ตอนที่ 211 : ฉันไม่ได้ขับตี้ตี้มาตั้งหลายวัน รู้สึกอึดอัดจริงๆ
“ว้าว! หยานเค่อมีแฟนแล้วงั้นหรอ?”
“เธอไม่ได้ไปเมืองซานเหอรียังไงกันทําไมถึงได้กลับมาเร็ว
ขนาเนื้ว”
“หล่อมาก! แฟนของหยานเค่อหล่อมากเลย!”
เจียงเฉินถูกกลุ่มครูสาวเข้ามาล้อมในทันที
และทางด้านกลุ่มครูหนุ่มนั้นก็มองหน้ากันด้วยความไม่พอใจ
เพื่อนร่วมงานที่พวกเขาต่างก็แอบชอบอย่างหยานเค่อกลับมีความรักแล้ว!
“ให้ฉันแนะนําตัวให้เขาก่อน”
หยานเค่อปฏิบัติราวกับว่าเจียงเฉินนั้นเป็นแฟนของเธอ เธอนั้นรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่ก็มีความสุขเธอยิ้มและพูดออกมา “นี่คือเพื่อนของฉันเขาชื่อว่าเจียงเฉินคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของฉันเธอเป็นเพื่อนที่ดีเลยเธอชื่อว่าเฉินยู่หลิง…”
เฉินยู่หลิงทักทายเจียงเฉิน “สวัสดีค่ะ!”
หยานเค่อนั้นรู้สึกดีกับเฉินยู่หลิงผู้เป็นเพื่อนร่วมงานสาวคนนี้แม้ว่าเฉินยู่หลิงจะไม่ใช่คนสวยอะไรแต่เธอนั้นเป็นคนที่แคร์คนอื่นและเธอนั้นก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับความชื่นชอบจากคนอื่นมาก
ถัดจากเฉินยู่หลิงก็เป็นเพื่อนร่วมงานหนุ่มที่ดูเป็นคนซื่อสัตย์มากเขาชื่อว่าเทียนเลย
หยานเค่อแนะนําตัวเฉินยู่หลิงและเทียนเล่ยก่อนจะให้พวกเขาพูดคุยกับเจียงเฉิน
หลังจากที่คุยกันไปได้ซักพักเจียงเฉินก็พบว่าเทียนเล่ยคนนี้เป็นคนที่มีการแสดงออกที่ชัดเจนและกระตือรือร้น
เจียงเฉินพยักหน้า
ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมงานของหยานเค่อส่วนใหญ่นั้นจะเป็นคนดีและมีจิตใจที่ดีด้วย
ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งดีๆในเมืองเล็กๆแบบนี้พวกเขาทุกคนต่างก็รู้จักกัน ดีและมีชีวิตที่ไม่ต้องกังวลอะไรมากต่างจากเมืองใหญ่ที่มีประชากร เยอะและการแข่งขันที่สูง
“หยานเค่อฉันขอแสดงความยินดีด้วยนะที่เธอสละโสดแล้ว!”
เฉินยู่หลิงยกแก้วไวน์ขึ้นมาก่อนจะพูดอย่างกระตือรือร้น “ฉันนั้นกังวลมาตลอดว่าเสี่ยวเค่อผู้แสนงดงามและไร้เดียงสาของฉันจะถูกคนอื่นหลอก แต่วันนี้พอฉันได้เห็นเจียงเฉินแล้วหัวใจผู้เป็นแม่ของฉันก็รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที!”
“หยุดเลยนะ –
“หยานเค่อร้องออกมา “ใครเป็นแม่ของฉันกันพอเลยไปเลยๆ”
คนบนโต๊ะพากันหัวเราะออกมา
แม้ว่าหยานเค่อนั้นจะเป็นครูแต่เธอนั้นก็ดูเป็นโลลิที่ไร้เดียงสาเกินไปเพราะหากมีคนโยนเธอเข้าไปในกลุ่มของเด็กมัธยมและบอกว่าเธอนั้นเป็นเด็กมัธยมเป็นใครก็ต้องเชื่อ!
ซึ่งมันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง!
โลลิถูกกฏหมาย
เมื่อทานอาหารไปซักพักเจียงเฉินก็ขอตัวออกไปเข้าห้องน้ําและหยานเค่อเธอนั้นก็ตามเขาไปเข้าห้องน้ําด้วยกัน
เมื่อเข้าห้องน้ําไปแล้วคนใหญ่คนโตที่เขาได้เจอก่อนหน้านี้ก็โทรมา
“น้องเจียง ฉันรู้สึกเสียดายจริงๆที่เชิญนายมาทานอาหารด้วยไม่ได้ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?”
เจียงเฉินยิ้ม “พี่หวังจริงๆแล้วผมก็ยังอยู่ที่จี้โจวและกําลังทานอาหารเย็นกับเพื่อนของผมอยู่ที่ร้าน [เทียนซุ่ยเหลียน]
“เทียนซุ่ยเหลียน?”
หวังซิงฟาตกตะลึงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฉันบอกแล้วว่ามันเป็นลิขิตจากสวรรค์! บังเอิญจริงๆ ร้านนี้เป็นของฉันเองดังนั้น น้องเจียงรอฉันก่อนนะฉันจะรีบไปหาทันที!”
ปรากฏว่าหลังจากที่แยกทางกับเจียงเฉินแล้วหวังซิงฟาก็หยิบนามบัตรของเจียงเฉินออกมาก่อนจะโทรหาคนเพื่อตรวจสอบ
“สวัสดี เถ้าแก่เฉียน ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม นายรู้จักโรงพยาบาลหมิงเต๋อใช่ไหมช่วยดูให้หน่อยว่ามีคนที่ชื่อว่าเจียงเฉินเป็รผู้ถือหุ้นอยู่จริงๆรึเปล่า?”
“มีจริงๆงั้นหรอ! โอเคขอบคุณมาก!”
“เหล่าลี่ ฉันขอถามหน่อยนะ นายพอจะรู้ไหมว่ามีใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงแรมผางคู่บ้าง?”
“มีเจียงเฉินด้วยงั้นหรอ? โอ้พระเจ้า นี่เรื่องจริงงั้นหรอ?”
“แล้วก็บาร์เทียนเฉินนะ นายพอจะรู้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของมัน?”
“เจียงเฉินงั้นหรอ! โอเคๆ ฉันไม่รบกวนแล้ว ขอโทษจริงๆ”
หวางซิงฟาใช้เส้นสายของเขาโทรหาใครบางคนเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ :
และปรากฏว่าบริษัททั้งหมดที่อยู่บนนามบัตรของเขานั้นมีเขาเป็นผู้ถือหุ้นอยู่จริงๆ
หวังซิงฟาตอนแรกที่สงสัยอยู่นิดหน่อยตอนนี้เขานั้นตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ปรากฏว่ามีตัวตนแบบเจียงเฉินอย่างนี้อยู่จริง!
นี่เขาเป็นเทพลงมาเกิดงั้นหรอ?
อายุน้อยเพียงนี้แต่กลับมีทรัพย์สินอย่างน้อยกว่าหมื่นล้าน!แถมยังหล่อเหลาอีกด้วย!
ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเขานั้นถึงดูสุขุมและกลิ่นอายรอบตัวเขานั้นก็ทําให้เขานั้นเห็นได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ตัวตนธรรมดาๆ!
แม้ว่าหญิงซิงฟาจะเรียกลมเรียกฝนได้อยู่แค่ในจี้โจวแต่เจียงเฉินนั้นสามารถเรียกลมฝนได้แม้ว่าตัวเองจะอยู่เมืองหลวง!
เพราะคนที่จะสามารถเรียกลมและฝนในเมืองหลวงได้ก็มีเพียงแค่มังกรตัวจริงเท่านั้น!
เขาที่อยู่ในจ์โจวมีจะมีอํานาจมากแต่เขานั้นก็แค่งูประจําถิ่น
แค่นั้น!
ช่องว่างของเขากับเจียงเฉินนั้นใหญ่มาก!
ยิ่งหวังซิงฟาคิดเขาก็ยิ่งเสียใจ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขานั้นไม่ควรปล่อยโอกาศในการทําความรู้จักไปอย่างง่ายๆโดยเด็ดขาด
บางทีด้วยโอกาศครั้งนี้เขาอาจจะได้เปลี่ยนมาเป็นมังกรที่สามารถเรียกลมฝนได้และอาจจะได้รับความช่วยเหลือจากเจียงเฉินให้ผลักดันเขาเข้าสู่ตลาดเศรษฐกิจของเมืองหลวงเลยก็ได้
น้ําในเมืองหลวงนั้นลึกเกินไปคนรวยต่างถิ่นแบบเขานั้นไม่อาจ เข้าไปยุ่งด้วยได้โดยง่ายๆ ต่อให้เขานั้นจะรวยมากแค่ไหนก็ตามไม่อ ย่างนั้นเขาเองอาจจะเป็นคนที่ตายโดยไม่รู้ตัว!
