คอมพิวเตอร์ของกู้ซีฉือเป็นของที่ใช้เฉพาะในห้องทดลอง หน้าปกเอกสารจะมีลายน้ำที่เป็นของเฉพาะบุคคลอยู่ คัดลอกไม่ได้และลบได้ยากมาก
เมื่อก่อนอาจารย์ของเขาจะหลอกล่อด้วยวิธีต่างๆ เพื่อขอวิทยานิพนธ์ของเขา ปลุกกำลังใจนักศึกษาใหม่ เขาก็จะหาเอกสารส่งไปให้ เคยชินแล้ว
สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือพื้นฐานของเขา
ครั้งนี้เป็นเพราะใจร้อนเกินไป พอได้ผลทดลองก็ส่งให้ฉินหร่านโดยตรง
กู้ซีฉือหยิบมือถือขึ้นมาอย่างแข็งทื่อ เปิดวีแชทอย่างไม่ยอมถอดใจ เปิดแชทของฉินหร่าน แล้วกดเปิดไฟล์เอกสารราวกับเป็นหุ่นยนต์
ลายน้ำสะดุดตาเข้าสู่คลองจักษุ
กู้ซีฉือวางบะหมี่ถ้วยลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย กดออกจากเอกสาร ส่งสติ๊กเกอร์เห็ดขึ้นราสีขาวดำให้ฉินหร่าน
จากนั้นก็ส่งสติ๊กเกอร์ที่ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ
ทางด้านห้องพยาบาล
มือของฉินหร่านพาดอยู่บนโซฟา กำลังจะตอบคำถามของลู่จ้าวอิ่ง “รายงานผลการตรวจของยายฉันที่เพื่อนส่งมาให้”
ลู่จ้าวอิ่งพยักหน้า ละสายตาออกจากเอกสาร “ฉันรู้ เพื่อนคนหนึ่งที่แซ่กู้สินะ”
“อืม…” ฉินหร่านตอบอืม ดึงผ้าคลุมบนตัวเล็กน้อย จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นขณะที่พูดได้ครึ่งหนึ่ง
“กู้ซีฉือสินะ” ลู่จ้าวอิ่งวางกระดาษที่ปรินท์ออกมาแล้วลงข้างโน้ตบุ๊กของเฉิงเจวี้ยน จากนั้นมองฉินหร่านด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ฉินหร่าน “…”
มือถือของเธอสั่นขึ้นมา เมื่อก้มหน้ามอง สติ๊กเกอร์ของกู้ซีฉือถูกส่งมาพอดี
เฉิงมู่กำลังมองฉินหลิงพลิกกระดาษ อยากถามว่าเขาอ่านออกหรือไม่กันแน่
ก็ได้ยินคำว่า ‘กู้ซีฉือ’ ของลู่จ้าวอิ่ง เขาเกือบจะตกลงจากเก้าอี้แล้ว
สำนักงานนักสืบทั่วไปยังสืบหาข่าวคราวของกู้ซีฉือไม่เจอเลยแม้แต่นิด เฉิงมู่เคยได้ยินเจียงตงเย่พูดถึงบ้างนิดหน่อย รู้จักแมทธิวกับพวกคนในสลัมที่อยู่เบื้องหลังกู้ซีฉือ
เฉิงเจวี้ยนก็ได้สติ ยื่นมือมาหยิบเอกสารที่ถูกปรินท์ออกมาแล้ว
สายตาเบนจากหน้าจอโน้ตบุ๊กมาที่ฉินหร่าน “เธอรู้จักกู้ซีฉือได้ยังไง”
คิ้วขมวดเล็กน้อย เขารู้มากกว่าพวกเฉิงมู่ กู้ซีฉือคลุกคลีกับพวกคนสากลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ทั้งดีและชั่ว ฉินหร่านรู้จักกับเขาได้อย่างไร
มิหนำซ้ำ…
เฉิงเจวี้ยนก้มมองรายงานที่ละเอียด ลายน้ำของกู้ซีฉือเด่นหรา แทบจะไม่ได้อำพรางเลยสักนิด
กู้ซีฉือคนนี้พิลึกคนเสมอมา คนทั่วไปขอร้องอ้อนวอนถึงที่เขายังไม่แยแส
ส่วนใหญ่แล้วจะไปรักษาผู้คนในสลัมกับบริเวณที่เกิดศึกสงครามเหล่านั้น
ตอนนี้กลับส่งข้อมูลของห้องทดลองมาให้ง่ายๆ แบบนี้ หากไม่ใช่คนที่ไว้วางใจมาก ไม่มีทางทำถึงขั้นนี้แน่
แน่นอนว่า เฉิงเจวี้ยนก็นึกถึงข่าวที่กู้ซีฉืออยู่ในเขตหนิงไห่ก่อนหน้านี้ จู่ๆ เขาก็โผล่มาในเมืองอวิ๋นเฉิง ทำให้เจียงตงเย่ระดมกำลังใหญ่โต ก็เพราะเฉินซูหลานเช่นกัน
ทั้งสองคู่มีความสัมพันธ์อะไรกันแน่ ทำให้กู้ซีฉือพยายามสุดความสามารถแบบนี้
เฉิงเจวี้ยนกวาดตามองเอกสาร ไม่พูดอะไร แต่ยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา ถือแพลตฟอร์มทดลองชั่วคราวของเขา หลอดทดลองหลายอัน จากนั้นก็สาละวนกับกล้องจุลทรรศน์อยู่ครู่หนึ่ง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผลการทดลองก็ถูกปรินท์ออกมา
เฉิงเจวี้ยนหยิบมือถือขึ้นกดถ่ายรูป
จากนั้นส่งให้ฉินหร่าน “ส่งให้กู้ซีฉือก็พอ”
ฉินหร่านพยักหน้าอย่างเชื่องช้า ส่งรูปของเฉิงเจวี้ยนให้กู้ซีฉือ
กู้ซีฉือส่งสติ๊กเกอร์ ‘สุดยอด’ มาให้เธออย่างรวดเร็ว
ฉินหร่านไม่อยากตอบเขาเลยแม้แต่ตัวเดียว
แม้แต่เครื่องหมายวรรคตอนก็ไม่อยากตอบ
หลี่ต้าจ้วงสมกับเป็นหลี่ต้าจ้วงจริงๆ!
“ตอนนี้ยังไม่สี่ทุ่ม” เฉิงเจวี้ยนก้มหน้า มองเวลาในมือถือครู่หนึ่ง จากนั้นหันหน้ามองฉินหร่าน “ออกไปคุยกันหน่อยไหม”
ทางด้านฉินหลิง หันหน้ามองฉินหร่านทันที
ปิดวรรณกรรมภาษาต่างประเทศในมือลง
ฉินหร่านเก็บมือ เขากวักมือเรียกฉินหลิง “เสี่ยวหลิง ฉันจะส่งนายกลับก่อน”
ฉินหลิงถือวรรณกรรมภาษาต่างประเทศแล้วลุกขึ้น ก้มหน้าตามหลังฉินหร่าน
เฉิงเจวี้ยนวนกลับไปหยิบกุญแจรถ จากนั้นหยิบเสื้อนอกของตัวเองกับฉินหร่านออกมา โยนให้ฉินหร่าน “ไปกันเถอะ”
…
บรรยากาศเมื่อครู่ระหว่างเฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านแปลกๆ นิดหน่อย
เมื่อทั้งสามคนออกไปแล้ว
เฉิงมู่ถึงกล้าพูดกับลู่จ้าวอิ่ง เขาพูดเสียงเบาเล็กน้อยว่า “คุณชายลู่ จำเพื่อนแซ่กู้ที่ไม่มางานไหว้ครูของคุณหนูฉินครั้งก่อนได้ไหม ใช่กู้ซีฉือหรือเปล่า”
ในเวลานี้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่มองข้ามไป มันก็เป็นเหมือนกระแสน้ำ
ทำไมเพื่อนแซ่กู้รับปากคุณย่าเฉินว่าใกล้ถึงแล้ว แต่เมื่อฉินหร่านออกไปเพื่อนแซ่กู้ถึงไม่มาเสียแล้ว
อีกอย่างของสีชมพูในมือฉินหร่านที่เธอเรียกว่าลูกแก้วแต่เฉิงมู่กลับไม่แน่ใจ นั่นมันเพชรสีชมพูที่ไม่เคยผ่านการเจียระไนมาก่อนชัดๆ!
กู้ซีฉือสนิทกับพ่อค้าเพชรขนาดนั้น เพชรที่ไม่ผ่านการเจียระไนที่มีอยู่ในมือเอามาเล่นดีดลูกแก้วได้แล้วล่ะมั้ง!
คืนนี้คุณหนูฉินโอนเงินสามล้านให้เฉิงเจวี้ยน…
หากเป็นเมื่อก่อนเฉิงมู่คงคิดว่าเกินจริง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสมเหตุสมผล
คิดๆ ดูแล้วคนที่กู้ซีฉือรู้จักมีทั้งพ่อค้าเพชร ตำรวจอาชญากรรมสากล บิ๊กบอสของสลัม คนที่รู้จักมักคุ้นกับกู้ซีฉือจะมีคนธรรมดางั้นเหรอ
ลู่จ้าวอิ่งลูบต่างหูของตัวเอง จำได้ไหมงั้นเหรอ เขาแทบจะเป็นบ้าแล้วยังถามอีกว่าจำได้หรือเปล่า! เขาต้องจำได้อยู่แล้วสิ!
เขายังหยอกฉินหร่านอยู่เลยว่าเพื่อนของเธอคนนั้นแซ่เดียวกับกู้ซีฉือเลย
ตอนนั้นฉินหร่านมีปฏิกิริยาอย่างไรกันนะ
มองเขาแค่แวบเดียว!
“ที่แท้พวกเราก็อยู่ใกล้กู้ซีฉือที่คุณชายเจียงจะจับตัวใกล้ขนาดนี้เองเหรอ” เฉิงมู่กำมือถือไว้
เขาไม่ค่อยกล้าบอกเรื่องนี้กับเจียงตงเย่เท่าไรนัก…
ถ้ารู้แล้วเขาจะร้องไห้ไหม
…
ทางด้านนี้ ฉินหร่านโทรหาฉินฮั่นชิว เมื่อรู้ว่าเขายังอยู่ที่ร้านปิ้งย่าง
ก็ส่งฉินหลิงไปหาเขา
ฉินฮั่นชิวยังดื่มกับโจวต้าเจี้ยนอยู่ รั้งโจวต้าเจี้ยนไว้พร่ำบ่นมาสองชั่วโมงแล้ว
ตอนที่ฉินหร่านไปถึง เขาหน้าแดง ตาก็แดงก่ำเช่นกัน
“หรานหร่าน เดี๋ยวพ่อกับเหล่าโจวไปรับเขาก็ได้…” ฉินฮั่นชิวลุกขึ้น ฉวยทิชชูแผ่นหนึ่งเช็ดน้ำมูก กวักมือเรียกฉินหลิงเข้ามา “คน…คนนี้คือ…”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเฉิงเจวี้ยนที่ยืนอยู่หลังฉินหร่าน
เฉิงเจวี้ยนสวมโค้ตสีดำ รูปร่างสูงชะลูด ภายใต้แสงไฟสลัว ใบหน้าที่ก้มต่ำเล็กน้อยแลดูงามวิจิตรยิ่งนัก
เขาทักทายฉินฮั่นชิวอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับคุณอา”
ซ้ำยังแนะนำตัวเองด้วย
“อ้อๆ” ฉินฮั่นชิวตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขามองเฉิงเจวี้ยน “เสี่ยวเฉิง กินข้าวหรือยัง มากินปิ้งย่างกับอาสิ…”
“พ่อ พ่อควรกลับได้แล้ว” ฉินหร่านมองเวลาในมือถือ “สี่ทุ่มแล้ว ฉินหลิงควรนอนได้แล้ว”
ฉินฮั่นชิวกลัวฉินหร่านนิดหน่อย จึงพยักหน้าอย่างอ้อยอิ่ง “นั่นสิ ควรนอนได้แล้ว”
โรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งสามคนถึงหันหลังกลับโรงแรมไป
เฉิงเจวี้ยนส่งทั้งสามคนถึงหน้าประตูโรงแรมอย่างสุภาพ ซ้ำยังมองแผ่นหลังของฉินฮั่นชิวอย่างเสียดายสุดซึ้งที่ไม่ได้กินปิ้งย่างมื้อนี้
ภาพของทั้งสามคนลับตาไป เฉิงเจวี้ยนก็หันกลับมา กวาดสายตามองรอบๆ มองเห็นบาร์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
ห้านาทีต่อมา ทั้งคู่ก็นั่งอยู่มุมหนึ่งของบาร์
เวลาแบบนี้ คนในบาร์ไม่น้อยเลย
เฉิงเจวี้ยนพิงพนักเก้าอี้ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาอย่างเคยชิน แต่กลับไม่สูบ เพียงแค่มองฉินหร่าน “ก่อนหน้านี้ที่กู้ซีฉือโผล่มาที่เขตหนิงไห่ก็เป็นเพราะเธอเหรอ”
“อืม ฉันให้เขามาเยี่ยมยายฉัน” มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉินหร่านก็ไม่ปฏิเสธ เธอหยิบแก้วที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา
เฉิงเจวี้ยนไม่ค่อยชอบข้องเกี่ยวกับเรื่องในสกุลเฉิง
ผู้เฒ่าเฉิงให้เจียงตงเย่สืบเรื่องของกู้ซีฉือ ตลอดหลายปีมานี้เจียงตงเย่ไม่เจอข่าวคราวเลยแม้แต่นิด
เพราะจู่ๆ เบื้องหลังของกู้ซีฉือก็มีบิ๊กบอสแฮกเกอร์คนหนึ่งโผล่มา แก้ไขข้อมูลที่ไฟล์ทเครื่องบินและที่พักของเขาตลอดเวลา
เจียงตงเย่หาไม่เจอเลยมาหาเฉิงเจวี้ยน
มีเบาะแสเพียงไม่กี่ครั้งล้วนได้มาจากเฉิงเจวี้ยน
ระหว่างนี้เฉิงเจวี้ยนยังปะทะกับบิ๊กบอสคนนั้นอยู่หลายครั้ง
เด็ดขาดฉับไว ไม่อืดอาดยืดยาด โหดเ**้ยมเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เมื่อนึกย้อนไป สไตล์การทำงานช่างคุ้นเคยเหลือเกิน!
กู้ซีฉือปรากฏตัวครั้งล่าสุดคือในเขตหนิงไห่เมื่อสามเดือนก่อน ข้อมูลที่เขาหามาก็ถูกคนปกปิดก่อนหน้านี้
เจียงตงเย่จึงมาขอร้องเฉิงเจวี้ยน เฉิงเจวี้ยนเลยให้ที่อยู่ส่งๆ ไป
เขาสงสัยมากทีเดียวว่าเบื้องหลังของกู้ซีฉือเป็นใครกันแน่ ถึงสามารถลบข้อมูลเที่ยวบิน ข้อมูลโรงแรม แม้กระทั่งบันทึกการจ่ายเงินก็ถูกลบทิ้ง
เฉิงเจวี้ยนทำภารกิจเสร็จก็ตามเจียงตงเย่ไปร่วมสนุกที่เขตหนิงไห่
เจียงตงเย่ก็ไม่เหนือความคาดหมายของเขา หาอะไรไม่เจอเลยสักอย่าง
ตอนหลังเขากลับมาที่เมืองอวิ๋นเฉิง เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะจัดการคดียืดเยื้ออย่างคดี 712 แน่นอนว่าที่อยู่ในห้องพยาบาลไม่ยอมไปไหน เฉิงเจวี้ยนไม่ปฏิเสธว่าตัวเองเห็นแก่ตัว
ภายหลังเจ้าหน้าที่ไอทีของผู้บัญชาการเฉียนสุภาพนอบน้อมกับฉินหร่าน
เฉิงเจวี้ยนสงสัยว่าคดี 712 จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ
ครั้งก่อนฉินหร่านให้เขาดูภาพผลการตรวจรังสี เขาก็รู้สึกแล้วว่ามันเกี่ยวข้องกับกู้ซีฉือ
แถมรูปถ่ายในมือถือของเจียงตงเย่หายไปก็ประจวบเหมาะเหลือเกิน
ภาพ ‘อวดดี’ ในคอมพิวเตอร์ของเขาก็ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน!
มีจุดหนึ่งที่เฉิงมู่ตามความคิดของเฉิงเจวี้ยนทัน คนที่รู้จักกับกู้ซีฉือ ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา
เฉิงเจวี้ยนหรี่ตาเล็กน้อย เขามองฉินหร่านแล้วหัวเราะเบาๆ สิ่งที่ผสมปนเปเต็มดวงตามีแต่ความขบขัน พูดเสียงเบาและเชื่องช้าว่า “เธอใช่ไหมที่คลุกคลีอยู่ใต้ห้าผู้มีอิทธิพลใหญ่อย่างอวดดี แก้ไขข้อมูลของกู้ซีฉืออย่างไม่เกรงกลัว หลี่ต้าจ้วง?”
เขาแน่ใจ!