เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 185 กู้ซีฉือ!

ฉินหร่านที่อยู่ทางนั้นเลิกคิ้ว ยังคงเช็ดผมอย่างไม่รีบร้อน ไม่พูดอะไรเลย

 

 

กู้ซีฉือสวมเสื้อนอก พลางชะโงกหน้ามาใกล้คอมพิวเตอร์ “เธอรอฉันครึ่งชั่วโมง”

 

 

ขับรถจากนี่ไปที่โรงแรมของฉินหร่าน เช้ามืดรถไม่ติด แค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึง

 

 

“ได้” ฉินหร่านพยักหน้า

 

 

กู้ซีฉือจึงยื่นมือไปกดปิดวิดีโอคอล พร้อมกับปิดคอมพิวเตอร์ด้วย

 

 

สวมเสื้อนอกพลางเดินลงจากตึก

 

 

หยิบกุญแจรถจากโต๊ะในห้องรับแขก

 

 

 

 

ทางด้านโรงแรม ฉินหร่านเช็ดผมเสร็จก็โยนผ้าขนหนูไปที่โต๊ะ

 

 

ไม่ได้ใช้ไดร์เป่าผมเป่าต่อให้แห้ง แต่ลุกขึ้นไปปิดไฟ และเทน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง

 

 

ปิดหน้าจอที่กู้ซีฉือวางสายแล้วทิ้งไป กลับไปที่หน้าหลักอีกครั้ง หน้าจอโน้ตบุ๊กของเธอยังคงเป็นภาพสีเบจที่ดูอึดอัดมาก มีแค่ลูกศรสีขาว

 

 

ฉินหร่านจ้องหน้าจออยู่นาน เม้มปากแล้วเปิดหน้าเขียนโค้ดขึ้นมาใหม่

 

 

นิ้วมือกดคีย์บอร์ด โค้ดซับซ้อนเป็นพรวนปรากฏขึ้นตามปลายนิ้วที่ขยับ

 

 

ไฟในห้องปิดอยู่ สามารถมองเห็นดวงตาคู่นั้นที่มีภาพสะท้อนของหน้าจอโน้ตบุ๊ก ทั้งเฉยชาและเย็นเยือก มีประกายเย็นสะท้านซุกซ่อนอยู่

 

 

เมื่อนิ้วมือเรียวยาวและขาวปลอดกดปุ่ม ‘Enter’ มีเครื่องมือค้นหาโผล่ออกมาทันที

 

 

ฉินหร่านค้นหารูปถ่ายบัตรประชาชนของเฉินซูหลานจากในโน้ตบุ๊ค รูปใบนี้ฉินหร่านเจอในกองข้าวของของเฉินซูหลานก่อนหน้านี้

 

 

เมื่อครู่กู้ซีฉือพูดไม่จบ ฉินหร่านรู้ แต่เธอไม่ได้ซักไซ้

 

 

เรื่องรังสีของเฉินซูหลานฉินหร่านก็รู้หลังมาถึงเมืองอวิ๋นเฉิง ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเฉินซูหลานเป็นแค่โรคชราภาพทั่วไป

 

 

แต่จากปฏิกิริยาของกู้ซีฉือกับเฉิงเจวี้ยนเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่

 

 

รังสี?

 

 

รังสีอะไรรุนแรงขนาดนี้

 

 

ฉินหร่านเม้มปาก ดึงรูปของเฉินซูหลานไปไว้ในแถบค้นหา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอค้นหาข้อมูลของเฉินซูหลานในเครื่องมือค้นหาอันนี้

 

 

ก่อนหน้านี้ฉางหนิงเคยให้เธอ แต่ไม่ค่อยละเอียดมากนัก

 

 

สามนาทีต่อมา ข้อมูลของเฉินซูหลานก็ปรากฏออกมา

 

 

ข้อมูลไม่ได้เยอะเท่าใดนัก

 

 

ฉินหร่านเปิดดูทีละอัน ค่อยๆ เลื่อนดูทีละนิด

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน

 

 

ในห้องข้างๆ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งยังไม่นอน วันนี้ได้เจอเทพพระอาทิตย์เขาตื่นเต้นเกินไป คราวนี้จึงเรียกเจียงตงเย่กับเฉิงมู่มาดื่มด้วยกัน

 

 

ตอนที่กินข้าวตอนกลางคืนเพราะมีหยางเฟยกับอี้จี้หมิงอยู่ เฉิงเจวี้ยนจึงไม่ให้พวกเขาดื่ม

 

 

