เฉิงชิงอวี่ชะงัก เขายืนตัวตรง “ชั้นเรียนของเรายังมีนักเรียนคนอื่นที่ทำได้ดีเช่นกัน นักเรียนฉู่หังก็ไม่เลว ตัวเขาก็ได้รับการฝึกด้วย”
ต่อสู้กับผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นฉินหร่าน เฉิงชิงอวี่เกรงว่าถึงเวลาตัวเองจะลงน้ำหนักต่อสู้ไม่เท่ากัน ทำให้อีกฝ่ายที่เป็นราชานักเรียนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงบาดเจ็บจะทำยังไง
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถ้าบาดเจ็บขึ้นมา แค่เฉิงเจวี้ยนนายท่านเฉิง และพ่อแม่ของเขาเอง เขาก็ไม่รอดแล้ว
เฉิงเจวี้ยนไม่ได้สนใจเขา สายตาเขามองแค่ฉินหร่าน
ท่ามกลางแสงแดด ฉินหร่านค่อนข้างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ฟังประโยคนี้ของเฉิงเจวี้ยน เธอถึงได้สติกลับมา
ต่อสู้?
“ขออนุญาต ฉันใช้กำลังได้ใช่ไหม” ฉินหร่านเงยหน้า
เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้ว เห็นด้วยเต็มที่ “แน่นอน”
ในวันนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรฉินหร่านล้วนแต่ดูเกียจคร้านไปหมด แต่ก็มีพรสวรรค์มากจริงๆ ท้ายที่สุดเฉิงชิงอวี่ก็หมดปัญญาแล้ว ถึงกระทั่งหัวเราะออกมาอย่างโกรธจัด
เมื่อวานบรรทุกของหนักขึ้นเขา เธอคนเดียวถือของหนักของสองคน ตอนที่รอคนอื่นขึ้นมาถึงยอดเขา เธอก็ปีนขึ้นไปหลับบนต้นไม้ได้หนึ่งตื่นแล้ว
เฉิงชิงอวี่คิดอยู่เสมอ ความอดทนของร่างกายฉินหร่านน่าตะลึงจริงๆ
ตอนนี้…
เฉิงชิงอวี่เหลือบมองฉินหร่าน ชะงักไปเล็กน้อย…
เขารู้สึกตาลาย แต่ทำไมกลับเห็นสายตาของฉินหร่านเหมือนมีประกายอยู่ลึกๆ
เฉิงชิงอวี่ไม่สบายใจ ชั้นเรียนที่หนึ่งมีนักเรียนชายเยอะขนาดนี้ จะเลือกออกมาสักคนก็ไม่ได้ ทำไมต้องมองหาฉินหร่าน
“นักเรียนฉินหร่าน คุณลงมือก่อน ฉันจะแค่ตั้งรับไม่ตอบโต้” เฉิงชิงอวี่ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว กำหมัดไปทางฉินหร่านอย่างสุภาพมาก
ฉินหร่านไม่ได้ถอดหมวกออก เพียงบีบที่ข้อมือ หันหน้ามองเฉิงชิงอวี่เล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าอยู่ที่นี่คุณเก่งกาจมากหรอกเหรอ”
ใบหน้าของเฉิงชิงอวี่เยือกเย็น และตอบกลับ “ก็พอได้”
เขาผู้นี้ดูถ่อมเนื้อถ่อมตัว
ฉินหร่านพยักหน้า มีมาตรฐานอยู่ในใจ
คนของห้องหนึ่งนั่งอยู่ที่พื้น ดูคึกคัก กลุ่มผู้ชายไม่กลัวเรื่องใหญ่โต ตะเบ็งคอ “ฉินหร่าน! สู้ๆ! โค่นล้มอาจารย์! โค่นล้มอาจารย์!”
ห่างไปไม่ไกลนักยังมีครูฝึกของชั้นเรียนอื่นอยู่ ได้ยินประโยคนี้ตะโกนลั่น ต่างอดไม่ได้ที่จะหันมามองด้านนี้ นักเรียนห้องนี้เป็นบ้ากันแล้วเหรอ
คิดว่าอาจารย์ของพวกเขาเป็นกระดาษรึไง!
โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นเฉิงชิงอวี่ หัวหน้าทีมของพวกเขา!
สองวันนี้ชื่อเสียงอันร้ายกาจของฉินหร่านก็กระจายไปถึงหมู่อาจารย์เช่นกัน และมีอาจารย์ไม่น้อยต้องการยิงปืนกับฉินหร่าน แต่ก็ถูกเฉิงชิงอวี่ปฏิเสธลูกเดียว
ตอนนี้เห็นฉินหร่านต่อสู้กับเฉิงชิงอวี่ อาจารย์ไม่กี่คนบริเวณรอบต่างหยุดการฝึกฝน พานักเรียนในชั้นเรียนตัวเองมาดูความน่าตื่นเต้น “มีระเบียบ หันซ้าย! เดินเป็นระเบียบ! หยุด…”
“นั่งกับที่!”
นักเรียนภาควิชาเคมีด้านข้างนั่งชมอยู่ทางทิศตะวันออก ภายใต้การนำของอาจารย์ผู้สอน
นักเรียนภาควิชาคณิตศาสตร์ด้านข้างนั่งชมอยู่ทางทิศตะวันตก ภายใต้การนำของอาจารย์ผู้สอน
นักเรียนภาควิชาศิลปะด้านข้างนั่งชมอยู่ทางทิศใต้ ภายใต้การนำของอาจารย์ผู้สอน
คนของชั้นเรียนฉินหร่านนั่งอยู่ทิศเหนือ
ครู่หนึ่งจึงล้อมเป็นวงรอบฉินหร่าน
เฉิงชิงอวี่มองผู้ชม การฝึกฝนใกล้สิ้นสุดแล้ว เขาไม่ได้เข้มงวดกับคนเหล่านี้มากนัก ปล่อยให้พวกเขาชมไป
อาจารย์สองสามคนไม่กล้าเดินไปทางเฉิงเจวี้ยนกับชายวัยกลางคน จึงรวมตัวกันที่อีกด้าน
ชายวัยกลางคนยืนอยู่ข้างเฉิงเจวี้ยน มือไขว้หลัง เขามองท่าทางการออกมือของฉินหร่าน ชะงักไป
“นายน้อยเฉิง นักเรียนท่านนี้เรียนรู้ค่อนข้างเร็วนะ มีแบบมีแผน…”
ฉินหร่านปล่อย Uppercut[1] มือซ้ายออกไป เฉิงชิงอวี่มั่นใจมากว่าฉินหร่านไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ตอนแรกจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ครั้งนี้ของฉินหร่าน กระทั่งฉินหร่านออกหมัด ข้างหูเหมือนจะได้ยินเสียงหมัด!
สีหน้าของเฉิงชิงอวี่เปลี่ยนไป ถอยหลังก้าวหนึ่งทันที การฝึกฝนหลายปีทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตราย ตอนนี้เขาไม่สนใจที่จะป้องกันตัวแล้ว ลงมืออย่างรวดเร็ว
การป้องกันภายนอก
และไม่ลืมที่จะสาธิตแก่นักเรียนใหม่ ทำการบล็อคท่าเคล็ดลับที่แปด
ผลั่ก
ผลกระทบของแรงกระแทกมากไป แม้ว่าเฉิงชิงอวี่จะบล็อกท่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็ป้องกันมือซ้ายของฉินหร่านไม่ได้ ข้อมือและหน้าท้องสั่นไหวรุนแรง เฉิงชิงอวี่ร่วงลงที่พื้นอย่างไม่คาดคิด
ฝุ่นฟุ้งกระจาย
ฉินหร่านเพียงแค่ลองใช้วิธีชกแบบใหม่
ก่อนหน้านี้ที่เธอเรียนรู้คือการบุกโจมตีอย่างร้ายแรงที่ค้นพบด้วยตัวเอง เธอเพิ่งได้เรียนวิธีป้องกันการต่อสู้แบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่ได้ใช้กำลังใด
เฉิงชิงอวี่ Kip-up[2] ขึ้นมา ลูบที่ข้อมือ
ท่าการโจมตีมวยที่สองของฉินหร่านตามมาทันที
ครั้งแรกเฉิงชิงอวี่ยังป้องกันได้ ครั้งนี้ไม่มีเวลาแม้แต่จะทำท่าป้องกัน
ท่าที่สาม…
ท่าที่สี่…
ท่าที่ห้า…
…
ทุกกระบวนท่า เฉิงชิงอวี่ไม่มีกำลังจะลงมือกลับแม้แต่น้อย