และจากการโทรศัพท์คุยเมื่อกี้นี้
มันทําให้เขานั้นมีความสุขมาก!
เจียงเฉินนั้นยังคงไม่จากไปและเขานั้นยังคงอยู่ในขี้โจว!
แถมยังกําลังทานอารหารอยู่ในร้านอาหาร [เทียนซุ่ยเหลียน]ของเขาด้วย!
เมื่อเขานั้นคิดถึงสาวสวยที่นั่งข้างคนขับบนรถของเจียงเฉินเขานั้นก็เข้าใจได้ทันทีว่าสาวสวยคนนั้นน่าจะเป็นคนในจี้โจวไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มากินที่ร้านเทียนนุ่ยเหลียนแน่!
เขารู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
เขานั้นอยากจะเข้าไปประจบประแจงเจียงเฉินแล้ว
เขากระโดดขึ้นไปรถของเขาก่อนจะบอกให้คนขับรถของเขาขับไปที่ร้านเทียนซุ่ยเหลียนโดยเร็ว!
รถของเขาออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
เทียนเฉินกลับมาที่โต๊ะกับหยานเค่อหลังจากที่เขาคุยโทรศัพท์เสร็จก่อนจะพบว่า :
โต๊ะของเพื่อนร่วมงานของหยานเค่อนั้นกําลังมีความขัดแย้งกับโต๊ะข้างๆ!
และสาเหตุของเรื่องก็คือหลังจากที่เจียงเฉินกับหยานเค่อจากไปโต๊ะข้างๆนั้นก็สั่งน้ํามูกลงบนกระดาษทิชชู้ก่อนจะโยนมันลอยมาทางโต๊ะของพวกเขา!
และมันก็บังเอิญตกลงบนร่างของเฉินยู่หลิงอย่างพอดิบพอดี!
มันน่าขยะแขยงมาก!
และแฟนของเฉินยู่หลิงอย่างเทียนเล่ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขานั้นยืนขึ้นมาและบอกให้อีกฝ่ายขอโทษทันที
แต่ใครจะรู้อีกฝ่ายนั้นกลับหยิ่งมาก!
ชายหนุ่มคนหนึ่งนําขามาวางพาดบนโต๊ะแล้วทําท่าทางราวกับกําลังบอกว่าเขานั้น “จงใจ” และแทนที่เขาจะขอโทษออกมาเขานั้นกลับมาดูถูกเทียนเล่ยอทนการกล่าวขอโทษ!
คนหนุ่มสาวกลุ่มนั้นเป็นพวกคนรวยพ่อแม่ของพวกเขานั้นต่างก็ทําธุรกิจดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างที่จะมีเงินเหลือใช้และยังมีอํานาจมาก!
พวกเขานั้นไม่ชอบที่จะทํางานแต่พวกเขานั้นกลับชอบที่จะสร้างปัญหาเพื่อหาความสนุกไปทุกที่
เมื่อเห็นว่าโต๊ะของเจียงเฉินนั้นมีสาวงามมากมายคนหนุ่มสาวเหล่านี้ก็เริ่มหาเรื่องทันที!
เมื่ออาศัยความมั่งคั่งและอํานาจของครอบครัวมันก็ทําให้เทียนเลยไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาแม้แต่น้อย
เทียนเลยนั้นก็โกรธมากที่เห็นว่าแฟนสาวของตัวเองนั้นถูกกระดาษทิชชูสกปรกของอีกฝ่ายปาใส่
ต่างฝ่ายต่างทะเลาะกันไปมา
“บัดซบ! พวกคนจนพวแกกล้าลงมือหรอ?!”
อีกฝ่ายนั้นนําโดยคุณชายผู้เสเพลผู้ร่ํารวยเขาหัวเราะเยาะออกมาก่อนจะโทรศัพท์ออกไปไม่นานก็มีนักเลงหลายสิบคนเข้ามาล้อมโต๊ะของพวกเพื่อนร่วมงานของเค่อหยานไว้ด้วยเจตนาร้าย!
“วันนี้ถ้าพวกแกไม่ยอมคุกเข่าให้กับนายน้อยซูคนนี้ก็อย่าได้คิดที่จะจากไป!”
“กล้าข่มขู่นายน้อยซึ่งั้นหรอ? ใครเอาความกล้ามาให้แก?!”