“ฉันอยากไปถามฉินเสี่ยวหร่าน” ลู่จ้าวอิ่งเปิดเบียร์ขวดหนึ่ง ภายใต้แสงไฟ ต่างหูของเขาสะท้อนแสง “ทำไมอี้จี้หมิงถึงเรียกเธอว่าเทพฉินล่ะ”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งคิดว่าเรื่องซับซ้อนกว่าที่เขาคิด

 

 

เขาอยากไปหาฉินหร่านแล้วคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง แต่ฉินหร่านคงจะมองเขานิ่งๆ อีก จากนั้นก็ไม่สนใจเขา

 

 

คืนนี้เฉิงมู่ไม่ได้ไป ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น

 

 

ตอนนี้เมื่อได้ยินลู่จ้าวอิ่งพูด เขานั่งอยู่บนโซฟาอีกฝั่ง มือที่ถือเบียร์ชะงัก “อี้จี้หมิงเรียกคุณหนูฉินว่าเทพฉินงั้นเหรอ”

 

 

เฉิงมู่ไม่เหมือนเจียงตงเย่ เขารู้จักอี้จี้หมิง

 

 

คนที่โด่งดังอันดับสองของทีม OST นอกจากหยางเฟย

 

 

“ทำไมกัน” เฉิงมู่วางเบียร์ลงแล้วถามลู่จ้าวอิ่ง

 

 

ลู่จ้าวอิ่งดื่มไปอึกหนึ่ง หรี่ตาลงเล็กน้อย ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วหยิบมือถือของตัวเองออกมา

 

 

เปิดแชทของฉินหร่าน ส่งข้อความไปโดยตรงว่า

 

 

‘นอนหรือยัง’

 

 

อีกฝ่ายไม่ตอบ

 

 

สามนาทีผ่านไป อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบ

 

 

ตอนที่แบ่งห้องพักกัน ห้องของฉินหร่านอยู่ข้างห้องเฉิงเจวี้ยนกับลู่จ้าวอิ่งพอดี ลู่จ้าวอิ่งคิดๆ แล้วก็ตัดสินใจไปหาเธอที่ห้องข้างๆ

 

 

ห้องของทั้งสามคนคือ 3606 3607 3608 ฉินหร่านคือ 07 เฉิงเจวี้ยนคือ 06

 

 

ตอนแรกเจียงตงเย่นอนพิงโซฟา กำลังดื่มเบียร์อย่างไม่รีบร้อน

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่จ้าวอิ่ง เขาก็รีบลุกขึ้นเป็นพัลวัน วางเบียร์ลงบนโต๊ะดังปึก “อย่าสิ เรื่องแบบนี้ไม่ลำบากคุณชายลู่ดีกว่า ฉันไปเอง ฉันไปเอง!”

 

 

เขาไม่ให้โอกาสลู่จ้าวอิ่งพูดด้วยซ้ำ เปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที

 

 

ท่าทางคล่องแคล่วราวกับทำมาหลายครั้งแล้ว

 

 

ทิ้งไว้เพียงภาพด้านหลังของร่างสูงใหญ่กำยำ

 

 

ลู่จ้าวอิ่งที่ลุกขึ้นมาแล้วยังอยู่ในท่ากำลังจะก้าวค้างอยู่กับที่ “…”

 

 

เฉิงมู่ที่ชินตั้งนานแล้ว นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

 

 

 

 

ข้างห้อง

 

 

เจียงตงเย่ยืนอยู่หน้าห้องฉินหร่านแล้ว เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเอง จากนั้นยกมือขึ้นกดกริ่ง

 

 

ฉินหร่านยังค้นข้อมูลของเฉินซูหลานอยู่ในห้อง

 

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้อมูลและประวัติทั้งหมดล้วนปกติเป็นอย่างมาก

 

 

หาไม่เจอเลยว่าเธอไปโดนรังสีที่ไหน

 

 

มือของเธอวางอยู่บนเมาส์ เหม่อมองหน้าจอ

 

 

เมื่อได้ยินกริ่ง เธอก็สลับไปที่หน้าจอเว็บเพจทันที

 

 

“ดึกขนาดนี้มาหาฉันทำไม” ฉินหร่านเอี้ยวตัวเปิดไฟ

 

 

เธอยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ มัดเชือกไว้หลวมๆ ผมยังไม่แห้งมากนัก เกาะกันเป็นก้อนลู่ลงมาสองข้าง และมีหยดน้ำกลิ้งลงมาตามกระดูกไหปลาร้า

 

 

เจียงตงเย่ไม่คิดว่าเธอจะอาบน้ำทันทีที่กลับมาถึง สายตาจดจ้องใบหน้าของเธอ ไม่กล้ามองที่อื่น

 

 

“ลู่…”

 

 

เขายังไม่ทันพูดจบประโยค

 

 

ประตูห้อง 3606 ก็เปิดออก เขาเองก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เส้นผมดำสนิทยังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ

 

 

ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่เจียงตงเย่ทันทีแล้วเลิกคิ้ว “มาทำไมดึกดื่นปานนี้”

 

 

เจียงตงเย่ “…” จู่ๆ ก็นึกเสียใจที่กระตือรือร้นขนาดนี้

 

 

“เปล่า ท่านเจวี้ยน ฉันอธิบายได้ ลู่จ้าวอิ่งอยากมาคุยกับเธอ” เขาหันหลังมามองเฉิงเจวี้ยนเสียเลย

 

 

สายตาของเฉิงเจวี้ยนมองผ่านไปเขามองที่ฉินหร่านแทน เสียงทุ้มต่ำ “กลับไปนอนก่อน”

 

 

ฉินหร่านมองทั้งคู่แวบหนึ่ง ขานรับในลำคอ จากนั้นก็ปิดประตูอย่างเชื่องช้าแล้วเดินเข้าไป

 

 

หยิบน้ำที่เพิ่งวางไว้อีกมุมขึ้นมาดื่ม

 

 

มือถือบนโต๊ะสว่างวาบ ข้อความของกู้ซีฉือปรากฏบนล็อกสกรีน ‘ฉันถึงแล้ว 3607 ใช่ไหม’

 

 

ตอนที่ส่งข้อความฉบับนั้น กู้ซีฉือเพิ่งออกจากลิฟต์

 

 

ลิฟต์ของโรงแรมไม่ต้องใช้คีย์การ์ด

 

 

เขากดชั้น 36 โดยตรง

 

 

เขาก้มหน้ามองหน้าแชทในวีแชทบนหน้าจอแวบหนึ่ง ฉินหร่านไม่ตอบ

 

 

เขาเพ่งไปทางห้อง 3607 แล้วเดินดุ่มๆ ไปทางนั้นทันที

 

 

มีร่างของคนระหว่างโถงทางเดิน กู้ซีฉือก้มหน้าก้มตาส่งข้อความให้ฉินหร่าน ไม่แม้แต่จะเงยหน้าด้วยซ้ำ “ขอโทษครับ ขอทางหน่อย”

 

 

เขาสวมเชิ้ตสีขาวไว้ด้านใน ด้านนอกเป็นเสื้อโค้ตยาวคลุมเข่า

 

 

ขับให้รูปร่างของเขาสูงชะลูด

 

 

เจียงตงเย่เพิ่งคุยกับเฉิงเจวี้ยนเสร็จ เตรียมจะกลับห้องของลู่จ้าวอิ่ง เมื่อได้ยินเสียง เขาก็ขยับไปข้างๆ หนึ่งก้าว

 

 

แต่เสียงของคนคนนี้น่าฟังทีเดียว

 

 

เขาหันหน้าเล็กน้อย ก็เห็นกู้ซีฉือที่กำลังยัดมือถือใส่กระเป๋า

 

 

รูปของกู้ซีฉือที่อยู่กับเจียงตงเย่เป็นของเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่แตกต่างกับกู้ซีฉือในตอนนี้มากนัก เขาทุกอยู่ทุกวี่ทุกวัน ต่อให้อีกฝ่ายกลายเป็นเถ้าถ่านเขาก็จำได้

 

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใบหน้าด้านข้าง

 

 

แต่เจียงตงเย่ไม่อยากจะเชื่อเลย เขายกมือชี้หน้ากู้ซีฉืออย่างตกตะลึง “คุณพระ คุณเป็นใครน่ะ”

 

 

เจียงตงเย่รู้จักกู้ซีฉือ กู้ซีฉือก็รู้ข้อมูลของเจียงตงเย่ แมทธิวส่งให้เขาหลายครั้งแล้ว ฉินหร่านก็เคยส่งข้อมูลของเจียงตงเย่ให้เขาเหมือนกัน

 

 

ขณะที่เจียงตงเย่ยกมือชี้หน้าตัวเอง กู้ซีฉือไม่ทันได้คิดว่าทำไมเจียงตงเย่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้

 

 

เขาก็ล้วงกระเป๋า ควานหาเข็มเล่มหนึ่งออกมาแล้วปักเข้าที่คอของเจียงตงเย่ทันที

 

 

เจียงตงเย่ล้มลงบนพรมของโถงทางเดินโรงแรมดังปัง

 

 

