เธอเปิดเครื่องแปลงเสียงขณะสวมหูฟัง
เธอใช้หูฟังนี้กับพวกฉังหนิงในตอนแรกเท่านั้น
ต่อมาหลังจากเปิดเผยกับพวกฉังหนิงแล้ว เธอก็ไม่ได้ใช้เครื่องแปลงเสียงอีกเลย เสียงของเครื่องไม่ได้ต่างอะไรกับเสียงเครื่องทั่วไปตามท้องตลาด มันเป็นเสียงไร้อารมณ์
แต่ไหนแต่ไรมาแมทธิวมักจะพูดตรงไปตรงมาอยู่เสมอ เสียงของเขาเรียบแต่มีพลัง “ที่ฉันคุยกับเธอคราวก่อน คิดไว้แล้วหรือยัง?”
“ไม่จำเป็นต้องคิด” ฉินหร่านเปิดหน้าต่างมองออกไปด้านนอก
แมทธิวชะงักไปสักพัก “ร่วมมือกับพวกเราก็ไม่เห็นว่าไม่ดีตรงไหน ทั่วทั้งโลกนี้เธอจะไปไหนก็ได้รวมถึงรัฐM”
“ไม่มีพวกคุณฉันก็ไปได้ คุณจะมาจับฉันเมื่อไหร่?” ฉินหร่านพูดเรียบๆ เครื่องแปลงเสียงมีเสียงไฟฟ้าสถิตแทรก ทำให้แมทธิวปวดหูเล็กน้อย
เธอยังพูดอย่างตรงไปตรงมา
แมทธิวหมดหนทางที่จะตอบโต้
“คุณจะให้ฉันทำอะไรอีก?” ฉินหร่านก้มหน้า นอกหน้าต่างไม่ได้มืดอย่างที่เธอคิด ใต้ไฟดวงใหญ่ที่ยังคงเปิดอยู่มีกลุ่มคนสัญจรไปมา
“ช่วยดูสำนักงานใหญ่หน่อย” แมทธิวที่อยู่อีกด้านขมวดคิ้ว “เมื่อกี้มีคนเข้าใช้ระบบของเรา”
ฉินหร่านเลิกคิ้ว “ยังมีคนกล้าจู่โจมสำนักงานใหญ่พวกคุณอีกเหรอ?”
หรือเร่งให้แมทธิวส่งหลักฐานอาชญากรรม?
ข้างนอกมีเสียงฝีเท้าเบาๆ ฉินหร่านเดาว่าน่าจะเป็นพวกเฉิงเจวี้ยนกลับมา เธอจึงตัดสายแมทธิว
**
ในเวลาเดียว
ทางด้านแมทธิว เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
เขาดูอายุราวๆ สามสิบปี เบ้าตาลึก มีเคราอยู่บริเวณคาง กรอบหน้าคมชัด ดวงตาเป็นสีน้ำตาลสนิท
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายตัดสายเขา
เขาไม่แปลกใจเลย
โลกภายนอกต่างคาดเดากันว่ามีแฮ็กเกอร์ลึกลับและเก่งกาจคอยช่วยอยู่เบื้องหลังแมทธิวในช่วงตลอดสองปีที่ผ่านมา
บางคนเดาว่าเป็นQ แต่อีกฝ่ายมักจะทำตัวเป็นดอกถานฮวาชั่วข้ามคืน มาๆ หายๆ และไม่ปรากฏตัวในเวลาต่อมา เรื่องนี้แทบจะกลายเป็นปริศนาที่ไร้ทางแก้
แมทธิวยังคงรักษาความสงบอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตาม การคาดเดาของคนส่วนใหญ่จากโลกภายนอกนั้นก็ถูกต้องแล้ว
ความเก่งกาจของแฮ็กเกอร์ที่อยู่เบื้องหลังเขาล้วนเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน ในรายชื่อคนอื่นอีกหลายคนก็พบเบาะแส แต่มีเพียงQเท่านั้นที่จมอยู่ใต้น้ำ
แม้กู้ซีฉือจะเคยถามแมทธิว แต่แมทธิวก็ไม่ตอบ ที่แน่ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังเขาก็คือQนั่นเอง แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมQถึงตามหาตัวเองเมื่อหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา
เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองมีอะไรที่Qต้องการ
อย่างไรก็ตาม Qเป็นคนที่มีหลักการมาก โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย แค่ช่วยแมทธิวค้นหาบันทึกอาชญากรรมบางอย่างเท่านั้น
ยิ่งใช้ก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีประโยชน์มาก
แมทธิวเริ่มคิดที่จะหลอกอีกฝ่ายให้ไปที่สำนักงานใหญ่ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ
พอคิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ
“นี่เป็นบันทึกการค้าขายล่าสุดของตระกูลมาส” มีคนผลักประตูกระจกมาจากข้างนอก ส่งเอกสารให้แมทธิวอย่างกระฉับกระเฉง
แมทธิวพักเรื่องQไว้ชั่วคราว เขารับมาอ่านดูคร่าวๆ แล้ววางลงอีกฝั่ง
ยกกาแฟที่วางอยู่อีกด้านขึ้นมาจิบ
ลูกน้องข้างๆ เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง “เมื่อสักครู่นี้คุณกู้โทรมาบอกว่าต้องการรายชื่อจากคุณ เขาบอกว่าโทรหาคุณแล้วแต่โทรไม่ติด”
เมื่อกี้แมทธิวกำลังคุยกับฉินหร่านอยู่ โทรไม่ติดก็ไม่แปลก เขาพยักหน้า “ต้องการรายชื่ออะไร ยังมีคนตามหาเขาด้วยเหรอ?”
เมื่อได้ยินที่แมทธิวพูด มือของเขาก็ชะงักเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “ไม่ครับ เขาต้องการรายชื่อบุคคลที่แปลกมาก”
แมทธิวพิงพนักเก้าอี้พลางแกว่งแก้วกาแฟที่อยู่ในมือ “รายชื่ออะไร?”
“รายชื่อคนที่เก่งกาจเหมือนคุณ” ลูกน้องลดเสียงลงเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ
แมทธิวเลิกคิ้ว “นี่เขาจะทำอะไร?”
กู้ซีฉือเป็นที่รู้จักมากในรัฐM เนื่องจากเขามักจะเดินทางไปในพื้นที่อันตรายและช่วยเหลือผู้คนมากมายจนมีชื่อเสียง
ไม่มีใครไม่ให้เกียรติหมอที่เดินทางมายังรัฐM โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอที่สามารถดึงพวกเขาออกมาจากขุมนรก
ดังนั้น เมื่อได้ยินกู้ซีฉือต้องการรายชื่อนี้ แมทธิวจึงค่อนข้างประหลาดใจ
“เขาไม่ได้บอกครับ” ลูกน้องส่ายหน้า
คนที่อยู่ในรายชื่อนี้ล้วนเป็นบอสใหญ่ในรัฐM ซึ่งมีบางคนในรายชื่อรู้จักกับกู้ซีฉือ แมทธิวจึงไม่ได้ให้ไปแค่รายชื่อนี้เท่านั้น เขายังเปิดคอมพิวเตอร์รวบรวมข้อมูลให้กู้ซีฉืออีกด้วย
จากนั้นก็เปิดโปรแกรมโซเชียลและคลิกไปที่กล่องแชทของกู้ซีฉือ ทำการจัดส่งข้อมูลให้กู้ซีฉือโดยตรง
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ” เมื่อเห็นแมทธิวยุ่งเสร็จแล้ว ลูกน้องก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เขาเหลือบมองโทรศัพท์เพื่อใช้ข้อความมายืนยัน “เมื่อกี้คนทางตะวันออกเพิ่งบอกมาว่า ตะวันออก…เริ่มก่อความไม่สงบแล้วครับ”
“คนทางตะวันออกจะถอนตัวจากรัฐMแล้วไม่ใช่เหรอ?” แมทธิวลุกขึ้น เขาปวดหัวมากเหลือเกิน “ใกล้จะถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ ? !”
คนกลุ่มนั้นได้แต่ก่อเรื่องไปวันวัน!
**
กู้ซีฉือเอาเอกสารชุดนั้นมาดู
รายชื่อที่แมทธิวส่งให้เขาแน่นอนว่าไม่ใช่รายชื่อธรรมดา ในนั้นยังมีข้อมูลแบบรายละเอียดแนบมาด้วย
กู้ซีฉืออดไม่ได้ที่จะปวดหัวเมื่อดูข้อมูลเหล่านี้
“นายแน่ใจนะว่านายท่านเฉิงท่านนั้นแค่อยากให้ฉันไปดูอาการ?” กู้ซีอฉือวางโทรศัพท์แล้วสบตาเจียงตงเยี่ย
เจียงตงเยี่ยติดตามกู้ซีฉือตั้งแต่เดือนตุลาคมจนมาถึงตอนนี้
เมื่อได้ยินกู้ซีฉือพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหัน เขาก็ไม่สบายใจอยู่หน่อยๆ แต่ก็อธิบายอย่างจริงจัง“ครับ นายท่านเฉิงสุขภาพไม่ค่อยดีมาตลอด”
กู้ซีฉือพยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบตกลงเจียงตงเยี่ยในทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถือโทรศัพท์ไว้ “ฉันจะไปเมืองหลวงกับนายหลังปีใหม่”
ใบหน้าอบอุ่นของเจียงตงเยี่ยดูตกใจเล็กน้อย “พี่กู้ คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม?”
“ครอบครัวนายกับครอบครัวรุ่นพี่เป็นยังไง?” กู้ซีฉือเอนหลังพิงโซฟาแล้วถามอย่างจริงจังว่า “มีหลายคนในเมืองหลวงที่ต้องการจะจับฉัน โดยเฉพาะคนที่มาจากสถาบันวิจัย”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องครอบครัวเรายกเว้นรุ่นพี่ของคุณ” เจียงตงเยี่ยวางแก้วชาลงพลางยิ้ม
กู้ซีฉือมือเท้าคาง ขมวดคิ้วชำเลืองมองเจียงตงเยี่ยอยู่นานก่อนจะผงกหัวฝืดๆ “งั้นก็ได้”
รัฐM…กู้ซีฉือรู้สึกว่าปีนี้อาจจะเป็นปีแห่งความโกลาหล
เขาก้มหน้าดูรายชื่อในโทรศัพท์อีกครั้ง
การปะทะกันของกองกำลังจะทำให้สถานการณ์ในรัฐMเกิดการเปลี่ยนแปลง
แม้กู้ซีฉือจะชอบไปยังสถานที่ที่มีสงคราม แต่เขาก็ประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองได้ ในรัฐMมีบอสใหญ่มากเกินไป เขาไม่อยากคลุกคลีอยู่ในวังวนนี้
**
หลังปีใหม่ กู้ซีฉือตามเจียงตงเยี่ยบินไปเมืองหลวง
ลานบินรัฐM
เมื่อเห็นว่าเครื่องบินของกู้ซีฉือบินไปแล้ว ฉินหร่านก็เอียงหน้ามองมาทางเฉิงเจวี้ยน “ฉันอาจจะต้องอยู่ที่ลานจอดเครื่องบิน พวกคุณมีห้องสตูดิโอเดี่ยวอยู่ที่นี่ไหม?”
ตอนที่มาลานจอดเครื่องบินกับคนของหน่วยจัดซื้อครั้งที่แล้ว ฉินหร่านดูออกว่าเทคโนโลยีโดยรวมที่ลานจอดเครื่องบินดีกว่าที่คฤหาสน์
เธอทิ้งงานของอวิ๋นกวงกรุ๊ปมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว และหุ่นยนต์รุ่นEAก็เพิ่งจะมีแค่สามตัว
เฉิงเจวี้ยนหรี่ตาลง ลานจอดเครื่องบินเป็นอิสระจากรัฐM ไม่ได้อยู่ในใจกลางความวุ่นวาย
เขาละสายตาแล้วพูดเบาๆ “มี ฉันจะพาเธอไป”
ฉินหร่านก็เคยมาที่นี่แล้ว เฉิงเจวี้ยนจึงไม่ได้แนะนำเธออีก แต่พาเธอเดินตรงไปยังอาคารใหญ่ที่ฉินหร่านเคยมาตอนนั้น
วันนี้ประตูใหญ่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบรูม่านตา มันเปิดได้โดยตรง
วันนี้เฉิงเจวี้ยนแค่มาส่งกู้ซีฉือกับเจียงตงเยี่ย เขาไม่มีแพลนจะอยู่ที่นี่
ตอนที่เขาปรากฏที่อาคารหลังใหญ่กะทันหัน
ฮอลล์ที่สวมเสื้อโค้ตทหารและหมวกสักหลาดก็รีบวิ่งออกมาข้างนอก “นายท่าน”
รอยแผลเป็นบนสันคิ้วขยับ ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“จัดเตรียมชั้นสี่ให้เรียบร้อย ช่วงนี้คุณฉินจะพักอยู่ที่นี่ สั่งให้พนักงานชั้นสี่ทั้งหมดเปลี่ยนที่ทำงาน” เฉิงเจวี้ยนถอดเสื้อนอกพลางมองไปทางฉินหร่าน จากนั้นกดเสียงลงและบอกฮอลล์
ฮอลล์เป็นนายพลใหญ่ของเฉิงเจวี้ยน ปกติเขาจะเฝ้าประจำการอยู่ที่ลานจอดเครื่องบิน
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ครับ นายท่าน”
ฮอลล์เป็นคนแข็งขันอยู่เสมอ เมื่อได้รับคำสั่งจากเฉิงเจวี้ยน เขาก็สั่งให้คนไปเก็บกวาดชั้นสี่
“คุณฮอลล์ จะให้คนชั้นสี่มาอยู่ชั้นหนึ่งชั่วคราวหรือครับ?” ตอนที่ลูกน้องทำการเก็บกวาดของบนชั้นสี่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นกับฮอลล์เบาๆ “คุณฉินนั่นจะพักอยู่ที่นี่นานแค่ไหน?”
