ไม้กระบองท่อนนี้ค่อนข้างน่ากลัว
มันพุ่งมาที่ฉินหร่าน
ร่างของทั้งสองบนหน้าจอใหญ่นั้นชัดเจนมาก คนทั่วไปดูออกว่าถังชิงไม่คิดจะยั้งมือเลย
“ผู้หญิงเขาเล่นกันหนักขนาดนี้เลยเหรอ?” เจียงตงเยี่ยที่กำลังนั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์อดไม่ได้ที่จะถอยออกมาเมื่อเห็นฉากนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเบี่ยงหน้าเพราะไม่กล้าดูอยู่หน่อยๆ
พลังหมัด 769 ถ้าถูกถังชิงฟาดด้วยไม้กระบองนั้นแล้วกระดูกหักก็ยังถือว่าเบาไป
สีหน้าถังชิงยังคงเย็นชา แรงบนมือไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
ไม่ใช่แค่เจียงตงเยี่ยเท่านั้น แม้กระทั่งผู้ชมที่นั่งอยู่ใต้สังเวียนต่างก็สูดหายใจไปตามๆ กัน
ฉินหร่านไม่ได้ขยับตัวอะไร เมื่อเห็นว่าไม้กระบองท่อนนั้นกำลังพุ่งมาที่เธอ เธอเพียงแค่ยื่นมือออกไปคว้าไม้ที่ดูน่ากลัวท่อนนั้นด้วยท่าทางสบายๆ
เดิมทีถังชิงยังคิดว่าฉินหร่านจะต้องลงจากสังเวียนเมื่อไม้ท่อนนี้ฟาดลงไป
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าไม้ที่อยู่ในมือของเธอจะถูกจับไว้แน่น ถังชิงหน้าถอดสี เธอยื่นมือไปจะคว้าไม้กระบองกลับมาตามสัญชาตญาณ แต่อย่างไรก็ตาม ไม้กระบองนี้เหมือนได้ถูกเชื่อมเอาไว้ ไม่ขยับแม้แต่น้อย
เธอสูงกว่าฉินหร่าน ด้วยข้อได้เปรียบทางธรรมชาติ เวลาที่เธอมองฉินหร่านจึงมักจะมองต่ำลงมา
แต่ทว่า ณ เวลานี้พอเธอเห็นดวงตาดำขลับของฝ่ายตรงข้าม เธอก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับภูเขาลูกใหญ่
สีหน้าถังชิงก็เปลี่ยนไปมาก
คนส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ใต้สังเวียนล้วนมองไปที่หน้าจอ ร่างทั้งสองสั่นไหว พวกเขาแทบดูไม่ออกเลยว่าฉินหร่านเคลื่อนไหวอย่างไร บนหน้าจอมีเพียงภาพติดตาและเสียงต้านลม “ฟึ่บ”
นี่เป็นเสียงตอนที่ถังชิงตวัดไม้กระบอง
บนสังเวียน ฉินหร่านใช้แรงของไม้ที่ถังชิงถือ สะบัดถังชิงออกไปอย่างง่ายดาย ใช้กลยุทธ์สลับแขกเป็นเจ้าบ้านโดยหาช่องโหว่เพื่อกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ กระแทกไม้ใส่ถังชิงโดยตรงอย่างรุนแรง
ถังชิงเป็นลูกครึ่ง หน้าคม ดวงตาเหมือนท้องทะเล
ฉินหร่านคิดอีกทีก็สลับแรงไปที่ท้องของเธอ
ฉินหร่านเคลื่อนไหวเร็วมากตั้งแต่วินาทีที่แย่งอาวุธจนเริ่มลงมือ ถังชิงไร้ปฏิกิริยาตอบสนองไปโดยสิ้นเชิง
อย่าว่าแต่ปฏิกิริยาตอบสนอง ถังชิงยังไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของฉินหร่านได้อย่างชัดเจนในระยะใกล้เช่นนี้เลยด้วยซ้ำ
เธอรู้สึกเพียงว่าไม้กระบองราวกับมีพลัง ปากและฝ่ามือของเธอสั่นไปหมด ไม้กระบองท่อนนั้นหลุดไปจากมือเธออย่างง่ายดาย
“ปัง!”
ถังชิงถูกกระแทกอย่างแรง ล้มลงกับพื้นเหมือนว่าว
ตอนที่ลงมือ ฉินหร่านผ่อนแรงลงบ้างแล้ว มิฉะนั้นหากไม้ท่อนนี้ตีไปที่ตัวถังชิง ก็ไม่รู้ว่าเธอจะยังมีชีวิตรอดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในไม้กระบองยังมีอีกแรงที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา ฉินหร่านตวัดไปที่ด้านข้างถังชิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไม้กระบองท่อนนี้เธอไม่ได้ยั้งมือ เสียงแตกเป็นเสี่ยงๆ ลอยอยู่ในอากาศ แฝงไปด้วยเสียงบีบรัดของลม
เป็นเสียงแตกร้าวที่ชัดเจนมาก!
ผู้ตัดสินเหลือบมองไปที่มือฉินหร่านที่อยู่บนสังเวียน
คอนกรีตบริเวณรอบๆ แท่งไม้เกือบทั้งหมดแตกร้าว
ไม้กระบองก็เห็นเป็นภาพเบลอเช่นกัน มันยังคงสั่นไม่หยุดเหมือนมีแรงบางส่วนหลงเหลืออยู่
มีรอยแตกระนาบเดียวกับไม้กระบองตัดผ่านสังเวียนอย่างเห็นได้ชัด
สังเวียนเป็นพื้นเรียบ บางคนบนอัฒจันทร์มองไม่เห็น แต่ภาพบนหน้าจอใหญ่กลับถ่ายออกมาได้อย่างชัดเจน
บนสังเวียนมีรอยแตกผ่าขวางอยู่เส้นหนึ่ง
ถ้าไม้กระบองท่อนนี้ตีไปที่คน ตัวคนก็คงจะแยกออกเป็นสองซีกสินะ?
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้คนที่กำลังจดจ้องไปที่หน้าจอใหญ่ต่างก็เงียบไปตามๆ กัน พวกเขามองรอยแตกที่อยู่บนหน้าจอโดยที่ไม่มีใครตอบสนองไปชั่วขณะ
น่า…น่ากลัวเหลือเกิน…
ตอนที่เฉิงมู่กับเจอร์รี่ดวลกันครั้งล่าสุดก็อกสั่นขวัญแขวนเหมือนกัน ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
ทว่าตอนนั้นเฉิงมู่ไม่มีอาวุธ ซึ่งไม่เหมือนฉินหร่านตอนนี้ที่ถึงขนาดแย่งอาวุธมาจากคู่ต่อสู้ ไหนจะพลังในไม้กระบองท่อนนั่นอีก…
ความแข็งแกร่งนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ถึงกับผ่าสังเวียนแตกเลยงั้นหรือ?
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ บนอัฒจันทร์ เพราะแม้แต่ผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ก็ไร้การตอบสนอง
“ผู้…ผู้กองลั่ว…” คนที่นั่งข้างผู้กองลั่วพึมพำ “ฉิน คุณหนูฉินมีพลังหมัดเท่าไหร่กันถึงได้ชกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แบบนั้น?”
ผู้กองลั่วนั่งแถวแรกที่ชิดกับสังเวียน เขาจึงเห็นรอยแตกได้อย่างชัดเจน พอได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า
เขาไม่รู้เลยจริงๆ
หลังจากปล่อยแรงออกมาจากไม้กระบองท่อนนั้นแล้ว ฉินหร่านก็ยืนตัวตรง บนไม้กระบองแทบไม่มีความเสียหายใดๆ เลย เธอโยนไม้แล้วหันไปหาผู้ตัดสินที่อยู่ด้านข้าง เลิกคิ้ว “เสร็จหรือยัง?”
“แน่ แน่นอนครับ” ผู้ตัดสินรีบตอบทันทีที่ได้สติ
“อ้อ” ฉินหร่านโยนไม้กระบองไปตรงๆ
ผู้ตัดสินก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจรอยแตกบนพื้น
เหลือบมองแวบหนึ่งก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว
“การแข่งขันการประเมินครั้งนี้ คุณฉินเป็นผู้ชนะ!” ผู้ตัดสินได้ยินเสียงของเขาเอง
ผลครั้งนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายแม้แต่น้อย
เสียงนี้เหมือนทำลายความสมดุลบางอย่าง เสียงเชียร์บนอัฒจันทร์ยังคงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นจนดังกระหึ่ม!
คนในคฤหาสน์ต่างก็ยกย่องผู้แข็งแกร่ง
ถังชิงก็ทำได้ดี ทำได้ดีมากจริงๆ พูดได้ว่าผู้หญิงอย่างเธอยังเก่งกว่าผู้ชายบางส่วนในคฤหาสน์เสียอีก
อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้นฉินหร่านก็ยังไม่ได้ออกฝีไม้ลายมืออะไร
เธอมักใช้วิธีการเล่นแบบต้อนจนมุม
สุดท้ายยังออมมือให้ถังชิงบนสังเวียน
ผู้คนมากมายต่างก็พากันคาดเดาความแข็งแกร่งของฉินหร่าน พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นว่าทำไมเธอถึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้
ขณะนี้คนรับใช้กำลังทำการซ่อมแซมสังเวียน
เมื่อได้ยินคนใต้สังเวียนพูดคุยกัน เฉิงหั่วกับคนอื่นๆ ก็คิดตามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ : ก็แน่ล่ะสิ พลังหมัด 1321 เกินหนึ่งพันมาได้จะไม่แข็งแกร่งได้ยังไง?
ฉินหร่านหยิบเสื้อคลุมของตัวเองแล้วกลับไปนั่งที่
เฉิงเจวี้ยนยื่นโทรศัพท์ให้เธอ สีหน้ายังคงเหมือนเดิม “เล่นเสร็จแล้ว”
“แพ้หรือชนะ?” ฉินหร่านเปิดโทรศัพท์พลางถามเขาโดยไม่ได้เงยหน้ามอง
เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้ว “ชนะแน่นอน”
ฉินหร่านก้มดูโทรศัพท์เพื่อดูผลเกม
ขณะที่ฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสอง เจียงตงเยี่ยก็แทบจะระเบิด เรื่องที่ควรจะถกกันในตอนนี้ก็ควรจะเป็นผลการท้าดวลไม่ใช่เหรอ? หรือเรื่องที่ทำไมฉินหร่านแข็งแกร่งขนาดนี้?
แต่พวกเขาสองคนกำลังคุยกันเรื่องเกม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ? !
“ทำไมคุณดูไม่ตกใจเลยล่ะ?” เจียงตงเยี่ยมองกู้ซีฉือ
กู้ซีฉือละสายตาแล้วเหลือบมองเจียงตงเยี่ย พูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “คนที่ขยันอย่างสุดชีวิต ความแข็งแกร่งก็ย่อมไม่แย่เกินไป”
เจียงตงเยี่ยฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เฉิงเจวี้ยนกลับเหลือบมองกู้ซีฉืออย่างเงียบๆ
**
บนสังเวียน ในที่สุดถังชิงก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง
เธอลงจากสังเวียนอย่างยากลำบาก เจ้าหน้าที่ให้ยาเธอมาหนึ่งเม็ด เธอถึงได้ค่อยๆ ตอบสนองขึ้นมาแล้ว
ใบหน้าเย็นชาเหลือเพียงความมืดมนที่มีสีเหมือนเขม่าก้นหม้อ
ถังชิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก แม้แต่อาวุธตัวเองก็ยังถูกฉินหร่านแย่งไปได้ แพ้อย่างหมดสภาพ
ไม่มีใครใต้สังเวียนสังเกตเห็นสภาพจนตรอกของเธอ เพราะคนเหล่านั้นล้วนกำลังพูดคุยเรื่องฉินหร่านกันอยู่
เฉิงสุ่ยยังคงออกมาเป็นพิธีกรโดยเรียกชื่อบุคคลต่อไป
ถังชิงสูดหายใจ
เธอเช็ดเลือดที่มุมปากและมองไปทางเฉิงสุ่ย “หน่วยข่าวกรองยังมีการทดสอบประเมินคอมพิวเตอร์ใช่ไหมคะ?”
พอพูดถึงตรงนี้ ถังชิงก็ส่งสายตามองไปทางฉินหร่าน “ฉันเรียนเกี่ยวกับทักษะคอมพิวเตอร์มาตลอด ฉันไม่เคยเรียนด้านศิลปะการต่อสู้มาก่อนจึงไม่เก่งในเรื่องนี้”
ถังชิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะใช้วิธีนี้มากู้หน้าตัวเอง
พูดง่ายๆ ก็คือเธอแพ้ไม่เป็น
เมื่อได้ยินที่เธอพูด เฉิงสุ่ยก็นิ่งไปสักพัก เขานึกว่าตัวเองฟังผิดไป จึงถามอย่างสุภาพอีกครั้ง “งั้น…คุณจะแข่งคอมพิวเตอร์กับคุณฉิน?”
“แลกเปลี่ยนความรู้กันน่ะ” ถังชิงส่ายหน้า สายตายังคงจับจ้องฉินหร่าน “คนของหน่วยข่าวกรองเชิญคุณฉินมาสอนตั้งหลายครั้งแล้ว ฉันเองก็อยากจะเรียนรู้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์จากคุณฉินสักหน่อยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณฉินจะตกลงหรือเปล่า?”
ถังชิงภูมิใจกับทักษะคอมพิวเตอร์ของตัวเองมาตลอด
เฉิงสุ่ยที่ได้ยินถังชิงพูด “…”
เจอร์รี่ที่นั่งบนอัฒจันทร์ฝั่งหน่วยข่าวกรอง “…”
ฉินหร่านเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาท้าทายเธอแบบนี้
เธอที่เพิ่งสวมเสื้อแจ็กเกตขนเป็ด
พอได้ยินที่ถังชิงพูด ก็เงยหน้าขึ้น ไม่ได้มองถังชิงแต่มองไปที่เฉิงเจวี้ยนพลางพูดเบาๆ “ฉันตกลงได้ไหม?”
เฉิงเจวี้ยนที่กำลังเคาะนิ้วกับพนักแขนเก้าอี้ยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ “แน่นอน”
เฉิงหั่วที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกระตุกมุมปาก
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมเฉิงสุ่ยถึงวางชื่อฉินหร่านเป็นคนสุดท้าย เพราะถ้าวางเป็นคนที่หนึ่งก็กลัวว่าจะเกิดการนองเลือด…
แต่ถึงจะเป็นคนสุดท้าย ก็ไม่อาจต้านถังชิงที่ชอบรนหาที่ตายได้
เรื่องมาไกลราวกับหมาป่าหลุดพันธนาการ ไกลจนกู่ไม่กลับ
มีคุณฉินอยู่ในการประเมินประจำปี โดดเด่น…ต่างจากคนอื่นจริงๆ ด้วย
ฉินหร่านที่เพิ่งกลับไปนั่งที่ลุกขึ้นอีกครั้ง เธอเดินไปที่สังเวียนอย่างใจเย็นและยังทักทายเฉิงสุ่ยอย่างร่าเริง “คุณเฉิงสุ่ย เจอกันอีกแล้วนะ”
เฉิงสุ่ย “…”
ไม่ ผมไม่อยากเจอคุณบนนี้อีกแล้ว!
เฉิงสุ่ยกระตุกมุมปากและเรียกคุณฉิน
จากนั้นก็เหลือบมองถังชิงพร้อมกับสั่งให้คนเตรียมคอมพิวเตอร์
เดิมทีคอมพิวเตอร์ก็เป็นหนึ่งในรายการการประเมินของหน่วยข่าวกรองอีกหนึ่งรายการ ในที่สุดคอมพิวเตอร์สองเครื่องก็จัดเตรียมเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสามนาที