ตอนที่ 69 : แค่ 70 ล้านมันน้อยเกินกว่าที่จะเอาพูดกับฉัน
ก่อนที่เลขาสาวจะออกไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้าเจียงเฉินอีกครั้ง ใบหน้าหล่อๆของเขามันน่าดึงดูดจริงๆ
ว้าว!
ประธานเจียงหล่อขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ
ฉันหลงรักเขาจนแทบเป็นแทบตายแล้ว
หลังจากนั้นเธอก็นำคําของเจียงเฉินมาบอกกับเจิ้งจื่อหง และให้เขานั่งรออยู่ที่ห้องรับรอง
หลังจากนั้นเลขาพร้อมกับพนักงานบัญชีสาวอีกสองคนก็เริ่มกระซิบคุยกัน
“ว้าว เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะได้เห็นประธานเจียงล่ะ เขาหล่อมากเลย! ฉันไม่เคยเจอคนที่หล่อขาดนี้มาก่อนในชีวิตเลยล่ะ!”
“ใช่ๆ เขาหล่อมาก เขาเป็นเจ้านายในฝันของฉันเลย”
“อา ฉันอยากจะได้โอกาศไปนั่งกินข้าวกับเขาซักครั้งจัง”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเธอหลีกทางให้ฉันหน่อย”
สาวงามคนหนึ่งที่มาพร้อมด้วยรูปร่างสุดเร่าร้อนในชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินก็เดินตรงมา พร้อมกับก้อนกลมสองก้อนที่เด้งขึ้นลงตามจังหวะการก้าวเดินของเธอ
เธอก็คือหลิวจิง เธอเป็นพนักงานบัญชีที่ถูกจ้างเข้ามาใหม่ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นเธอก็เคยเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาก่อน
ในส่วนของรูปร่างนั้นเธอนั้นโดดเด่นกว่าผู้หญิงคนอื่นเล็กน้อยเมื่อประเมิณเป็นคะแนนก็จะอยู่ที่ 87 คะแนนส่วนด้านล่างก็มีขาคู่ยาวสีขาวที่อยู่ใต้กระโปรงพลีท ซึ่งสวยมากเลยทีเดียว!
“หลีกทางหน่อยๆ”
หลังจากที่พวกเธอหลีกทางไป หลิวจิงก็ปลดกระดุมบนเสื้อของเธอออกสองเม็ด ก่อนจะแอบคิดในใจ
“1234! 2234!”
“วันนี้ขอรับบทผู้ช่วยนักบินหน่อยละกัน”
หลิวจิงเดินตรงไปเคาะประตูห้องของเจียงเฉินทันที
เจียงเฉินที่อยู่ข้างในก็เงยหน้าขึ้นมามอง
ไม่มีปฏิกริยาอะไรอีก
แม้ว่าเมื่อคืนระหว่างเขากับเล้งเสี่ยวหยานจะไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังได้ผลประโยชน์มาไม่น้อย
ตัวอย่างเช่น ได้เห็นเธอที่อยู่ภายใต้ชุดนอนขณะนอนดูทีวีด้วยกัน
แถมเขานั้นก็ยังได้แอบกินเต้าหูอ่อนของเธอในขณะที่เธอนั้นหลับ!
ซึ่งตรงกันข้ามกับผู้หญิงคนนี้ที่ถือว่าพอมีรูปร่างที่โดดเด่น แต่เมื่อนํามาเทียบกับเล้งเสี่ยวหยานแล้วก็นับว่าด้อยกว่าล็กน้อย
เจียงเฉินถามออกมาอย่างใจเย็น “มีอะไร?”
หลิวจิงเดินมาทางเจียงเฉินด้วยท่วงท่าอันน่าดึงดูด ก่อนจะก้มลงมาให้เขาได้เห็นร่องขาวๆที่มีเส้นสีดําผ่ากลางแล้วพูดด้วยเสียงเล็กๆว่า
“ท่าประธานของฉัน วันนี้ฉันมาเป็นนักบินผู้ช่วย ท่านสนใจจะมาเป็นนักบินให้ฉันไหมคะ?”
เธอเชื่อว่าด้วยรูปร่างที่โดดเด่นของเธอเมื่อรวมกับน้ำเสียงที่ฟังดูไพเราะนั้นจะสามารถทําให้เธอได้รับการชื่นชมจากประธานแน่ๆ
แต่เมื่อเวลามาถึง เธอก็จะได้บินพุ่งเข้าไปเป็นภรรยาของเขา
ใช่เลย
เจียงเฉินก็รู้ว่าเธอต้องการอะไรแต่ก็ยังไว้หน้าเธออยู่ เขามองไปที่เธอด้วยจริงใจแต่ก็ดูนิ่งเฉยในเวลาเดียวกัน
“ออกไปแล้วก็ไปทํางานของเธอเถอะ”
หลิวเจียงตะลึง เธออยากจะร้องไห้
พระเจ้า
แผนการล้มเหลว!
การจะเข้าหาเขามันไม่ง่ายจริงๆ
ร้องไห้ออกมา
ก่อนจะเดินออกไปด้วยความหดหู่
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ในห้องทํางานของเจียงเฉิน
เจิ้งจื่อหงอ้อนวอน “คุณเจียงเฉิน คุณช่วยวางมือหน่อยได้ไหม บาร์กาแล็กซี่ของผมมันโดนปิดไปแบบนี้เพราะคุณ ถ้ายังปล่อยต่อไปมันคงโดนได้ปิดแบบถาวรแน่! แล้วถ้าเป็นแบบนั้นนั่นหมายความว่าผมต้องเสียเงิน 700 ล้านเลยนะ!”
เจียงเฉินอยากจะหัวเราะออกมา
เมื่อวานนี้ลูกชายของแกขอหุ้น 35% จากฉันซึ่งนั่นหมายถึงเงิน 350 ล้านแล้วมาวันนี้ยังจะกล้ามาขอฉันคนนี้อีก
ก็แค่ 700 ล้านไม่ใช่รึไง?
กล้าได้แต่กลัวเสียหรอ?
เจียงเฉิน “มันไม่ใช่หน้าที่ของผม ทําไมผมจะต้องช่วยคุณด้วย?”
เจิ้งจื่อหงอับบาย “คุณเจียงเฉิน คุณพูดแบบนั้นไม่ได้นะ ผมรู้ว่าคุณส่งคนมาสืบข้อมูลที่บาร์ของผม มันจะต้องเป็นแผนของคุณแน่ๆที่ทําให้ตํารวจอาชญากรรมไปที่นั่น เพราะงั้นช่วยผ่อนปรนให้ผมหน่อยผมสัญญาว่าบาร์กาแล็กซี่จะไม่กลับมายุ่งกับบาร์เทียนฉู่อีก”
เจียงเฉินจ้องไปที่อีกฝ่าย “นายไม่มีคุณสมบัติมากพอจะมาต่อรองกับฉันหรอกนะ เข้าใจใช่ไหม?”
เจิ้งจื่อหงรีบดึงเอาบัตรธนาคารออกมาก่อนจะส่งมันให้เจียงเฉิน “คุณเจียง ในนี้มี 30 ล้านได้โปรดช่วยวางมือเถอะนะแล้วเราค่อยมาเจรจากันได้ไหม?”
30 ล้าน?
ยังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของราคาแลมโบกินี่ของเขาด้วยซ้ำ!
น่าตลกจริงๆ!
“แค่ 30 ล้าน? เมื่อวานลูกของนายเปิดปากเรียกฉันตั้ง 350 ล้านนะรู้ตัวไหม?”
เจียงเฉินยิ้มออกมาด้วยความเหยียดหยาม
เจิ้งจื่อหงโมโห “ไอ้ลูกขยะ! ทําใครให้ขุ่นเคืองไม่ทํากันมาทํากับคุณเจียงซะได้ เมื่อไหร่ที่เขากลับมา ผมจะให้เขามาขอโทษด้วยตัวเองทันทีครับ!”
เจียงเฉิน “ไม่ต้อง ฉันไม่ใช่คนใจอ่อนหรอกนะ กลับไปเถอะ”
เลขาสาวที่เห็นก็รีบออกมาพูดกับเจิ้งจื่อหงทันที “คุณเจิ้งคะ ท่าประธานพูดแล้วเชิญค่ะ”
เจิ้งจื่อหงปัดมือของเลขาออก เขาอยากจะร้องไห้จริงๆ นี่มันตั้ง 700 ล้านหยวนเลยนะ!
และที่มากไปกว่านั้น หุ้น 21% ที่เหลือก็ไม่ใช่ของเขา และตอนนี้เขาก็ไม่สามารถหาเงินที่ไหนมาหมุนต่อได้แถมยังมีเจ้าหนี้รายย่อยต่างๆที่จะคอยเข้ามาทวงอยู่ตลอด สุดท้ายเขาคงต้องขายวิลล่าราคา 30 ล้านทิ้งไป!
ไม่ฉันไม่ยอมเด็ดขาด!
เจิ้งจื่อหงอ้อนวอนเจียงเฉินอีกครั้ง “คุณเจียง คุณต้องการอะไรบอกผมมาเลยตราบใดที่มันไม่มากเกินไปผมจะไปหามาให้ได้!”
เจียงเฉินยิ้มออกมา “นายพูดว่าอะไรนะ? อืม…ถ้างั้นฉันจะซื้อหุ้นของบาร์กาแล็กซี่ทั้งหมดในราคา 70 ล้านก็แล้วกัน”
“70ล้าน!?”
ดวงตาของเจิ้งจื่อหงเบิกกว้าง “คุณเจียง 70 ล้านมันไม่น้อยไปหน่อยหรอ? บาร์กาแล็กซี่ของผมมันมีมูลค่า 700ล้านนะ”
เจียงเฉิน “เยอะไปหรอ? งั้น 60 ล้านละกัน”
เจียงเฉินรู้ดีว่ามูลค่าของหุ่นบาร์กาแล็กซี่ในตอนนี้กําลังดิ่งลง และถ้าเอาจริงๆมูลค่าจริงๆของมันตอนนี้ก็แทบจะเป็นศูนย์แล้ว แม้ราคาจะต่ำขนาดนี้แล้วแต่ก็ไม่มีใครที่จะคิดซื้อหุ้นบาร์นี้มาเก็บไว้
และอีกอย่างการที่เขาเอาแค่ 10% ก็ถือว่าใจดีมากแล้ว
เพราะใครใช้ให้ลูกชายของตัวเองพูดขอคนอื่นตั้ง 350 ล้านกันล่ะ?
เพราะงั้นการที่เขาเอาแค่นี้ก็ไม่ถือว่าเกินไปแม้แต่น้อย
เจิ้งจื่อหงในฐานะที่เขาเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง เขาแทบจะสิ้นหวัง เพราะตอนนี้เขาไม่มีทางหาเงินมาจ่ายให้กับบรรดาเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของเขาได้ ถ้าเขายังปฏิเสธเงินก้อนนี้อีกชีวิตของเขาคงตกอยู่ในอันตรายแน่!
และอีกอย่างต่อให้มีเงิน 70 ล้านเมื่อรวมกับทรัพย์สินบางส่วนของเขามันก็แทบจะไม่พอไปอีก ถ้าปล่อยให้เจียงเฉินลดต่อไปคงไม่ต้องเหลืออะไรแล้ว!
ถึงแม้ว่าราคานี้มันจะขูดเลือดขูดเนื้อไปบ้างแต่มันก็ดีที่สุดแล้ว!
เจิ้งจื่อหงกัดฟัน “คุณเจียง 70 ล้านใช่ไหมครับ? ผมจะให้ผู้ถือหุ้นมารวมตัวกันแล้วร่างสัญญาการโอนทันที”
“งั้นก็เชิญ”
เจียงเฉินโบกมือก่อนจะหันหลังกลับไป
เจิ้งจื่อหงวิ่งวุ่นแบบไม่หยุดเขาโทรหาผู้ถือหุ้นคนอื่นๆให้พวกเขามารวมตัวกัน
ระหว่างนั้นเองเจียงเฉินก็โทรหาหยานจื่อกังผู้บัญชาการตํารวจหน่วนอาชญากรรม
หลังจากที่เขารายงานเรื่องบาร์กาแล็กซี่ไปทั้งสองก็เริ่มติดต่อกันบ่อยขึ้นมาก
เหมือนกับว่าพวกเขานั้นเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
ทั้งสองต่างเคารพกันและกัน พูดคุยกันหัวเราะกันก่อนจะจัดการเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
เจื้องจื่อหงก็เรียกเหล่าผู้ถือหุ้นมารวมตัวกันได้สําเร็จ
และทนายหวู่ก็ได้มาปรากฏตัวที่นี้เช่นกัน
เพราะความสามารถในการทํางานด้านทนายและทัศนคติของเขานั้นไม่เลวเลย และอีกอย่างทนายหวู่นั้นก็เป็นถึงทนายระดับต้นๆในเขตเหลิงเฉิงด้วย
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
เหล่าผู้ถือหุ้นเริ่มทําการลงนามในเอกสารกัน
เจียงเฉินก็ได้ครอบครองหุ้นทั้งหมด ซึ่งตามราคาตลาดนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 700 ล้านแต่หลังจากหักค่าใช้จ่ายส่วนตัว 70 ล้านแล้วก็นับได้ว่าเขานั้นได้กําไรถึง 630 ล้าน!
และหลังจากนั้นเจิ้งจื่อหงและเหล่าอดีตผู้ถือหุ้นก็เริ่มทยอยกันออกไป
เหลือเพียงทนายใหญ่และเจียงเฉินในห้องประชุม
ทนาหวู่อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เจียงเฉิน “บอสเจียง คุณสุดยอดจริงๆ!”
ในเวลานี้เอง เล้งเสี่ยวหยานก็แอบมาที่นี่เพื่อที่จะเซอร์ไพรส์เจียงเฉิน
ทันทีที่เธอแง้มประตูเข้ามา เธอก็ส่งเสียงนุ่มๆของเธอออกมา
“ที่รัก..”
เมื่อเธอเปิดประตูเข้ามา การแสดงออกของเธอก็แข็งค้างทันที ใบหน้าที่งดงามก็เริ่มแดงขึ้น ก่อนจะถอยหลังไปชนกับประตูจนส่งเสียงดัง “ปัง” ออกมา
ปรากฏว่าทนายหวู่ก็อยู่ที่นี้ด้วย
น่าอายจริงๆ