กู้ซีฉือดึงเข็มกลับมาอย่างนิ่งเฉย

 

 

ยืนอยู่ข้างเจียงตงเย่ คิ้วสวยได้รูปขมวดมุ่น จากนั้นก็เดินเลยห้อง 3606 ไปเคาะประตูห้อง 3607

 

 

ฉินหร่านเปิดประตูแล้วเบี่ยงตัวให้เขาเข้ามาทันที

 

 

“ไอ้เวรนั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” กู้ซีฉือเดินเข้ามาอย่างอกสั่นขวัญแขวน ล้วงบุหรี่ออกจากกระเป๋าแล้วคาบไว้ในปาก “ตกใจแทบแย่”

 

 

หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วมองฉินหร่าน พิงโซฟาที่อยู่อีกมุม “เธอรีบเก็บของ เรากลับกันก่อน หากสมุนของเจ้านั่นอยู่ที่นี่ฉันหนีไม่รอดแน่”

 

 

หากสู้กันตัวต่อตัว กู้ซีฉือไม่กลัวเจียงตงเย่

 

 

เพราะกู้ซีฉือมีไม้เด็ดเพียบ

 

 

แต่หากว่าสมุนกลุ่มนั้นของเจียงตงเย่อยู่ละก็ ต่อให้กู้ซีฉือติดปีกก็หนีได้ยาก

 

 

ฉินหร่านไม่เก็บของ ปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นปิดฝาพับ เดินไปยืนข้างตู้น้ำ รองน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่ง พูดสบายๆ ว่า “เขามาพร้อมฉัน”

 

 

กู้ซีฉือขานรับส่งๆ แล้วยื่นมือรับแก้วน้ำมา

 

 

ล้วงไฟแช็กออกมาจุดบุหรี่ ไฟเพิ่งมอด เขาก็รู้สึกตัวแล้วว่าฉินหร่านพูดอะไร หันหน้ามามองฉินหร่านอย่างแข็งทื่อ “ที่รัก…เมื่อกี้ฉันหูฝาดไปเหรอ”

 

 

ฉินหร่านนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเลิกคิ้ว “เปล่า เจียงตงเย่มาพร้อมกับฉันนี่แหละ”

 

 

ตอนที่เธอได้รับเอกสารที่มีลายน้ำของกู้ซีฉือ ก็ตกใจแบบนี้ แปลกใจแบบนี้เช่นกัน

 

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันแฮกกล้องวงจรปิดของโถงทางเดินแล้ว เจียงตงเย่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย” ขาของฉินหร่านพาดอยู่อีกทางอย่างไม่เกรงใจ พูดอย่างไม่ยี่หระว่า “เขาหานายไม่เจอหรอก ลองว่ามาหน่อย นายกับเจียงตงเย่มันยังไงกันแน่ จะขัดแย้งกันแบบนี้ไปตลอดจริงๆ เหรอ”

 

 

“ไม่รู้ ห้องทดลองที่เมืองหลวงตามหาฉันมาตลอด” กู้ซีฉือโล่งอก เขามองฉินหร่านแวบหนึ่งแล้วนิ่งไปเล็กน้อย “ถ้าฉันไปเมืองหลวงไม่รู้ว่าจะได้กลับตะวันออกกลางอีกไหม แต่ว่า ไอ้เวรนั่นน่ารำคาญจริงๆ”

 

 

ครั้งก่อนเจียงตงเย่เกือบจะหาเขาเจอแล้ว ระยะนี้กู้ซีฉือไม่ค่อยกล้าไปตะวันออกกลางแล้ว

 

 

ฉินหร่านเท้าคาง มองกู้ซีฉืออย่างเชื่องช้า “พวกนายสองคนเจอกันสักครั้ง คุยกันให้รู้เรื่องดีไหม”

 

 

“เดี๋ยว ขอถามเธอก่อน ความสัมพันธ์ของเธอกับเฉิงเจวี้ยนเป็นยังไง” กู้ซีฉือพ่นควันออกมา มองฉินหร่านด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

“ก็ดีล่ะมั้ง” ฉินหร่านหรี่ตา ใคร่ครวญเล็กน้อย

 

 

“หากฉันกับเจียงตงเย่ตกลงกันไม่ได้ เขาจะอยู่ข้างใคร” กู้ซีฉือวางบุหรี่ลงแล้วมองฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านยิ้ม พูดอย่างมั่นใจมากทีเดียวว่า “นาย”

 

 

กู้ซีฉือเลิกคิ้ว คาบบุหรี่ ขบกรามเล็กน้อย “ยืนข้างเธอก็ดีแล้ว ถือว่าได้โอกาสทรมานเขาแล้ว ฉันกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้เธอพาพวกเขามา” เขารู้อยู่แล้วว่า หลายครั้งที่เจียงตงเย่หาเขาเจอ เป็นเพราะเฉิงเจวี้ยนหนุนหลัง

 

 

พวกเขาที่ว่า แน่นอนว่ารวมเฉิงเจวี้ยนด้วย

 

 

ฉินหร่านมองแผ่นหลังของกู้ซีฉือ ครุ่นคิดเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะเชื่อใจเฉิงเจวี้ยนไม่เบา

 

 

 

 

เช้าวันต่อมา เจียงตงเย่นวดขมับ ลุกขึ้นมาจากเตียงของตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเล็กน้อย มือกำผ้าห่มแน่น พูดทีละคำว่า “กู้ ซี ฉือ”

 

 

ในมือถือเป็นข้อความของลู่จ้าวอิ่ง ถ้าตื่นแล้วให้เขาไปกินอาหารเช้าที่ชั้น 22

 

 

วันนี้ไม่กระตือรือร้นขนาดนั้น แถมยังหน้าบึ้ง

 

 

“เป็นอะไรไป” ลู่จ้าวอิ่งลูบต่างหูพลางเอ่ยปากถาม

 

 

เจียงตงเย่กัดขนมปัง ไม่สนใจเขา เพียงแค่มองเฉิงเจวี้ยน “เมื่อคืนฉันกลับห้องได้ยังไง”

 

 

“เฉิงมู่ลากนายเข้าไป” เฉิงเจวี้ยนเชยตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง

 

 

เฉิงมู่ยกขนมปังเป็นตั้งเดินมาทางนี้

 

 

เมื่อได้ยินก็พยักหน้า “คุณชายเจียง ทำไมคุณถึงไปเป็นลมอยู่ตรงโถงทางเดินได้ล่ะ”

 

 

“ตอนที่นายลากฉันเข้ามาไม่เห็นใครอยู่รอบๆ บ้างเหรอ” เจียงตงเย่ขบกราม

 

 

เฉิงมู่พยักหน้า

 

 

ลู่จ้าวอิ่งร้อนรนอยู่ข้างๆ “ไม่สิ นายเป็นลมได้ยังไง”

 

 

ขณะที่พูดเขาก็มองเฉิงเจวี้ยน ไม่กล้าถามว่าถูกเฉิงเจวี้ยนชกเพราะเข้าห้องฉินหร่านหรือเปล่า

 

 

“ก่อนหมดสติ ฉันเจอกู้ซีฉือ” เจียงตงเย่กัดขนมปังอย่างแรงอีกครั้ง

 

 

เฉิงมู่สะดุ้งโหยง มองเจียงตงเย่อย่างเหลือเชื่อ “กู้ กู้ซีฉือ?”

 

 

กู้ซีฉือที่สุดยอดมาก คนที่สนิทกับพ่อค้าเพชร แมทธิวตำรวจอาชญากรรมสากลกับคนในสลัมคนนั้นน่ะเหรอ

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็มองฉินหร่านเงียบๆ ขดตัวไปทางด้านข้าง

 

 

เริ่มตระหนักได้บ้างแล้วว่า กู้ซีฉือน่าจะมาหาฉินหร่าน…

 

 

“เขานั่นแหละ” เจียงตงเย่ดื่มน้ำอีกครั้ง

 

 

เฉิงเจวี้ยนยื่นมือออกไปเคาะโต๊ะแล้วเลิกคิ้ว “รีบกิน กินเสร็จเรามีที่ที่ต้องไป”

 

 

“ไม่ไป” เจียงตงเย่บีบตะเกียบในมือแน่น นัยน์ตาดุดัน “ฉันจะสั่งให้คนพลิกเซี่ยงไฮ้หา”

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ มือของฉินหร่านก็ชะงักไป ได้ นายไม่ไปเองนะ

 

 

เฉิงเจวี้ยนกลับหรี่ตาลง พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ นายอยากไป”

 

 

เจียงตงเย่ที่ไม่อยากไปเลยสักนิด “…”

 

 

ยี่สิบนาทีต่อมา เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จ พวกเขาก็พากันลงไปขึ้นรถ

 

 

เจียงตงเย่ไม่ค่อยเต็มใจ เขากำมือถือกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เตรียมจะสั่งให้คนค้นหาให้ทั่วเซี่ยงไฮ้

 

 

เฉิงมู่ขับตามที่อยู่ที่ฉินหร่านให้ วนซ้ายทีขวาที ขับรถตรงมาจอดทีหน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset