เฉิงเจวี้ยนโพสต์ลิงก์ความคิดเห็นที่ด้านล่างเวยป๋อของไต้หราน
ความคิดเห็นได้รับการถูกใจตอบกลับอย่างรวดเร็ว และได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนครอบครองความนิยมอันดับหนึ่ง
ในตอนเริ่มที่ไต้หรานโพสต์เวยป๋อนี้ลง มีคนสงสัยในใจว่าอาจารย์เว่ยใช้เรื่องนี้เพื่อเรียกความนิยม แต่คิดไม่ถึงว่าอีกไม่กี่นาที ลิงก์ความคิดเห็นหนึ่งจะปรากฏขึ้น บทสนทนาด้านในฟังออกได้ว่าคนหนึ่งคืออาจารย์เว่ย คนหนึ่งคือไต้หราน
ไม่นาน ด้านล่างความคิดเห็นเวยป๋อ ก็มีคนจากสมาคมเมืองหลวงเปิดเผยข้อความ…
[คำพูดเดิมของอาจารย์ไต้ที่ห้องประชุมสมาคมเมืองหลวง นักเรียนระดับสูงเกี่ยวข้องกับการลอกเลียนแบบ ไม่ขับไล่ออกจากสมาคมเมืองหลวง พวกคุณก็รู้ถึงผลที่ตามมา]
ประโยคนี้จุดประกายความโกรธของชาวเน็ตเป็นจำนวนมากโดยสมบูรณ์!
ในทางกลับกันเวยป๋ออันหน้าไม่อายของไต้หราน กลุ่มผู้ชมทุกคนล้วนรู้สึกละอายใจแทนเขา!
ที่เขาพูดก็ไม่ผิด เขาช่างเหมือนกับตัวตลกเสียจริง
“อาจารย์ไต้ ทำไมคุณยังจะโพสต์เวยป๋อ” ที่ห้องทำงานของไต้หราน คนที่อยู่ฝั่งเขาเพียงไม่กี่คนนั่งที่เก้าอี้อย่างไม่เข้าใจ
ดูเหมือนว่า…
จะอยู่ผิดทีม…
ในห้องทำงาน กลุ่มคนมองหน้ากันไปมา เหงื่อไหลเย็นเยียบด้านหลัง
ไม่ใช่เพียงเพราะจะผิดใจกับอาจารย์เว่ย แต่เพราะยังเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายของฉินหร่านและฉินอวี่ พวกเขากว่าจะมาถึงตำแหน่งสมาคมเมืองหลวง หลังจากเรื่องนี้ ต้องพังทลายไปทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ที่ไต้หรานอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ต้องการให้อาจารย์เว่ยและฉินหร่านมีที่ยืน แต่คิดไม่ถึงว่า สิ่งเหล่านี้กลับเกิดกับตัวเขาเอง
ถูกไล่ออกจากสมาคมเมืองหลวงยังนับว่าดี ที่แย่ที่สุด หลังจากนี้พวกเขา… จะไม่สามารถเกี่ยวข้องกับโลกของไวโอลินได้อีกเลย
**
ในขณะเดียวกัน ฉินอวี่ที่อยู่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ดีไปกว่ามากนัก
หลังจากหาต้นฉบับโน้ตเพลงและโพสต์รูปลงเสร็จ ฉินอวี่ก็นั่งรอข่าวดีจากไต้หราน โดยกลับมาที่มหาวิทยาลัย
ไปเดินดูงานต้อนรับนักเรียนใหม่ พบเจอกับประธานสมาพันธ์นักศึกษาที่เมื่อวานต้อนรับเธอ ทั้งสองคนได้แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกันไว้แล้ว กำลังพูดคุยถึงเรื่องการเข้าร่วมสมาคม
