“อีกสองวันจะคัดเลือกนักเรียนในโรงเรียน พวกคุณสองคนอยากไปไหม” เพื่อนร่วมห้องผมสั้นที่นั่งคั่นกลางฉินอวี่นึกถึงสมาพันธ์นักเรียนของโรงเรียน อยากลองดู
เพื่อนร่วมห้องอีกคนส่ายหัว “ฉันก็อยาก แต่ข้อแรกฉันไม่ใช่สี่คณะหลักของมหาวิทยาลัย สองมันดูไม่ดี พวกเขาไม่ต้องการฉันแน่นอน แต่ฉินอวี่ไปได้ชัวร์ ฉินอวี่ จากนี้ไปเธออาจเป็นแม่พระประจำห้องของพวกเรานะ!”
สมาพันธ์นักศึกษาของมหาวิทยาลัย เปรียบเสมือนองค์กรอิสระของโรงเรียน ที่มีสิทธิ์ในการพูดอย่างเป็นธรรม
“ถูกต้อง ฉินอวี่เธอสวยขนาดนี้ ต้องเข้าได้แน่นอน” เพื่อนร่วมห้องผมสั้นจับเข้าที่คาง มองฉินอวี่
การคัดเลือกคนของสมาพันธ์นักเรียนไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากมาย หน้าตาดีหรือชำนาญการสื่อสารรวมถึงถ้ามีทักษะอื่นๆ โดยพื้นฐานแล้วล้วนแต่ถูกเลือก
ฉินอวี่ชะงักลง เธอพูดน้ำเสียงไม่อะไร “สี่คณะหลักของมหาวิทยาลัย?”
เธอมาเมืองหลวงนานขนาดนี้ รู้สึกมาตลอดว่าตัวเองสามารถเข้ารัฐ M ได้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจเรื่องของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเลย เพื่อนร่วมห้องพูดขึ้น เธอเพิ่งแปลกใจได้ขนาดนี้
“ยี่สิบกว่าแผนกทั้งเล็กใหญ่ของมหาวิทยาลัยพวกเรา มีเพียงสี่คณะที่เก่งกาจที่สุดของทั้งโรงเรียน ภาควิชานิติศาสตร์ ภาควิชาฟิสิกส์ ภาควิชาแพทยศาสตร์ ภาควิชาคณิตศาสตร์ เรียกว่าเป็นสี่คณะหลักของมหาวิทยาลัย นักเรียนของสี่คณะหลักของมหาวิทยาลัยล้วนแต่สุดยอดมาก ฉันก็อยากเรียนนิติศาสตร์ น่าเสียดายที่คะแนนฉันไม่พอจึงสามารถกรอกได้ กรอกได้แค่ภาควิชาเศรษฐศาสตร์” หญิงสาวผมสั้นพิงพนักเก้าอี้ พูดพลางส่ายหน้า
แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้รู้จักสี่คณะหลักของมหาวิทยาลัยมากพอ
ฉินอวี่ละสายตากลับมาพิจารณา มองเห็นหน้าฟีดเปิดไว้ จึงเอื้อมมือไปปิดมัน…
แต่เมื่อเห็นเนื้อหาที่แสดงอยู่หน้าจอ มือของเธอก็ชะงักลง
ข่าวของมู่เสี่ยวอวี๋อวี๋นั้นง่ายมาก ส่งแบบร่างโน้ตเพลงเปรียบเทียบมาสองชุด และนำวิดีโอของเว็บไซต์ทางการของสมาคมเมืองหลวงให้ฉินอวี่ดู…
[รุ่นพี่ฉินอวี่ โน้ตเพลงของคนนี้คล้ายกับของคุณมาก]
ฉินอวี่หรี่ตา เธอหยิบหูฟังมา และเปิดวิดีโอที่มู่เสี่ยวอวี๋อวี๋ส่งมาให้ดู ทันใดนั้นก็เห็นว่าเป็นวิดีโอนิทรรศการงานแข่งขันล่าสุดของฉินหร่าน
เธอไม่ได้ตั้งใจฟังวิดีโอนิทรรศการงานแข่งขันของฉินหร่าน แต่ถึงอย่างไรเมื่อได้ยินว่าเป็นเพลงการแสดงของฉินหร่าน เธอก็ถึงกับเลือดหยุดเดิน
ตอนที่ฟังทุกอย่างหมดแล้ว ใจของฉินอวี่วุ่นวายไปรอบๆ อย่างกะทันหัน แทบจะกระโดดออกมาข้างนอก
มือที่จับหูฟังสั่นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำพูดเมื่อปีที่แล้วของอาจารย์เว่ย ‘ลอกเลียนแบบ’ …
โน้ตแผ่นนั้นเธอเก็บมาจากบ้านตระกูลหลิน และยังเป็นของที่หล่นมาจากกระเป๋าเดินทางของเฉินซูหลาน ตอนนี้มันตรงกับโน้ตเพลงของฉินหร่าน ทุกอย่างมันตรงกันเกินไป…
ฉินอวี่แทบจะแยกแยะออกแล้ว…
ความคิดที่น่าเหลือเชื่อผุดขึ้นในใจ…โน้ตเพลงแผ่นนั้นอาจเป็นของฉินหร่าน!