ฮอลล์เองก็ขมวดคิ้ว เขาเกลียดผู้หญิงเจ้าปัญหามาก คราวก่อนตอนที่หัวหน้าโจวมาเอาของแล้วจะเดินทางออกไป ยังยืมกำลังคนของเขาไปคุ้มครองคุณฉินคนนี้ตั้งหลายคน นี่จึงทำให้ฮอลล์รู้สึกไม่ดีกับเธอ
เขตลานจอดเครื่องบิน เส้นเหมืองแร่ คฤหาสน์ และยังที่ที่เฉิงถู่อยู่ ทั้งสี่ที่นี้เป็นอิสระจากรัฐM
ฮอลล์กำลังยุ่งอยู่กับการเฝ้าระวังจุดยุทธศาสตร์ฝั่งนี้แทบทุกวัน การลาดตระเวนพื้นที่การค้าคือสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุด
แต่ตอนนี้เฉิงเจวี้ยนกลับยัดสาวน้อยบอบบางไว้ที่นี่…
ฮอลล์รู้สึกว่ามันยุ่งยากเสียจริงๆ
“ไม่รู้” เขาส่ายหน้าพลางมองร่างฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนที่อยู่ไม่ไกล ขมวดคิ้ว “หวังว่าเธอเที่ยวเล่นเสร็จแล้วจะรีบกลับไป”
**
ในเวลาเดียวกัน
อวิ๋นเฉิงเป็นเวลากลางคืนพอดี
ฉินอวี่เพิ่งจะกลับมาหลังจากอยู่ฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง ตระกูลหลินที่ไม่ได้รวมตัวกันก็ได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
น้อยมากที่จะได้เห็นภาพฉินอวี่นั่งอยู่ข้างนายท่านหลิน
ส่วนหนิงฉิงนั่งอยู่ข้างหลินจิ่นเซวียน ตำแหน่งสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
“แม่ แม่ไม่ได้รับพี่มาฉลองปีใหม่ด้วยเหรอ?” ฉินอวี่วางแก้วไวน์ลงพลางมองหนิงฉิง “ทำไมฉันไม่เจอเธอเลยล่ะ โทรไปก็ไม่ติด”
พอพูดถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มหนิงฉิงก็หดลงเล็กน้อย
เมิ่งซินหรานอยู่กับตระกูลหลินมาตลอดไม่ไปไหน โดยเฉพาะหลังจากที่เธอมาอวิ๋นเฉิง ตระกูลเมิ่งก็พบเจอกับอุปสรรคมากมายอยู่ที่เมืองหลวง ไม่รู้ว่าทำไมกิจการของตระกูลเมิ่งถึงได้เล็กลงเกือบสองถึงสามเท่า ช่วงปีใหม่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น เมิ่งซินหรานจึงอยู่ตระกูลหลิน ไม่กลับเมืองหลวง
ด้วยเหตุนี้ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของเธอจึงดูหม่นหมองเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี่ หนิงฉิงบอกไปตรงๆ “พี่สาวลูกน่ะ เธอพักการเรียน ได้ยินว่าจนถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
พอฉินอวี่ได้ยินก็มองไปทางหลินจิ่นเซวียน ใช้ผ้าเช็ดปาก “พี่พักการเรียนอีกแล้วเหรอ เหลืออีกแค่ปีเดียวเอง งั้นสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะทำยังไง?”