ตอนที่ลู่จ้าวอิ่งกดๆ คอมพิวเตอร์ เด็กสาวพาร์ตไทม์จ้องไปที่หน้าเพจคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลเต็มไปหมด มันไม่ได้พัง แต่ถูกใครบางคนแฮกอยู่
วิธีการแฮกที่ใช้อยู่ในระดับสูงมากและมีเพียงคนที่เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะมองออก
มีบางคนกำลังแฮกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไฟร์วอลของเฉิงเจวี้ยนถูกออกแบบมาด้วยบุคคลที่ไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นอีกฝ่ายจึงต้องใช้เวลานานพอควรที่จะเจาะเข้ามา
การไปหาอาจารย์ใหญ่สวีอาจทำให้เรื่องช้าไม่ทันการณ์ นอกจากนี้ชายชราอาจไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรด้วย
ผู้ช่วยหนุ่มร้อนใจเต็มที่ จึงรีบถือคอมพิวเตอร์แล้วบึ่งออกไปข้างนอก โดยที่ไม่ได้แตะอาหารบนโต๊ะสักนิด
ฉินหร่านคิดใคร่ควรอยู่ครู่หนึ่ง จึงยั้งปากไว้
เป็นหมอหนุ่มหน้าหล่อที่พับแขนเสื้อขึ้น แล้วนั่งลงทานอาหารเย็น คิ้วคู่นั้นดูอ่อนโยนตอนที่ถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “อยากกินด้วยกันไหม”
อีกฝ่ายส่ายหน้า เธอดูมีปัญหาและเหม่อลอยตอนที่สวมเสื้อโค้ต แล้วเดินออกไป
ด้านหลังของสาวน้อย ชายหนุ่มที่กินข้าวมองดูเธอด้วยใบหน้ามุ่ยเล็กน้อย เขาค่อยๆ ยกก้างปลาจากมือขึ้น
พอออกจากห้องพยาบาลโรงเรียนปุ๊ป โทรศัพท์เธอก็ดังขึ้นทันที
เป็นป้าของฉินหร่านที่โทรมา น้ำเสียงปลายสายทำให้เด็กสาวยิ้มออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความสุขมาก “หร่านหร่าน แม่และน้องของหลานกำลังจะมาทานข้าวเย็นที่บ้านน้าคืนนี้ หลานเองก็ควรมาจอยกัน”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปตอนกลางคืน อาจจะช้านิดหน่อยนะคะ เพราะฉะนั้น กินก่อนได้เลยไม่ต้องรอ” เด็กน้อยหน้าสวยพูด แล้วรีบหันหลังเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
อาจช้าเกินไปที่จะรอให้ลู่จ้าวอิ่งเจออาจารย์ใหญ่ เขากังวลใจมาก และคนที่ชายชราจะหามาให้อาจจะเป็นแค่คนที่เรียนจบสาขาคอมพิวเตอร์มาเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้น กว่าคนที่จะมาช่วยรู้ว่าคอมพิวเตอร์โดนแฮก ข้อมูลคงรั่วไหลไปเรียบร้อยแล้ว
เธอเองไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ก็นึกขึ้นมาได้เรื่องคำสั่งงานของเฉิงเจวี้ยน…
เด็กสาวรีบเดินไปยังหอพัก ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ เธอจึงหยิบคอมพิวเตอร์ออกมา นั่งอยู่บนโต๊ะ แล้วเริ่มกดคีย์บอร์ดเพื่อแก้ไขสถานการณ์
หน้าจอเดสก์ท็อปยังคงดูโล่ง แต่วันนี้พื้นหลังไม่ได้เป็นรูปทะเลทรายอีกต่อไป มันเป็นรูปมหาสมุทรแทน และยังคงไม่มีไอคอนอื่นๆ ปรากฏให้เห็น