เธอปิดหน้าแชทส่วนตัวของมู่เสี่ยวอวี๋อวี๋ลง นั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองอย่างงุนงง แม้กระทั่งสมาพันธ์นักศึกษาและสี่คณะหลักของมหาวิทยาลัยที่เพื่อนร่วมห้องเธอพูดอยู่เธอก็ไม่ได้มีความคิดที่จะสนใจแล้ว
ไม่สิ…ฉินอวี่พิงพนักเก้าอี้ และนึกอะไรบางอย่างได้ ต้นฉบับของโน้ตเพลงแผ่นนั้น…อยู่ในมือของเธอ
**
ในขณะเดียวกัน
บ้านฉังหนิง
ธุลีมังกรหยิบเบียร์เย็นขวดหนึ่งออกมาจากตู้เย็น ปากเอาแต่พูดคุยกับฉังหนิงไม่หยุดหย่อน พลางวิดีโอคอลหาจระเข้ยักษ์
วิดีโอดังไม่นานจระเข้ยักษ์จึงรับสาย ถามอย่างตรงไปตรงมา “มีอะไร”
เห็นพื้นหลังของเขาที่ฝั่งนั้นเป็นสีมืด จนแทบมองใบหน้าไม่ชัด น่าจะอยู่ที่ด้านนอก
“ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ว่าทำไมคุณไม่อยากรู้เรื่องของหมาป่าเดียวดายเลยสักนิด” ธุลีมังกรดื่มเบียร์หนึ่งอึก พูดอย่างเงื่อนงำ
“แน่นอนว่าฉันอยากรู้เรื่องของลูกพี่ใหญ่” จระเข้ยักษ์งับบุหรี่เข้าปาก น้ำเสียงนิ่ง แต่คิ้วกลับขมวดเข้าหากัน “ช่วงสองวันนี้มีเรื่องนิดหน่อย”
“เจอปัญหาเหรอ” ธุลีมังกรดื่มเบียร์จนหมด บีบกระป๋อง แล้วโยนลงถังขยะ “บอกฉันสิ ปัญหาอะไร”
ตอนแรกจระเข้ยักษ์ซาบซึ้งใจยิ่งนัก คิดจะตอบไป ธุลีมังกรก็พูดขึ้น “พอพูดมาแล้วทำให้ฉันมีความสุข”
“อย่าใส่ใจเขา” ฉังหนิงยื่นมือไปหยิบเอาโทรศัพท์ของธุลีมังกร “ช่วงนี้ชายแดนไม่ค่อยสงบงั้นเหรอ”
“ประมาณนั้น” ฝั่งทางด้านจระเข้ยักษ์ขึ้นรถ ไฟที่ด้านหลังเปิดขึ้น สะท้อนที่คิ้วของเขาชัดเจน อายุราวสามสิบปี ให้ความหล่ออย่างแปลกใหม่ คิ้วขมวดอยู่พักหนึ่ง “มีอิทธิพลบางอย่างค่อนข้างยุ่งยาก อยากติดต่อคุณให้ช่วยตรวจสอบให้ทีพอดี”
“อิทธิพลจากไหน” ฉังหนิงยิ้ม
มีไม่กี่คนที่ทำให้จระเข้ยักษ์หวั่น
“รัฐ M สมาพันธ์ใต้ดินมีอิทธิพลระดับเดียวกัน ที่นั่นเป็นโลกยังไง ในนั้นยังมีกลุ่มคนที่เป็นแฮ็กเกอร์ด้วย” จระเข้ยักษ์ดับควันบุหรี่ โยนออกไปนอกหน้าต่าง
“โยนขยะไปทั่วไม่ถูกต้อง” ฉังหนิงมองดูเขา หลังพูดจบประโยค จึงขมวดคิ้ว “รัฐ M? สมาพันธ์ใต้ดินอิทธิพลระดับเดียวกัน…เรื่องนี้ตรวจสอบได้ไม่ง่ายสินะ”
“ถ้าตรวจสอบได้ง่าย ฉันจะมาหาคุณเหรอ” จระเข้ยักษ์ทำท่าทางเปรียบเทียบ สั่งให้ลูกน้องออกรถ
ฉังหนิงเอาโทรศัพท์คืนให้ธุลีมังกร และไปรินชาถ้วยหนึ่งให้ตัวเอง “ตรวจสอบรัฐ M ได้ มีเพียงหมาป่าเดียวดาย คุณต้องการสั่งงานไหม ต่อคิวรึเปล่า”
ไม่เพียงแค่ตรวจสอบอิทธิพลนั่น ที่สำคัญกว่าคือ ขณะนี้หมาป่าเดียวดายเป็นแฮ็กเกอร์เพียงคนเดียว ตอนนี้จระเข้ยักษ์ขาดแฮ็กเกอร์อีกคนที่จะขัดขวางอีกฝ่าย
“ลูกพี่ใหญ่ของฉันจะให้ฉันเข้าคิวสินะ” จระเข้ยักษ์เงยคางขึ้นอย่างมั่นใจมาก
ธุลีมังกรอดกลั้นมาพักหนึ่ง ทนไม่ไหวแล้ว เขาพูดขึ้น “เรียกลูกพี่ใหญ่ทั้งวันทั้งคืนอยู่นั่นแหละ ใครคือลูกพี่ใหญ่ของคุณกัน”
ตัวจริงของจระเข้ยักษ์ดูเย็นชากว่าในอินเทอร์เน็ต
เขามองผ่านวิดีโอ มองธุลีมังกรอย่างนิ่งๆ “คุณพูดมากขนาดนี้ หมาป่าเดียวดายไม่ใช่ว่าจะรังเกียจคุณหรอ?”
ธุลีมังกร “…”
นึกถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน จู่ๆ ในใจก็ถูกมีดแทง
**
ในขณะเดียวกัน
ถิงหลาน ห้องหนังสือ
เฉิงจินกำลังนำเอกสารกองหนึ่งยื่นให้เฉิงเจวี้ยน “ข่าวจากทางฝั่งเฉิงถู่”
“เขาไปที่ชายแดนแล้ว?” เฉิงเจวี้ยนพลิกเปิดออก มองดูเล็กน้อย แล้ววางลงบนโต๊ะ
เฉิงจินพยักหน้าแล้วส่ายหัว “ปัญหาไม่ใหญ่ เขากำลังเจรจากับเฉิงหั่ว…”
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้า ทำท่าครุ่นคิด
ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เฉิงมู่ที่อยู่ด้านนอกก็เรียกให้พวกเขาลงไปทานข้าว
เฉิงจินหยุดพูด ตามเฉิงเจวี้ยนออกไป
ก่อนหน้านี้เฉิงมู่คิดเสมอว่าเฉิงจินกำลังจัดการเรื่องของตระกูลเฉิง แต่ครั้งนี้กลับมาเมืองหลวงก็ไม่ได้มีความคิดอันไร้เดียงสาเช่นนี้อยู่อีก ได้ยินแว่วๆ ว่าเฉิงจินพูดถึงเฉิงถู่จึงถามขึ้น “ตอนนี้เฉิงถู่กำลังทำอะไร”
เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วแห่งกลุ่ม จิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ อยู่ที่คฤหาสน์รัฐ M เฉิงมู่เข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่าพี่ชายของเขากำลังทำธุรกิจ
มีเพียงเฉิงถู่ เฉิงมู่ที่อยู่ในกลุ่มคอยมองเขาก้าวกระโดดไป เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วไม่ได้พูดถึงเฉิงถู่ จนกระทั่งตอนนี้เฉิงมู่ไม่รู้ว่าเฉิงถู่กำลังทำกิจการอะไรอยู่
“เขา?” เฉิงจินเหลือบมองเฉิงมู่ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า “เขาประจำการอยู่ที่รัฐ M ตลอดทั้งปี ครั้งหน้าเจอกันคุณก็ลองถามเขาดูสิ”
ด้านล่าง
เฉิงเวินหรูยังพูดคุยอยู่กับฉินหร่าน ถามไถ่เรื่องการลงทะเบียนวันนี้
“แผนกฟิสิกส์ก็ไม่เลว” เฉิงเวินหรูหยิบตะเกียบแล้วยิ้ม “พูดถึงมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ถ้าเข้าสมาพันธ์นักเรียนได้ ก็พยายามเข้าไป เป็นผลดีต่อเธอในภายหลังที่จะไปต่อสถาบันบัณฑิตศึกษา ถ้า…”
เธอไม่รู้สึกเลยว่า หลังจากนี้ฉินหร่านจะไม่สามารถเข้าศึกษาสถาบันบัณฑิตศึกษาได้ ถึงอย่างไรฉินหร่านก็เป็นที่แย่งชิงกันของคณบดีทั้งสองแผนก
“ช่างเถอะ เธอยังไม่เข้าบัณฑิตศึกษา เรื่องนี้พูดออกไปก็ยืดเยื้อ” ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ เฉิงเวินหรูถอนหายใจอีกครั้ง หยุดคำพูดที่ปากไว้
ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงเวินหรู รู้สึกว่าคำพูดของเธอมีความหมายอื่นอยู่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
“ฉันจำได้ว่า…ตามธรรมเนียมของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเหมือนจะต้องอยู่ที่หอพักน้อยสุดหนึ่งเทอมสินะ” เฉิงเวินหรูนำผักใบหนึ่งขึ้นมา พูดถึงตรงนี้ เหลือบมองเฉิงเจวี้ยนที่กำลังลากเก้าอี้นั่งลงแล้วยิ้ม
เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเฉิงเวินหรูอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ถามอย่างไม่แยแส “เฉิงจิน ช่วงนี้ไม่ใช่พวกเรากำลังขาดเงินทุนหรอกเหรอ”
เฉิงจินกลืนคำว่า ‘ไม่ขาด’ ลงไป พูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “ขาดมาก”
เฉิงเวินหรูยิ้มตอบกลับทันที “อย่านะ เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ฉันพูดเล่นกับคุณต่างหาก!”
แม้ว่าเฉิงเจวี้ยนจะถอนตัวจากบริษัท แต่เงินทุนของบริษัทโอนย้ายไม่ได้ ขั้นตอนการกู้เงินธนาคารเยอะแยะเกินไป ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเงินทุน เฉิงเวินหรูจึงต้องมายืมจากเฉิงเจวี้ยน…
เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเฉิงเวินหรูอย่างสุภาพมาก แล้วพูดขอโทษ “ฉันไม่ได้พูดเล่น ขาดเงินจริงๆ”
ฉินหร่านทานอาหารค่ำ วางตะเกียบลงเงียบๆ เธอหยิบโทรศัพท์ “ฉันขึ้นไปอาบน้ำก่อน”
ในโทรศัพท์ แสดงข้อความของฉังหนิงขึ้นมาพอดี…
[มีรายการใหม่]
[ของจระเข้ยักษ์]
ฉินหร่านเอามือก่ายหน้าผาก
คำขอของจระเข้ยักษ์ ล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย หวังว่าก่อนเปิดเรียนจะจัดการธุระเสร็จ
**
ฉินหร่านกำลังยุ่งกับเรื่องของจระเข้ยักษ์ จึงไม่รู้ว่า เวยป๋ออันหนึ่งที่เกี่ยวกับเธอกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
คนจำนวนมากกำลังสนใจกับเวยป๋อของสมาคมเมืองหลวง
ฉินหร่านกับฉินอวี่ล้วนเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ภาพการเปรียบเทียบของมู่เสี่ยวอวี๋อวี๋ได้รับการเผยแพร่ในกลุ่มแฟนคลับของฉินอวี่
แต่ละวรรคของโน้ตเพลงแทบจะเหมือนกันหมด อันหนึ่งโพสต์ในปีนี้ อีกอันโพสต์เมื่อปีที่แล้ว แฟนคลับแต่ละคนของฉินอวี่ทนไม่ไหวแล้ว เวยป๋ออันหนึ่ง ปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว…
[@สมาคมเมืองหลวงน่าขำสิ้นดี และดาวดวงใหม่ในอนาคตของวงการไวโอลิน ลอกเลียนแบบชัดขนาดนี้ดูไม่ออกเหรอ วิดีโอนี้ของฉินอวี่ใกล้จะครบปีแล้ว นานขนาดนี้เธอยังกล้าโพสต์ลง เหมือนแฟนคลับอย่างพวกเราไม่มีหูงั้นสิ!]