ห้องที่เหยียนซีจองไว้ไม่ได้ใหญ่มาก
มีแค่โต๊ะและเก้าอี้โซฟาอีกสี่ตัวติดกับหน้าต่าง
เหยียนซีนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาทางด้านซ้ายโดยวางมือไว้บนโต๊ะ นอกจากนี้ในมือยังมีแว่นกันแดด หมวกและผ้าปิดจมูกตามลำดับ
ผู้จัดการแขวนเสื้อขนเป็ดตัวยาวสีดำไว้ข้างๆ
“เหยียนซี ท่านเทพจะมาจริงๆ เหรอ?” ผู้จัดการไม่ได้นั่ง เขาแค่เดินไปรอบๆ และเลื่อนดูโทรศัพท์เป็นพักๆ
“อืม” เหยียนซีดูสงบเสงี่ยมกว่าผู้จัดการ หลังจากคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เหลือบมองไปทางผู้จัดการ “พี่คิดว่าเขาจะอายุเท่าไหร่? ผมควรเรียกเขาว่าพี่หรือเรียกเขาว่าเพื่อนดี?”
เหยียนซีรู้จักเจียงซานอี้มาหลายปีแล้ว แต่เขากลับไม่รู้อายุหรือรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
ผู้จัดการค่อนข้างประหลาดใจกับคำถามนี้ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก “นายก็เรียกพี่เจียงซานสิ จะได้ดูสุภาพหน่อย เข้าใจหรือยัง?”
แน่นอนว่าผู้จัดการก็ไม่รู้ตัวตนของเจียงซานอี้ แต่เมื่อพิจารณาจากการเรียบเรียงและฝีมือการแต่งเพลงของอีกฝ่ายโดยเฉพาะแนวเพลงที่ค่อนข้างดาร์คแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน เพลงถึงได้ตราตรึงใจคนขนาดนั้น
ด้วยเหตุนี้ ตามความคิดของผู้จัดการ เจียงซานอี้จะต้องอายุไม่น้อยอย่างแน่นอน
ปีนี้เหยียนซีอายุยี่สิบห้าปี เจียงซานอี้จะอายุน้อยกว่าเหยียนซีได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาที่จะถามคำถามเหล่านี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีก็จะถึงเวลาที่เหยียนซีนัดหมายเจียงซานอี้แล้ว ผู้จัดการยังอยากจะถามเหยียนซีอีกหน่อยว่าท่านเทพเต็มใจจะพบนายจริงหรือ?
ขณะที่เขากำลังจะถามคำถามนี้ออกไป ก็มีคนเคาะประตูจากด้านนอก
เสียงเคาะไม่ได้เร่งรีบ
ในใจผู้จัดการสั่นไหว “น่าจะเป็นท่านเทพ!”
เขารีบวิ่งไปเปิดประตูห้อง
เหยียนซีที่นั่งบนเก้าอี้โซฟาอยู่ทางด้านหลังเขาถึงกับรีบลุกพรวดขึ้นมา เขามองไปทางประตูอย่างไม่ละสายตา
ในไม่ช้าประตูก็เปิดออก
ผู้จัดการเห็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ด้านนอก อีกฝ่ายดึงหมวกเสื้อสเวตเตอร์ขึ้น เธอดูเด็กมากแต่เห็นหน้าตาเธอไม่ค่อยชัดเจน เพียงเท่านี้ก็รู้สึกถึงความเท่ในตัว
“คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” ผู้จัดการมองเธอที่มีใบหน้าเยาว์วัย เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายคือเจียงซานอี้
ในทางกลับกันยังกังวลว่าการที่เหยียนซีมาที่นี่จะถูกคนจับได้
ด้วยความที่เหยียนซีเป็นคนมีชื่อเสียง หากมีคนจำได้ก็ยังถือว่าดี แต่ถ้าเป็นการสะกดรอยตาม วันนี้เกรงว่าพวกเขาทั้งสองจะออกจากร้านกาแฟแห่งนี้ได้ยาก!
ใช่แล้ว ผู้จัดการสงสัยว่าฉินหร่านเป็นแฟนคลับ
เมื่อเห็นคนออกมา ฉินหร่านก็ยื่นมือดึงหมวกลง เธอมองผู้จัดการพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบอย่างเรียบง่าย “ฉันมาหาเหยียนซี”
เธอดึงหมวกลงเผยให้เห็นถึงโฉมหน้าค่าตา
ใบหน้าของเธอไม่ว่าจะแยกดูเป็นส่วนหรือรวมกันก็ดูโดดเด่นอย่างที่สุด เธอเลิกคิ้วอย่างเอาแต่ใจ
ผู้จัดการเคยชินกับการเห็นคนหน้าตาดีในวงการบันเทิงมาแล้ว แต่พอเห็นฉินหร่านเพียงแวบเดียว สายตาของเขาก็เปล่งประกาย
ในใจแอบคิดว่าถ้าเขาเป็นโมเดลลิ่งในวงการบันเทิง เขาจะไม่ลังเลที่จะเกลี้ยกล่อมฉินหร่านให้เข้าวงการบันเทิงกับเขาให้ได้
หน้าตาแบบนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยเมื่อเข้าวงการบันเทิง
เพราะถึงอย่างไรบรรดาแฟนคลับก็คงยอมอุทิศตัวเป็นคุณลุงให้เธอ อย่างที่รู้กันว่า…แฟนคลับส่วนใหญ่จะมองแค่หน้าตาเป็นอย่างแรก
“เธออยากได้ลายเซ็นเขาเหรอ?” เหยียนซีมีแฟนคลับมากมาย ผู้จัดการจึงไม่ได้แปลกใจนัก ดังนั้นในกระเป๋ากางเกงของเขามักจะพกรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเหยียนซีไว้ตลอดเวลาเพื่อเอาใจแฟนคลับเขาตอนที่พบปะกัน
เขาหยิบรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นสองใบออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฉินหร่านอย่างเป็นมิตร
ภายในห้อง เมื่อเหยียนซีได้ยินว่าไม่ใช่เจียงซานอี้ ความตื่นเต้นภายในใจก็พลันสงบลง จากนั้นกลับไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาเหมือนเดิมและเปิดวีแชทต่อ
ฉินหร่านยื่นมือพลางหลุบตา เธอรับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นที่ผู้จัดการมอบให้เธออย่างเฉื่อยชา
ดูเสร็จก็ไม่ได้ยัดใส่กระเป๋า เพียงแค่บีบอย่างลวกๆ
ผู้จัดการกำลังรอให้ฉินหร่านไป แต่กลับไม่คิดว่าพอฉินหร่านได้รูปถ่ายพร้อมลายเซ็นแล้วยังไม่ยอมไปไหน เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพูดก็เหมือนจะได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะ
มือหนึ่งถือรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นอย่างลวกๆ อีกมือหนึ่งสอดเข้ากระเป๋ากางเกง เธอแนะนำตัวกับผู้จัดการอย่าชัดถ้อยชัดคำ “ฉันคือเจียงซานอี้”
หน้าผู้จัดการที่เคยเป็นมิตรกลายเป็นแข็งทื่อ
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ “เดี๋ยว เดี๋ยวนะ…เธอ เมื่อกี้เธอบอกว่าอะไรนะ? เจียง เจียงอะไร?”
นี่กำลังเล่นตลกบ้าอะไรเนี่ย?!
เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอเนี่ยนะคือเจียงซานอี้ ? !
เสียงผู้จัดการเบาหวิวเล็กน้อย เขากำลังสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้กำลังล้อเขาเล่นอยู่หรือเปล่า
ฉินหร่านสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ควานหาโทรศัพท์ตัวเองออกมา ในนั้นเป็นข้อความที่เหยียนซีส่งให้เธอ
(พรรคพวก ถึงไหนแล้ว?)——
ฉินหร่านตอบกลับทันที——
(หน้าประตูห้อง ผู้จัดการนายเอารูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของนายให้ฉันแล้ว)
**
หนึ่งนาทีต่อมา
ทั้งสามเข้ามานั่งในห้อง
ฉินหร่านนั่งทางด้านขวา เหยียนซีกับผู้จัดการนั่งบนเก้าอี้โซฟาทางด้านซ้าย
ฉินหร่านวางรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของเหยียนซีไว้ด้านข้างอย่างส่งๆ มือวางบนโต๊ะ
พนักงานเสิร์ฟเคาะประตูอยู่ด้านนอกเพื่อเข้ามาเสิร์ฟกาแฟ ผู้จัดการเดินตัวปลิวไปเปิดประตูแล้วยกกาแฟเข้ามาข้างใน
วางไว้ตรงหน้าฉินหร่านหนึ่งแก้ว
เสียงแก้วกาแฟที่กระทบกับโต๊ะทำให้เหยียนซีได้สติ
เขามองไปที่ฉินหร่านด้วยความรู้สึกเหลือเชื่ออยู่หน่อยๆ จากนั้นก็ลองเอ่ยถาม “พะ เพื่อน?”
ฉินหร่านหันไปด้านข้างเล็กน้อย เหมือนเธอจะลดศีรษะลงและตอบกลับอย่างเนิบนาบแฝงไปด้วยความเย็นชา “อือ”
เหยียนซี “…”
น้ำเสียงแบบนี้เป็นปฏิกิริยามิตรสหายคนนั้นที่เขารู้จัก
“ท่านเทพ ไม่คิดว่าคุณจะเด็กขนาดนี้” ผู้จัดการคลุกคลีอยู่ในวงการมานานหลายปีจนกลายมาเป็นผู้จัดการที่ฉลาดทันคน ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาพยายามจิกฝ่ามือตัวเอง
แต่ในใจกลับไม่สงบนิ่งเหมือนเปลือกนอก
แม้จะไม่ได้ถาม แต่ผู้จัดการก็ดูออกว่าฉินหร่านน่าจะอายุราวๆ สิบแปดปี อย่างงั้นเธอเริ่มแต่งเพลงและเรียบเรียงเพลงให้เหยียนซีตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
แล้วทำไมถึงมาหาเหยียนซีกะทันหันแบบนี้?
ตอนที่ผู้จัดการพาเหยียนซีมาก็รู้สึกแปลกๆ เพราะในวงการก็มีคนดัง ดังถึงระดับเหยียนซีก็มี อย่างเช่นฉินซิวเฉินที่ไม่มีแม้แต่ข่าวฉาว
แต่ฉินซิวเฉินมีคนในตระกูลคอยหนุนหลัง การที่เขาสามารถมาถึงจุดนี้ได้โดยไม่มีข่าวฉาวนั้นไม่ใช่แค่มีความสามารถเฉพาะตัว แต่เป็นเพราะเขาเกิดในตระกูลที่มีอิทธิพล
ทว่าเหยียนซีมีอะไร?
หลังจากพ่อแม่ของเขาแยกทางกัน เขาก็ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ มีภาระหนี้สินมากมาย หลายปีมานี้ผู้จัดการยังไม่เคยพบพ่อของเขามาก่อนเลย ตอนที่ผู้จัดการเริ่มติดตามเขา เขายังดิ้นรนอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้เข้าประกวด ภูมิหลังใสสะอาด
พูดได้ว่าเหยียนซีดังมานานมากแล้วโดยที่ไม่มีข่าวฉาวและไม่มีใครกล้าใช้กติกามืดในการทำลายความนิยม
ผู้จัดการคิดว่าเหตุผลส่วนใหญ่จะต้องเป็นเพราะนักเรียบเรียงเพลงมือฉมังผู้ลึกลับแห่งวงการอย่างเจียงซานอี้ที่คอยสนับสนุนเหยียนซีอยู่เบื้องหลัง
ลูกพี่ใหญ่คนนี้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเหยียนซีอย่างเงียบๆ
ไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าตาแต่เป็นเพราะความสามารถ
มิฉะนั้นจุดประสงค์คืออะไร?
ทว่าตอนนี้…
เมื่อผู้จัดการมองฉินหร่านผู้มีใบหน้าสะดุดตาคนยิ่งกว่าเหยียนซี ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่ารูปลักษณ์เหยียนซียังเสียเปรียบกว่าอีก…
หากมีคนเปิดเผยหน้าตาฉินหร่านในวงการบันเทิง…
“เจียงซานอี้” สามคำนี้จะต้องขึ้นฮอตเสิร์ชนานกว่าสามวันแน่ๆ!
ผู้จัดการกระแอมเสียงพลางใช้สายตาคลั่งไคล้ส่งสัญญาณลับให้เหยียนซี
นี่ไม่ใช่เพราะความรักหรอกหรือ?!
เหยียนซีไม่ได้รับสัญญาณลับที่ผู้จัดการส่งให้ เขาเพียงแค่จ้องฉินหร่านอยู่เป็นเวลานานกว่าจะรู้สึกตัว จิบน้ำไปหนึ่งคำ “ท่านเทพ ทำไมวันนี้ถึงได้มาพบผมกะทันหันแบบนี้ล่ะ?”
“ว่างอยู่พอดี” ฉินหร่านเคาะนิ้วอยู่บนโต๊ะ “ตอนนี้แม่คุณสบายดีไหม?”
เธอดูโทรศัพท์ เฉิงเจวี้ยนถามว่าเธออยู่ไหน เธอตอบกลับข้อความอย่างส่งๆ
“อืม” เหยียนซีพยักหน้า เขาเคยคุยกับเจียงซานอี้เรื่องสถานะครอบครัวของเขามาก่อน “ตอนนี้แม่ทำงานอยู่ในบริษัทอวิ๋นกวงกรุ๊ป”
เขาอยากเจอเจียงซานอี้มาโดยตลอดเพราะส่วนหนึ่งเธอเป็นเพื่อนรู้ใจ อีกส่วนหนึ่งรู้สึกขอบคุณที่ตอนนั้นเธอดึงเขาออกมาจากโคลนตม
ทว่าตอนนี้ได้มาเจอตัวจริง…
เหยียนซีรู้สึกว่าตัวเองถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
**
ชั้นล่าง
หลังจากที่เฉิงมู่รอฉินหร่านเข้าไปในร้านกาแฟเสร็จก็ขับรถจอดไว้ข้างทาง ถนนข้างร้านกาแฟค่อนข้างกว้างขวางและมีที่จอดรถอยู่ตรงข้าม
วันธรรมดาจะมีคนเยอะมาก
เฉิงมู่นั่งอยู่ในรถเพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว
เขานั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับพลางก้มหน้าเลื่อนดูกรุ๊ปแชท
โอวหยางเวยถามพวกเขาว่าจะกลับเมืองหลวงเมื่อไหร่เฉิงมู่กำลังจะกดโทรศัพท์เพื่อตอบกลับ
แต่จู่ๆ ก็มีข้อความโผล่ขึ้นมาบนหน้าแชท——
(อยู่ไหน?)
คนที่ส่งมามีภาพโปรไฟล์เป็นสีดำล้วน ทั้งเย็นชาและดูเท่ในเวลาเดียวกัน
เฉิงมู่นั่งตัวตรงราวกับว่าคนถามอยู่ตรงหน้าเขาและตอบอย่างนอบน้อม นอกจากนี้เขายังส่งรูปถ่ายร้านกาแฟที่ฉินหร่านเข้าไปซึ่งดูเหมือนเป็นร้านสำหรับคู่รักที่กำลังออกเดท
สุดท้ายก็ส่งพิกัดไป
บ้านกู้ซีฉือ พอเฉิงเจวี้ยนเห็นรูปถ่ายที่เฉิงมู่ส่งมาให้ เขาก็หรี่ตาลงและใช้มือยันโซฟาลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ด้านข้าง
มองไปยังที่ที่วางกุญแจรถในบ้านกู้ซีฉือ จากนั้นก็หยิบกุญแจออกไป
“คุณชายเจวี้ยน จะไปไหน?” เมื่อลู่จ้าวอิ่งที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เห็นเฉิงเจวี้ยนกำลังถือกุญแจเดินออกไปก็อดถามไม่ได้
“ออกไปข้างนอก” เฉิงเจวี้ยนเม้มริมฝีปากพลางกดคิ้ว เขาพูดเพียงสี่คำอย่างสุขุม
ก้มหน้าดูโทรศัพท์ก็เห็นข้อความที่ฉินหร่านเพิ่งส่งมา
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ปิดบังอะไร ทั้งยังส่งหมายเลขห้องมาให้ตรงๆ
เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้ว
ยี่สิบนาทีต่อมา
ในห้อง
“เหยียนซี นายคุยกับท่านเทพไปก่อนนะ ฉันจะออกไปสูบบุหรี่” ผู้จัดการหยิบบุหรี่ออกมา ทั้งยังสร้างโอกาสทองให้พวกเขา
พลางส่งสัญญาณลับให้เหยียนซี
ตอนที่เขาส่งสัญญาณลับให้เหยียนซี ก็มีคนเคาะประตูจากด้านนอกห้องอย่างช้าๆ สามที