คอมพิวเตอร์ของหมอหนุ่มเชื่อมโยงกับเครือข่ายส่วนตัวในห้องพยาบาลโรงเรียน
เพราะฉะนั้นการหาไอพี แอดเดรสจึงทำได้ง่ายดาย หน้าจอครึ่งหนึ่งของคอมพิวเตอร์ฉินหร่านเต็มไปด้วยตัวเลขที่เด้งสลับกันไปมา ระหว่างเลขศูนย์และเลขหนึ่ง
ความเร็วที่แสดงวิ่งเร็วมาก ในสถานการณ์ปกติ แม้แต่คอมพิวเตอร์ที่ความเร็วสูงขนาดนี้คงต้องเริ่มอืดไปแล้ว แต่คอมพิวเตอร์ของเด็กสาวดูจะไม่ได้รับผลกระทบ และยังคงไวอยู่
หอพักเริ่มมีเสียงเปิดประตู และเสียงผู้คนที่พูดขึ้นกันดังขึ้น
มันเสียงดังมาก
“หมิงเย่ว์ รอฉันก่อน เดี๋ยวขอไปหยิบกล่องนมแป๊ป” ข้างนอกห้องนอน หลินซือหรานกำลังรีบวิ่งเข้ามาในห้องเพื่อจะได้ไม่ให้เพื่อนอีกคนต้องรอ
มีบางคนอยู่หลังประตู กรรมการสาวต้องประหลาดใจเมื่อเธอผลักประตูเปิดออก “ฉินหร่าน ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนอนล่ะ”
พานหมิงเย่ว์ที่รออยู่หลังเพื่อนสาวได้ยินเสียงที่เพื่อนพูด จึงมองเข้ามาทางเด็กสาวอีกคน
เด็กหน้าสวยใกล้จะแก้ปัญหาเสร็จแล้ว
เธอจึงตัดกลับมาที่หน้าเกมโดยที่สีหน้ายังคงปกติ ตอนที่เพื่อนอีกสองคนเข้ามา
หลินซือหรานหยิบนมสามกล่องที่อยู่บนโต๊ะ แล้วยื่นกล่องหนึ่งมาให้เพื่อนร่วมโต๊ะ อีกกล่องยื่นให้เพื่อนใหม่ที่เพิ่งเข้ากลุ่ม แล้วเดินมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “อ้อ หร่านหร่าน เธอเล่นเกมนี้ด้วย เพื่อนห้องเราหลายคนก็เล่น ปีก่อน เฉียวเซิงโดดเรียนเพื่อไปร้านเน็ตเพื่อแข่งเกมนี้โดยเฉพาะเลย จนผู้อาวุโสเกาต้องสั่งลงโทษเขาด้วยการให้ทำความสะอาดห้องน้ำไปหนึ่งสัปดาห์แน่ะ”
ผู้อาวุโสเกาก็คือ ครูประจำชั้นของพวกเขาเอง อาจารย์เกาหยาง
เด็กสาวที่ใช้คอมพิวเตอร์ตอบ “อืม” แล้วตั้งใจเพ่งหน้าจอ มือเธอขยับอย่างว่องไวเฉียบคม
หลินซือหรานไม่ได้เข้าใจเกมนี้ดีนัก แต่พอมองไปที่เพื่อนของเธอแล้ว เธอรู้สึกว่าเกมนี้ง่ายมาก ทำไมคนในห้องถึงอธิบายเหมือนกับเกมมันยากขนาดนั้นกัน
เด็กสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน เจาะหลอดใส่กล่องนม แล้วดื่มอึกเล็กๆ “เธอจะไปรับการบ้านที่ห้องพักอาจารย์เกาด้วยกันไหม”
พานหมิงเย่ว์กระซิบ
หลินซือหรานนึกได้ จึงเด้งตัวทันที “เกือบลืมแล้ว ฉินหร่าน เจอกันนะ”
แล้วกรรมการสาวก็ลากเพื่อนอีกคนออกไป
พร้อมปิดประตูห้องนอนให้
ฉินหร่านรีบออกจากหน้าเกมทันที
เธอเปลี่ยนกลับไปที่หน้าแรก แก้ปัญหาจนเสร็จ จากนั้นก็เก็บมันลง เพื่อเตรียมพร้อมไปที่บ้านป้าของเธอ
**
ในเวลาเดียวกัน ที่มุมเล็กๆ ในประเทศ
ม่านในห้องถูกชักให้เปิดออก ภายในห้องมืดมาก มีเพียงแสงไฟฟลูออเรสเซนต์จากคอมพิวเตอร์ฉายออกมา และมีท่าทีประหลาดปรากฏอยู่ในใบหน้าของคนนั้น
ผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นคือ หลัวไซฮู่ เขามีใบหน้ากลม หุ่นท้วมเล็กน้อย และสวมแว่นตา โครงหน้าชายผู้นี้ลึกคล้ายกับเป็นลูกครึ่ง มือนั้นเคลื่อนที่อย่างว่องไว
ติ๊ดดด
จู่ๆ คอมพิวเตอร์ก็ดับไป ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด
“เชี้ยไรวะ” ชายที่ดูอยู่ด้านหลังอีกคนมีแผลเป็นบนใบหน้า และเมื่อเปิดปากพูด เขาดูเหมือนตะขาบที่ลำตัวหงิกงอ ส่อแววความเ**้ยมเกรียม ชายคนนี้ตัวสูง กว้าง แววปีศาจร้ายปรากฏให้เห็นชัดเจน ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมืดมนที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน
“การเจาะข้อมูลฉันถูกใครบางคนหยุด” ชายอีกคนถูหนวดด้วยความฉงน
ชายที่มีรอยแผลเป็นขมวดคิ้ว มีเพียงไม่กี่คนที่จะหยุดการแฮกเขาได้ “พวกระดับบนของฮัวเหมิงมีเอี่ยวเรื่องนี้หรือเปล่า”
“พวกฮัวเหมิงมีสัญลักษณ์เฉพาะแก๊ง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกมัน” หลัวไซฮู่ส่ายหัว
อีกคนเริ่มเดือด “แล้วจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่พวกมัน”
คนที่พูดก่อนหน้านี้เอาแต่ส่ายหัว
**
ตอนที่ฉินหร่านมาถึงบ้านคุณป้า แม่และน้องสาวของเธอมาถึงก่อนนานแล้ว อาหารถูกวางบนโต๊ะเรียบร้อย และพวกนั้นกำลังกินข้าวกันอยู่
มู่หนานเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องมาถึง จึงได้วางถ้วยและตะเกียบของตัวเองลง แล้วหันไปเลื่อนเก้าอี้ให้เธอเงียบๆ
หนิงฉิงรอคอยด้วยอารมณ์ใจร้อน แต่ไม่ได้ชำเลืองไปหาสมาชิกที่เพิ่งมาถึง “ก็เลิกเรียนพร้อมน้อง ทำไมแกถึงมาสายนัก”
เด็กสาวที่เพิ่งมาถึงแขวนเป้ไว้ด้านหลังเก้าอี้ ทักทายหนิงเว่ยแล้วนั่งลง คำตอบกระชับที่ให้มาฟังดูเหนื่อยหน่าย “หนูยุ่ง”
“แก…” คุณนายหลินใช้มือบีบตะเกียบไว้แน่น
ฉินอวี่รีบตักผักใส่จานผู้เป็นแม่ “แม่คะ แม่ชอบกินนี่ไม้ใช่เหรอคะ พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นสักหน่อย จริงไหมคะ”
เด็กสาวคนโปรดหันหน้าไปมองพี่สาว แล้วโปรยยิ้มหวาน
“เด็กดี” หนิงฉิงยิ้ม แล้วเอื้อมมือไปหยิบถ้วยของลูกคนเล็ก จากนั้นก็ตักน้ำซุปให้ “ป้าลูกทำซุปอร่อยมาก ลองดูสิจ๊ะ”
เธอมักจะพูดกับลูกคนเล็กด้วยถ้อยคำอ่อนหวานเสมอ และไม่กล้าจะดุลูกคนนี้มาก
เพราะลูกสาวคนเล็กโดดเด่นไปเสียทุกเรื่อง นอกจากนี้ หลินจิ่นเซวียน หลินหว่าน และหลินฉีต่างให้ค่ากับเด็กน้อยคนนี้ ต้องขอบคุณฉินอวี่ที่ทำให้เธอมีที่ยืนในตระกูลหลินได้อย่างมั่นคง