“พวกแกมันก็แค่คนธรรมดาแต่พวกแกกล้ามายั่วยุน้ายน้อยซูงั้นหรอ?”
“คนสวย ไปดื่มเหล้ากันหน่อยไหม? ไม่งั้นแฟนของพวกเธออาจจะได้ดื่มเหล้าลงทัณฑ์เอานะ!”
กลุ่มอันธพาพากันข่มขู่เฉินยู่หลิงและคนอื่นๆ พวกเขาพากันหน้าซีดและกรีดร้องออกมา
และในเวลานี้เองตํารวจก็มาถึง เนื่องจากสถานนีตํารวจนั้นอยู่ห่างจากที่นี่ไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงจุดเกิดเหตุ
ได้ไว
“พวกนายกําลังทําอะไรกัน?!”
พวกอันธาพาลเมื่อได้ยินเสียงของตํารวจดังขึ้นมาพวกเขานั้นก็เสียความกล้าของตัวเองและเริ่มวิ่งหนีกันทันที่ด้วยความตกใจ–
ตํารวจเองก็ไม่รอช้าพวกเขาพากันวิ่งเข้าไปจับกันทันทีแต่แล้วก็จับได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น
ตํารวจวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึงและเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนทันที
เมื่อนายน้อยซูหูยยอยู่ต่อหน้าตํารวจเขานั้นก็ไม่กล้าหยิ่งผยองและเอาแต่ก้มหน้าลงอย่างเดียว
ตํารวจเมื่อสอบสวนเหตุการณ์จากทั้งสองฝ่ายแล้วเพื่อยุติเรื่องนี้เขาก็สั่งให้ซูหุยขอโทษเฉินยู่หลิงทันที
เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ได้แต่ขอโทษเฉินยู่หลิงด้วยความไม่เต็มใจก่อนจะมองไปที่เธอราวกับกําลังบอกเธอว่า ตํารวจนั้นไม่อาจคุ้มครองเธอไปได้ตลอดหรอก!
เมื่อเจียงเฉินกับหยานเค่อกลับมาเรื่องทั้งหมดก็จบลงไปแล้ว
แม้ว่าเรื่องจะจบลงและอีกฝ่ายก็ได้จากไปแล้วแต่บรรยากาศการกินนั้นไม่ก็เหลืออีกแล้ว
เทียนเว่ยเองก็ถูกต่อยปาองที่และมีเลือดออกที่มุมปาก เฉินยู่หลิงก็รู้สึกผิดมากดังนั้นเธอจึงพาเขาไปโรงพยาบาลทันที
แน่นอนว่าพวกเขานั้นไม่อาจจะทานอาหารกันต่อไปได้อีก
ทุกคนต่างก็ไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก
แต่พวกเขานั้นก็ยังกังวลอยู่ว่านายน้อยซูหุยจะแก้แค้นพวกเขากันยังไงในอนาคต
พวกเขานั้นต่างก็กังวล
พวกเขาคิดเงินและออกจากร้านกันทันที
ทันทีที่เดินมาถึงประตูหวังซิงฟาก็มาถึงพอดี
“คุณเจียง!”
หวังซิงฟาดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นเจียงเฉินและเข้ามาจับมือกับเจียงเฉินทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันบอกแล้วว่าเรามีชะตาต้องกันไม่นานก็บังเอิญเจอกันอีกแล้ว!”
ข้างๆเขาก็มีผู้จัดการร้านเทียนซุ่ยเหลียนยืนอยู่ด้วยความเคารพ
หวังซิงฟา “คืนนี้คุณเจียงมาทานอาหารที่ร้าน [เทียนซุ่ยเหลียน]เพื่อไว้หน้าเหล่าหวังอย่างฉันและเหล่าฉิวคนนี้ดังนั้นช่วยรับเงินคืนไปด้วยนะ มื้อนี้ถือว่าฉันเลี้ยงเอง!”
เหล่าฉิวผู้จัดการร้านเทียนซุ่ยเหลียนได้ทําการคืนเงินให้กับเฉินยู่หลิงกับคนอื่นๆทันที
เฉินยู่หลิงตกตะลึง!
เพื่อนร่วมงานพากันตกตะลึง!
แถมเขายังเป็นเถ้าแก่ของร้าน [เทียนซุ่ยเหลียน] ด้วยงั้นหรอ?
แต่สิ่งที่ทําให้พวกเขานั้นประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือหญิงซิงฟานั้นให้ความเคารพต่อเจียงเฉินแฟนหนุ่มของหยานเค่อเป็นอย่างมาก!
หวังซิงฟาพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น “คุณเจียง ยิ่งฉันคิดแล้วฉันก็ยิ่งเสียใจ ฉันคิดว่ามันยากมากเลยถึงจะได้พบกับคุณได้ ถ้าวันนี้ผมไม่ได้เลี้ยงอาหารคุณผมก็คงนอนไม่หลับดังนั้นไหนๆคุณก็มาถึงแล้วให้โอกาศผมได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงคุณซักมือได้ไหม?”
ถ้าในสถานการณ์ปกติเขาคงจะตอบรับอย่างแน่นอน
แต่ก่อนหน้านี้พวกของซูซุ่ยเข้ามารังแกคนในร้านเทียนซุ่ยเหลี่ยนซึ่งสําหรับเจียงเฉินแล้วมันไม่น่าพอใจเอามากๆ!
เจียงเฉินพูดออกมาอย่างเฉยเมย “พี่ชาย ถ้าเป็นปกติผมคงไม่ปฏิเสธหรอก แต่ตอนนี้มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในร้านอาหารซึ่งทําให้ผมและเพื่อนของผมไม่พอใจเอามากๆ และแฟนของผมเองก็อารมรณ์ไม่ดีเช่นกัน คืนนี้เกรงว่าผมคงจะไม่มีเวลากินข้าวกับคุณ แล้ว”
เจียงเฉินไม่พูดอะไรอีกเขาหันหลังแล้วจากไปกับหยานเค่อทันที
หวังซิงฟางุนงง?
ตอนที่เขาคุยโทรศัพท์กับเจียงเฉินเขานั้นยังรู้สึกว่าเจียงเฉินนั้นยังอารมณ์ดีอยู่เลย
แต่ทําไมจู่ๆเขากลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา?
หัวใจของเขาหวั่นไหวทันที
ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในร้านเทียนซุ่ยเหลียนของ
เขา?
หวังซิงฟาพ่นลมหายใจเย็นชาออกมาก่อนจะพูดกับผู้จัดการร้าน “เหล่าฉิว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
หัวใจของฉันเคลื่อนไหว
เหล่าฉิวผู้เป็นผู้จัดการร้านก็ไม่กล้าปิดบัง เขานั้นเล่าออกมาทันทีว่ามีกลุ่มอันธพาลเข้ามาและจงใจยั่วยุคนบนโต๊ะของเจียงเฉิน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เกิดการทะเลาะกันก่อนที่จะมีตํารวจเข้า มาหยุดเอาไว้”
“อะไรนะ?”
ในที่สุดหวิงซิงฟาก็เข้าใจแล้วว่าทําไมเจียงเฉินถึงอารมณ์เสีย
“เสี่ยวหุยงั้นหรอ?
“เสี่ยวหุย? ไอ้สารเลวนั่นสร้างปัญหาให้ฉันอีกแล้ว!”
หวังซิงฟาเดือดจัด!
รู้ไหมว่าคืนนี้เขาดีใจมากแต่ไหนที่คุณเจียงเฉินนั้นยังไม่ได้จากไปแถมยังมาที่ร้านอาหารของเขาอีก
เขานั้นแทบจะรอไม่ไหวที่จะบินไปหาเจียงเฉินและกระชับความสัมพันธ์กับอีกฝ่าย
นี่มันเป็นโอกาสที่ดีมากจริงๆ!
มันราวกับสวรรค์กําลังอสวยพรให้เขาเลย!
หากเขานั้นสามารถคว้าโอกาศนี้ได้ เขาก็คงมีโอกาศเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของจี้โจวได้!
แต่ง
ใครจะไปรู้ว่าเป็ดย่างจนสุกทั้งตัวพร้อมที่จะให้เขาได้กินนั้นจะบินหายออกไป!
และมันก็เป็นเพราะกลุ่มอันธพาลของซูหุยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ําเขาวิ่งมาที่ร้าน [เทียนซุ่ยเหลียน] และมายั่วยุคนของเจียงเฉิน!
นี่มันไม่ต่างกับการที่หนูตัวใหญ่ทิ้งขี้ลงหม้อซุปชั้นดีเลย!
ผลที่ออกมา เจียงเฉินนั้นหมดความอดทนและการเชิญไปทานอาหารของเขาก็ล้มเหลว
ความสูญเยนี้มันดีเป็นมูลค่าได้แค่ไหนกัน?
ใบหน้าของหวังซิงฟากระตุก
“ไอ้เด็กเวร!”
หวังซิงฟาตบลงบนโต๊ะทันทีและพูดออกมาด้วยความโกรธเคือง“ไอ้เจ้าสัตว์นรกซูหุย! มันไม่เห็นฉันหวังซิงฟาอยู่ในสายตาเลยงั้นสินะ! พวกมันกล้าวิ่งเข้ามาในร้านเทียนซุ่ยเหลียนเพื่อสร้างปัญหาใช่ไหม? แถมยังลากตํารวจมาที่นี่อีกสินะ? ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ร้านของฉันจะยังเปิดได้อีกหรอ?ไปบ้านของมันกับฉัน ฉันต้องจับมันไปขอโทษน้องเจียงด้วยตัวเอง!”
“อะไรนะกัน?”
ผู้จัดการร้านมองดูด้วยความตกตะลึง
ทําไมจู่ๆเถ้าแก่ถึงได้โมโหขนาดนี้กัน?
แม้ว่าบ้านของซูซุ่ยจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าหวางซิงฟาแต่ฝ่ายนั้นก็เป็นคนรวยและมีอํานาจมากเช่นกัน
และการที่อีกฝ่ายทําให้เจียงเฉินขุ่นเคืองมันกลับทําให้หญิงซินฟาตัดสินใจที่จะเปิดศึกครั้งใหญ่เลยงั้นหรอ?
เมื่อเขาตัดสินใจจะให้ซูหุยไปขอโทษเจียงเฉินเขาก็โทรหาซูเฉาทันทีเพื่อถามว่าจะให้ซูหุยไปขอโทษเจียงเฉินดีๆไหม?
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดงั้นหรอ?”
หวางซิงฟาพูดออกมาอย่างโกรธจัด “คืนนี้ฉันจะถลกหนังเจ้าเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง! ให้เขาได้รู้สึกทรมาณจากการที่เขากล้าเข้าไปหาเรื่องกับเจียงเฉิน!”
ทุกคนมองหน้ากัน
เจียงเฉินคนนี้เป็นตัวตนแบบไหนกัน?!
แม้แต่เศรษฐีใหญ่แบบนี้ยังต้องยอมทําถึงขนาดนี้
ในตอนกลางคืนเจียงเฉินกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของหยานเค่อเพื่อพักที่นี่หนึ่งคืนและก็ไปส่งหยานเค่อทํางานที่โรงเรียนในวันรุ่ง
หยานเค่อนึ่งอยู่ในห้องทํางานและคุยกับเพื่อนร่วมงานของเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“เมื่อคืนนี้มันน่ารําคาญจริงๆ!”
“คนพวกนั้นหยิ่งกันเกินไป!”
“ใช่แล้ว เทียนเล่อโอเครึยัง?”
“ฉันพาเขาไปโรงพยาบาลแล้ว ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
“อิทธิพลของซูหุยเองก็ไม่น้อยเลย ฉันกลัวว่าเขานั้นจะยังแค้นเราอยู่และมาแก้แค้นพวกเราในอนาคต”
“ใช่แล้ว ซูหุยคนนี้คาดเดาไม่ได้เลย”
เพื่อนร่วมงานพากันพูดคุยเรื่องนี้อย่างกังวล
ซูหุยนั้นเปรดั่งเผด็จการในจี้โจวเขานั้นได้ทําเรื่องราวเลวร้ายลงไปหลายอย่างมากและพวกมันต่างก็ยังไม่ได้รับการจัดการเลย
ทุกคนก็กลัวว่าเรื่องร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคต
ในเวลานี้เองก็มีลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งขึ้นมาก่อนจะหอบหายใจแล้วพูดออกมา “ครูทุกท่าน ช่วยไปดูที่หน้าประตูหน่อยได้ไหม? มีบางอย่างเกิดขึ้น!!”
“อะไรหรอมีอะไรเกิดขึ้น?!”
หยานเค่อกับเฉินยู่หลิงตกตะลึง–
“ผมบอกไม่ได้ไปดูเองเถอะครับ!”
ลุงพูดออกมาก่อนจะกลับไปหอบหายใจ
ในเวลานี้เองทุกคนก็วิ่งไปดูที่ประตูก่อนจะพากันตกตะลึง!
ปรากฏว่า
ซูหุ่ยมาแล้ว!
แถมยังไม่ได้มาคนเดียวแต่เขามาพร้อมกับบรรดานายน้อยและพวกอันธพาลเมื่อวานนี้
พวกเขามากันครบทุกคน!
หยานเค่อกับเฉินยู่หลิงกลัวจนใบหน้าของพวกเธอซีดลง!
คนพวกนี้จะเอาคืนเร็วขนาดนี้เลยหรอ?
แล้วพวกเราจะจัดการยังไงดี?
“แจ้งตํารวจเร็ว! โทรแจ้งตํารวจ!”
“ไม่ต้อง ”
หยานเค่อนั้นเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจนเธอชี้ให้ทุกคนดู “คนพวกนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหานะ”
เฉินยู่หลิงและคนอื่นๆไม่เชื่อแต่พวกเขาก็หันไปมอง
ก่อนที่พวกเขาจะพบว่า–
ซูหุยกับคนที่ตามมาทั้งหมดใบหน้าของพวกเขาดูซีด เสื้อคลุ่มของพวกเขาถูกถอดออกะ
แต่มีบางอย่างติดอยู่กับหลังพวกเขา
มันคือกระบองเพชร!!
ใช่แล้วมันคือกระบองเพชรจริงๆ!
มันเป็นกระบองเพชนที่มีขนาดใหญ่และยาวมากแถมยังมีหนามเต็มไปหมด!
พวกมันถูกติดเอาไว้ที่หลังของทุกคนดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกเจ็บจนต้องกัดฟันกรอดเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่
และข้างหลังพวกเขาก็มีชายในชุดสูทหลายสิบคนยืนเรียงรายกันอยู่
หยานเค่อกับครูคนอื่นๆก็พากันตกตะลึง!
ทําไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?
หวังซิงฟาผู้เป็นมหาเศรษฐีของจี้โจวเดินออกมาอย่างขอโทษเมื่อเขานั้นเห็นหยานเค่อและคนอื่นๆเดินออกมา
“อาจารย์ทุกคนผมจ้องขอโทษจริงๆ! เมื่อวานพวกคุณไปทานอาหารเย็นกันที่[เทียนซุ่ยเหลียน]แต่พวกคุณกลับต้องมาเจอกับการล่วงเกินจากเด็กที่ชื่อซูหุยคนนี้ อย่างไรก็ตามมันเป็นเพราะผมหวังซิงฟาคนนี้ที่ดูแลร้านของตัวเองได้ดีไม่พอเลยทําให้ทุกท่านต้องรู้สึกไม่สบายใจ”
หวังซิงฟากล่าวขอโทษออกมา
ผู้จัดการร้านที่อยู่ข้างหลังก็ออกมาขอโทษด้วย
หยานเค่อกับเฉินยู่หลิงก็ไม่อยากจะเชื่อ!
มันจะไม่เปลี่ยนไปเร็วเกินไปหน่อยหรอ?
มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?
หวังซิงฟาเดินไปด้านหลังของซูหุยด้วยใบหน้าที่มืดมนก่อนจะสาปแช่งและเตะใส่เขา “เจ้าเด็กเหลือขอ! ตอนนี้แกยังกล้ามาก่อเรื่องในถิ่นของฉันอีกไหม? ไปเลยนะ ไปขอขมาครูข้างหน้าแกเดี่ยวนี้!”
ใบหน้าของซูหุยเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ําและสีม่วงซึ่งเกิดจากพ่อแม่ของเมื่อวานนี้ (พ่อแม่ของเขาได้ยินเรื่องตัวตนของเจียงเฉินและพวกเขาก็ตัดสินใจตัดหางลูกชายของตัวเองทันที!)
นายน้อยซูหุยเดินโซเซไปหยุดอยู่ข้างหน้าของหยานเค่อและเฉินยู่หลิงก่อนจะคุกเข่าลงและพูดออกมา “เป็นผมเอง เป็นผมเองที่โง่เกินไป! ผมไม่ควรไปยั่วยุพวกคุณเมื่อคืนนี้! ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะครับพี่สาว!ไม่งั้นผมไม่รอดแน่ผมขอโทษจริงๆ!”
หยานเค่อกับเฉินยู่หลิงมองหน้ากันก่อนที่จะมองไปที่ที่กระบองเพชรที่ติดอยู่ที่หลังของอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสดใส
เมื่อกี้ยังกังวลอยู่แล้วว่าเขาจะมาแก้แค้นแต่ตอนนี้
คงไม่ต้องมานั่งกังวลแล้ว!
