบปากไปซะ ไอ้พวกคนจน ฉันน่ะมีเงินฉันจะใช้กุญแจปลอมเพื่อโอ้อวดไปเพื่ออะไรกัน?”
จากนั้นเขาก็หันไปมองที่เจียงเฉิน “ฉันให้แก 3,000 หยวน ยกที่ตรงนี้ให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เจียงเฉินเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “ฉันให้ 3,000 หยวนแล้วออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้!”
“อะไรนะ นายใช้เงิน 3,000 หยวนเพื่อดูถูกฉันงั้นเหรอ?”
เฉินหงโกรธและตะโกนออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันจะบอกให้ก็ได้พ่อของฉันเป็นเจ้าของหยงไห่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองซานเหอ มีสาขาเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ถึง 7 แห่งในเมืองซานเหอแห่งนี้ มีทรัพย์สินกว่า 7.8 พันล้าน! มากพอที่จะซื้อรถ Mercedes-Benz ที่มีราคาสูงถึงขนาดที่ต่อให้แกทํางานทั้งชีวิตก็ไม่ได้เงินมาขนาดนี้!”
“โอ้ พระเจ้า ปรากฏว่าเขาเป็นลูกชายของเจ้าของหยงไห่ซุปเปอร์มาร์เก็ต?!”
“ซุปเปอร์มาร์เก็ตนี้มีชื่อเสียงไม่น้อยเลยเมืองซานเหอของพวกเรา”
“ใช่ ปกติแล้วฉันก็มักจะเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ตนี้!”
“ปรากฏว่าเขาเป็นคนรวยรุ่นที่สอง!”
เหล่าผู้โดยสารในรถต่างพากันส่งเสียงร้องออกมา
พวกเขาเองต่างก็เป็นชาวเมืองซานเหอ ดังนั้นพวกเขาจึงพากันมองไปที่เฉินหงด้วยความชื่นชมในทันที
เจียงเฉินไม่สนใจเขายิ้มออกมา
จะเจ็ดพันล้านหรือแปดพันล้านแล้วมันยังไง?
นี่ก็นานแล้วที่ไม่มีคู่ต่อสู้ห่วยๆแบบนี้เข้ามา มันไม่คุ้มกับการจัดการด้วยตัวเองด้วยซ้ํา
เฉินหงดูอารมณ์เสียกับการแสดงออกของเจียงเฉิน!!
เขานั้นหงายไพ่ของตัวเองออกมาแล้ว!
แต่ทําไมอีกฝ่ายถึงยังใจเย็นได้อยู่?
ทําไมฝ่ายถึงยังกล้ามองฉันด้วยสายตาที่ดูถูก!
เฉินหงยิ่งคิดยิ่งโมโหเขาชี้นิ้วไปที่เจียงเฉินแล้วตะโกนออกมา “เอาอย่างนั้นก็ได้! แกรอก่อนเถอะ! ฉันเฉินหงคนนี้นับว่าเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองซานเหอ ขอเพียงแค่แกเหยียบเข้าไปในเมืองซานเหอ ฉัน เฉินหง จะ..!”
เฉินหงที่กําลังโวยวายข่มขู่เจียงเฉินจู่ๆก็ต้องหยุดไป..
ปรากกฏว่า…
รถเบรคอย่างกระทันหัน !
ไม่รู้ว่ารถบัสเจอกับอะไรถึงได้เบรคกระทันหันแบบนี้
ทุกคนเอนตัวไปข้างหน้าทันที
เอี๊ยด
ด้วยความเร็วที่ลดลงอย่างรวดเร็วทําให้เฉินหงกลิ้งไปตามทางจนสุดทาง
ไม่นานรถก็หยุดลง
คนขับตะโกนออกมา “ผมขอโทษจริงๆครับ รถข้างหน้าเปลี่ยนเลนกระทันหันก่อนจะชนกัน ผมก็เลยต้องรีบเบรค ขอโทษทุกคนด้วยจริงๆครับ”
ผู้โดยสารส่วนใหญ่เข้าใจพวกเขาจึงไม่ได้ว่าอะไร
แต่นั้นก็ส่วนของพวกเขา
มันไม่ใช่กับเฉินหง!
เขายืนขึ้นมาด้วยตัวสั่นๆ บนหัวของเขาเต็มไปด้วยรอยถลอก จมูกก็ช้ําใบหน้าเต็มไปด้วยความบวม
“อ้าก ไอเวรเอ้ย! แกทําให้ฉันล้ม! แกต้องรับผิดชอบ”
เขาโกรธมากและตะโกนเรียกร้องความรับผิดชอบจากคนขับทันที
แต่คนขับก็ตอบกลับมา “มันไม่ใช่ความรับผิดของผม มันมีอุบัติเหตุข้างหน้าผมก็ต้องเบรก คุณน่ะไม่ยอมนั่งให้เป็นที่แล้วคาดเข็มขัดเอง เอาแต่โอ้อวดตัวเอง มันจะไปเป็นความผิดของผมได้ยังไงกัน?!”
เขาพูดพูดออกมาตามจริง!
เฉินหง “…”
เขาได้แต่กุมแผลเอาไว้และไม่รู้จะตอบกลับยังไง
มันมีเหตุผล!
แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจแก้ตัวได้
เมื่อคิดถึงตอนที่เขากําลังโอ้อวดกุญแจรถของตัว องช่วงนั้นเป็นช่วงที่ความผิดของเขานั้นชัดเจนมากที่สุด จนสุดท้ายรถก็เบรกตัวของเขาก็กลิ้งไปตามทางใบหน้ากระแทกกับพื้นจมูก บวมใบหน้าบวม!
เขารู้สึกอายจนไม่อยากจะอยู่ต่อ!
ขมขื่น!
ผู้โดยสารรอบๆพากันปิดปากหัวเราะออกมา แต่พวกเขานั้นก็ไม่กล้าหัวเราะออกมาดังๆ
เจียงเฉินไม่สนใจต่อเขาหันไปคุยกับสาวสวย
“สวัสดีครับ ผมชื่อเจียงเฉินครับ”
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหยานเค่อค่ะ”
ตกตะลึงอย่างรุนแรง!
เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ ความทรงจําที่หายไปนานก็ผุดขึ้นมาบนหัวของเขา