คุณนายตระกูลหลินใช้ชีวิตมามากพอจนรู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร และอะไรเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง
นอกจากนี้ หากไม่พูดถึงตระกูลหลิน ด้วยความก้าวหน้าแบบนี้ของฉินอวี่แล้ว อนาคตไม่มีวันเลวร้ายแน่นอน
“อร่อยจริงด้วยค่ะ” ลูกสาวขี้อ้อนยิ้ม
ผู้เป็นแม่จึงตักซุปเพิ่มให้เด็กน้อย “ใช่จ้ะ ป้าหนูทำอาหารเก่งมาก หากอยากดื่มอีก แม่จะให้ป้าเคี่ยวให้”
หนิงฉิงเอาแต่พูดกับลูกสาวคนเล็ก โดยไม่ใส่ใจลูกสาวอีกคน
เด็กสาวที่ได้รับการเอาใจคลี่ยิ้ม เธอหันหน้าไปยักคิ้วให้พี่สาวแบบเนียนๆ
สีหน้าของผู้เป็นพี่ยังคงเรียบเฉย และไม่ได้พูดอะไร เด็กสาวคนโตยังคงเคี้ยงกระดูกหมูช้าๆ ตอนที่เธอยังเล็ก เพื่อนบ้านมักซื้อหนังสือมาให้เยอะแยะ ฉินหร่านต้องห้ามน้องไม่ให้มาแย่งหนังสือไป จนน้องต้องร้องไห้
พอโตขึ้นอีก เรื่องกลายเป็นว่าพี่สาวแย่งของของน้องไป พวกผู้ใหญ่ต่างเกลี้ยกล่อมว่าให้ยอมฉินอวี่ไป เพราะน้องยังเล็ก หลังจากเกิดเรื่องสองสามครั้ง ทั้งพ่อและแม่ก็หมดความอดทนกับลูกคนโต
เพื่อนบ้านพูดอยู่เสมอว่าฉินหร่านฉลาดกว่าน้องสาว และนับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่แปลว่าฉินอวี่โง่หรือเปล่า? ไม่เลย
หลังจากนั้น ตอนที่น้องเล็กโตขึ้น เธอก็เรียนรู้ว่า เด็กที่ร้องไห้ชนะเสมอ
หนิงเว่ยหยิบซี่โครงหมูให้หลานคนโตเพิ่ม มู่หยิงที่นั่งอยู่ข้างผู้เป็นแม่ ในที่สุดก็หาจังหวะพูดขึ้นมาได้ “พี่รอง อีกไม่นาน หนูกำลังจะไปเรียนที่โรงเรียนอี่จงค่ะ ได้ยินแม่บอกมาว่า พี่เรียนอยู่ห้องคิง แสดงว่าผลการเรียนพี่ต้องดีมากแน่ๆ พี่อยากเรียนต่อที่ไหนเหรอคะ”
“พี่เขาอยากเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งน่ะจ้ะ” ก่อนที่ฉินอวี่จะตอบ ผู้เป็นแม่ชิงตอบด้วยน้ำเสียงระรื่น “พี่เขาอยากเข้ามหา’ลัยเดียวกับพี่ชายน่ะ”
มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ นักเรียนมัธยมปลายแทบทุกคนใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียน และในแต่ละปี มีนักเรียนจากอวิ๋นเฉิงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับเข้าเรียนต่อที่นั่น
แววตาของผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องแสดงความอิจฉา “พี่รองสุดยอดไปเลยค่ะ”
เด็กสาวคนเก่งทานอะไรไม่ลงนัก บ้านของป้าเธอแคบและรกรุงรัง ข้าวของดูสกปรก นอกจากทานซุปไปสองสามคำแล้ว ฉินอวี่ไม่ได้ยกตะเกียบคีบอะไรเลย
พอได้ยินคำถามนี้ เธอมองไปทางพี่สาวด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มๆ “อย่ามัวแต่พูดถึงพี่เลยจ้ะ พี่สาวพี่ก็อยู่มอหกเหมือนกัน ว่าแต่ พี่คะ พี่อยากเรียนต่อที่ไหนเหรอคะ”