หวางซิงฟาพานายน้อยหนุ่มที่ก่อความเดือดร้อนมาถึงหน้าโรงเรียนเพื่อขอโทษตั้งแต่เช้า
ตอนนี้คนทั้งโรงเรียนเริ่มมีความรู้สึกต่างกันไป
ครู ผู้ปกครองที่มาส่งลูกของตัวเอง และเด็กๆพากันตกตะลึง
พวกเขามองไปที่ซูหุ่ยที่กําลังคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน
ไม่นานก็มีเสียงพูดคุยกันดังออกมา
“นั่นมันซูหุยนายน้อยจอมเผด็จการของเมืองเราไม่ใช่หรอ? ทําไมถึงมาเป็นแบบนี้ได้กัน?”
“ต่อให้หวังซิงฟามีอํานาจมากแต่ก็ใช่ว่าเขาจะทําแบบนี้ได้ง่ายๆนะ!”
“ฉันได้ยินมาว่าเป็นเพราะแฟนของอาจารย์หยานเค่อเขามีความสามารถมาก! หวังศซิงฟาก็เลยลงมืออย่างโหดร้ายเพื่อเขา!”
“แฟนคนนั้นจะต้องน่าทึ่งมากแน่ๆ! อาจารย์หยานเค่อก็คงจะมีความสุขมากแน่ๆเลย!”
หวังซิงฟูพูดอย่างกระตือรือร้นกับหยานเค่อ “พี่ชายน้องสาวทุกคนพอจะรู้ไหมว่าน้องเจียงเฉินของฉันอยู่ที่ไหน?”
“เขาไปซื้อของให้ฉันเมื่อเช้า”
ใบหน้าของหยานเค่อแดง… “เดี๋ยวฉันจะโทรหาเขาให้ค่ะ”
เมื่อหวังซิงฟาได้รับคําตอบเขาก็รอเจียงเฉินมาที่นี่ทันทีเพราะเขานั้นต้องการให้ซูหุ่ยขอโทษเจียงเฉินให้ได้
ซุรุ่ยร้องไห้ออกมา
เมื่อคืนฉันจําได้ว่าเขาไม่ได้ทําร้ายคนที่ชื่อเจียงเฉินแม้แต่น้อยแค่เจอยังไม่เจอด้วยซ้ําแล้วทําไมฉันต้องขอโทษด้วย?
แต่สุดท้ายด้วยอํานาจของหวังซิงฟาเขาก็ได้แต่ยอมรับความผิดนั้นไปและขอโทษเจียงเฉิน
เจียงเฉินที่มาถึงก็ตกใจกับกระบองเพชรขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนหลังของซูหุ่ยเขากระพริบตา
“นี่ –เล่นอย่างนี้เลยหรอ?”
“แน่นอน!”
หวังซิงฟาดูภาคภูมิใจ “น้องเจียงนายจะดุด่าเขาหรือจะเอาเถาวัลย์หนามมาพันตัวเขาก็ได้”
“จัดการได้ตามสบายเลย”
เจียงเฉินดูงงๆ “เมื่อกี้คุณก็พูดว่าเถาวัลย์หนามแต่คุณกลับเอากระบองเพชรมา…?”
หวังซิงฟา “…”
ซูหุย “…”
หวังซิงฟาเหงื่อตก “ฉันเรียนมาน้อยนะ! ฉันจบการศึกษแค่มัธยมต้นเองนะ! แล้วก็ฉันหาเถาวัลย์หนามไม่ได้ด้วยก็เลยเอากระบองเพชรมาแทน!”
เจียงเฉินตกตะลึงไปครู่ก่อนที่เขาจะก้มหัวลงไปถามซูหุย “เขาเรียนมาน้อยเลยไม่รู้อะไรมาก แล้วการที่เขาพูดกระบองเพชรให้นายมันผิดหลักทําไมนายไม่เตือนเขาล่ะ?”
ซูหุยร้องไห้ออกมา “ผมเองก็เรียนมาน้อย! ผมยังไม่จบชั้นปฐมเลยด้วยซ้ําแล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง?”
เยี่ยมไปเลย!
คนหนึ่งไม่จบมัธยมต้น คนหนึ่งไม่จบชั้นปฐมจริงๆเลย
ระบบการศึกษาคงกําลังหลังน้ําตาออกมาแน่ๆ!
หลังจากนั้นเจียงเฉินก็กลับมาที่เมืองหลวงและเริ่มอาชีพขับตี้ตี้ของเขาต่อ
เจียงเฉิน “ฉันไม่ได้ขับตี้ตี้มาตั้งหลายวันรู้สึกอึดอัดจริงๆ
Related