ในตอนนี้ ข่าวดีของไต้หรานยังไม่มีการส่งมา ฉินอวี่เริ่มสงสัย
รอจนกลับถึงที่หอพัก เธอก็พบเพื่อนร่วมห้องที่ส่งสายตามองเธอค่อนข้างแตกต่างไปจากเดิม
นั่นทำให้ฉินอวี่แปลกใจ
เธอเดินไปที่ห้องน้ำแล้วปิดประตู มีโทรศัพท์โทรเข้ามาจากหนิงฉิง
“อวี่เอ๋อร์ ตอนนี้ลูกโอเคใช่ไหม” น้ำเสียงของหนิงฉิงกระวนกระวาย
“แม่คะ เกิดอะไรขึ้น” ฉินอวี่นั่งลงบนฝาชักโครก พูดด้วยเสียงอันเบา
หนิงฉิงที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์สูดหายใจเข้าลึก “อวี่เอ๋อร์ ลูกฟังแม่นะ เรื่องบนเวยป๋อให้แม่ไปหาพี่สาวของลูก อย่าตกใจไป ทั้งชีวิตของแม่ต้องช่วยลูกอยู่แล้ว”
หนิงฉิงพูดจบ จึงวางสายไป
ฟังเสียงรีบเร่งจากอีกฝ่ายทางโทรศัพท์ ฉินอวี่ตะลึงไปพักหนึ่ง เธอรีบเปิดเวยป๋อ
หลังจากโพสต์ต้นฉบับนั้นลงเวยป๋อ เธอก็ออกไปหาพวกรุ่นพี่สมาพันธ์นักศึกษา ไม่รู้ว่าในช่วงหนึ่งชั่วโมงนี้ เวยป๋อกลับพลิกผันไปอย่างน่าตกใจ
เธอคลิกเปิดเวยป๋อล่าสุดของตัวเอง ความคิดเห็นยอดนิยมได้ถูกเปลี่ยนใหม่นานแล้ว
ทั้งไล่ตามดูคีย์เวิร์ดที่ชาวเน็ตพูดถึง นิ้วของฉินอวี่ค่อยๆ สั่นเทา เห็นวิดีโอที่อาจารย์เว่ยโพสต์อย่างชัดเจน…
โดยเฉพาะยังมีรูปภาพของกองต้นฉบับ
“ห้ะ”
โทรศัพท์ในมือของฉินอวี่ร่วงลงที่พื้น เธอนั่งบนฝาชักโครกด้วยสายตาเหม่อลอย ในใจมีเพียงสองคำ…
จบแล้ว
[ฉันใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเขียนสิ่งนี้] เวยป๋อนี้ในตอนนี้จะดูยังไง ก็เป็นการเยาะเย้ยเสียดสี
ฉินอวี่รีบเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเข้าไปยังเวยป๋อนี้เพื่อลบ แต่ลบยังไงก็ลบไม่ได้ ราวกับมีใครควบคุมเวยป๋ออยู่
นั่นทำให้ฉินอวี่อกแทบแตก เธอเข้าใจเหตุผลที่เมื่อกี้เพื่อนร่วมห้องของส่งสายตาแบบนั้นมาให้เธอแล้ว สายตาของเพื่อนร่วมห้องทั้งสามคนแสดงความขยะแขยงออกมาอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง
เมื่อนึกถึงว่าชาวเน็ตในความคิดเห็นส่วนมากต่างก็มองเธอด้วยสายตาแบบนี้ ในที่สุดเธอก็กระวนกระวาย เธอเริ่มมานึกเสียใจว่าตอนท้ายทำไมต้องโพสต์เวยป๋อแบบนี้!
โดยเฉพาะ ถ้าบ้านตระกูลหลินเห็นอะไรแบบนี้จะทำยังไง!
ตระกูลเสิ่นเห็นอะไรแบบนี้จะทำยังไง!
เธอจะถูกไล่ออกจากเส้นทางสมาคมไวโอลินใช่ไหม!
ฉินอวี่ตื่นตระหนก ทั้งสำนึกผิดและมองไปที่ประตูห้องน้ำอย่างสูญสิ้น…
ถึงกระทั่ง…เธอเริ่มเสียใจ ทำไมในตอนแรกต้องมีเรื่องกับฉินหร่าน ถ้าไม่มี เธอจะเป็นเหมือนวังจือเฟิงหรือไม่… และสามารถไปที่รัฐ M ได้…และก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้เหมือนในตอนนี้!
เมื่อความคิดแบบนี้ปรากฏขึ้นในสมอง ก็สะบัดไปไม่หลุด…
**
ชุมชนอวิ๋นจิ่น
ฉินฮั่นชิวรับสายหนิงฉิง
“อวี่เอ๋อร์ก็เป็นลูกสาวของคุณเหมือนกัน ตอนเป็นเด็กคุณดีกับเธอมาก คุณจะไม่กังวลเรื่องของเธอหน่อยเลยเหรอ” หนิงฉิงรู้ว่าตัวเองติดต่อฉินหร่านไม่ได้ แต่เธอก็รู้ว่าฉินฮั่นชิวยังติดต่อกับฉินหร่าน “คุณรู้ไหมความคิดเห็นสาธารณะมีมากมายแค่ไหน อวี่เอ๋อร์เข้มแข็งขนาดนั้น คิดว่าเป็นยังไงถ้าเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้คิดไม่ตก”
หนิงฉิงพูดทีละประโยค ให้ฉินฮั่นชิวเริ่มกังวล
สำหรับฉินอวี่…
อันที่จริง ฉินฮั่นชิวเอ็นดูตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งยังเป็นลูกสาวของตน เขาไม่สามารถไม่สนใจเธอได้จริงๆ เพียงแต่มันเกี่ยวข้องกับฉินหร่าน…
ฉินฮั่นชิวไปเคาะประตูของฉินหลิงอย่างหนักใจ
ฉินหลิงยังเล่นเกมอยู่ที่คอมพิวเตอร์
เขาพิมพ์อักขระคอมพิวเตอร์ชุดหนึ่งที่คนอื่นดูแล้วไม่เข้าใจ ฉินฮั่นชิวละสายตากลับ จากนั้นพูดเรื่องนี้กับฉินหลิง
ในใจฉินฮั่นชิวรู้ดี ถ้าเขาโทรศัพท์หาฉินหร่าน ตอนฉินหร่านเพียงได้ยินว่า ‘ฉินอวี่’ สองพยางค์ก็จะวางโทรศัพท์
ฟังฉินฮั่นชิวพูดจบ ฉินหลิงที่มองหน้าจอแสดงผลในที่สุดก็หันมา มือที่กดแป้นพิมพ์อยู่ก็หยุดลง ดวงตาของเขามืดดำสายตาเย็นชา “พ่อดูเวยป๋อรึยัง”
“อะไรนะ” ฉินฮั่นชิวชะงัก สับสน
ฉินหลิงยิ้มเยาะ เอื้อมมือไปพิมพ์นิดหน่อย หน้าจอเกมย่อลง หันกลับไปที่หน้าจอเวยป๋อ “เรื่องนี้ค้างคาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฉินอวี่ไม่ใช่แค่นิ่งเฉย แต่ยังทำให้แย่ลงไปอีก…”
เขาพูดไป พลางเปิดความคิดเห็นเวยป๋อ น้ำเสียงนิ่ง “พ่อลองไปถามอดีตภรรยาของพ่อดูอีกที ตอนนี้เธอมาให้พ่อไปขอร้องพี่สาว เมื่อคืนเธอได้ช่วยพี่สาวโดยไปขอร้องฉินอวี่บ้างไหม เธอบอกใช่ไหมว่าเรื่องนี้ทำร้ายฉินอวี่มากแค่ไหน อย่าลืมถามเธอว่าคิดบ้างไหม ถ้าไม่มีต้นฉบับ เรื่องนี้จะทำร้ายพี่สาวมากแค่ไหน”
ฟังคำพูดของฉินหลิง ฉินฮั่นชิวก็ตะลึงไปหมด