นักเรียนและอาจารย์ที่ชมอยู่ ตอนแรกยังมีคนปรบมือ พูดขึ้นเสียงดัง “ดี” กระทั่งตอนหลัง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแล้ว ทุกคนต่างมองทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างตะลึงงัน
แม้แต่สีหน้าของชายวัยกลางคนที่ตอนแรกค่อนข้างกังวลยังมีความประหลาดใจ
ตอนนี้แม้ว่าเฉิงชิงอวี่ไม่ได้พูด เขาก็รู้แล้วว่า ฉินหร่านน่าจะเป็นคนเก่งคนนั้นที่เฉิงชิงอวี่พูดเมื่อไม่กี่วันก่อน
เขานึกเสียใจที่พาเฉิงเจวี้ยนมาที่นี่วันนี้
คนเก่งแบบนี้ ทำได้แค่มอง เอาไปไม่ได้ พรสวรรค์เช่นนี้สำหรับเขาแล้วเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย
ในที่สุดฉินหร่านก็ดึงมือกลับ เธอเอื้อมมือดันหมวกขึ้น พูดอย่างสบายใจ “การฝึกพิเศษมวยเก่งกาจอย่างที่คิด”
“การฝึกพิเศษมวย สุดยอดขนาดนี้เลยเหรอ?” พักหนึ่ง อาจารย์ภาควิชาเคมีบ่นพึมพำ
อาจารย์ภาคคณิตศาสตร์ที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองเขา “คุณก็เคยเรียน สุดยอดขนาดไหนคุณก็ไม่รู้เหรอ”
อาจารย์ภาควิชาเคมีไม่พูดอะไรอีก ก็เพราะเขาเคยเรียนมา ถึงได้ตกใจขนาดนี้
สองวันนี้ที่อยู่ฐานทัพ พวกนักเรียนใหม่กลุ่มนี้ก็รู้ว่าอาจารย์ของพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ทุกคนล้วนผ่านการฝึกพิเศษมาแล้ว
เฉิงชิงอวี่ยังเป็นหัวหน้าของอาจารย์ผู้สอนกลุ่มนี้ นึกไม่ถึงว่าจะถูกทำให้เสียหายเช่นนี้…
ผ่านวันนี้ไป ‘ฉินหร่าน’ สองคำนี้จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหมู่นักเรียนใหม่!
วันสุดท้ายของการฝึกนักเรียนใหม่สิ้นสุด
เพราะเฉิงชิงอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เฉิงเจวี้ยนรับช่วงต่อทั้งหมดในการฝึกวันสุดท้ายของห้องเรียนฉินหร่าน
**
การฝึกฝนสิบวันสิ้นสุดลงในพริบตา
ในช่วงสิบวันนี้ พวกนักเรียนใหม่จำอะไรไม่ได้เลย จำได้เพียงแค่สองคำนี้ ‘ฉินหร่าน’ เรื่องของฉินหร่านถูกพูดถึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็วที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง
อีกไม่กี่วัน จะลุกเป็นไฟ
หลังจากพักผ่อนหนึ่งวัน นักเรียนใหม่จึงเปิดเรียนอย่างเป็นทางการ
แจกตำราเรียนคืนก่อนเปิดเรียนอย่างเป็นทางการหนึ่งวัน
วิศวกรรมอัตโนมัติห้องหนึ่งมีผู้หญิงสองคน พวกผู้ชายอยากจะนำหนังสือของทั้งสองคนไปส่งถึงในหอหญิงด้วยตัวเองเสียให้ได้ แต่หอพักหญิงห้ามผู้ชายเข้า
ฉินหร่านอาบน้ำอยู่ หนานฮุ่ยเหยาจึงลงไปเอาหนังสือของทั้งสองคนขึ้นมา
เธอวางหนังสือไว้ให้ฉินหร่านเรียบร้อย จากนั้นจึงเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเอง “พวกเธอเคยมีใครได้ยินถึงห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไหม”
หยางอี๋ดันแว่นตาที่สันจมูก ชัดเจนว่าไม่รู้ “ห้องปฏิบัติการ?”
เหลิ่งเพ่ยซานไม่ได้ไปฝึกทหารเลย ไม่กี่วันนี้เธอช่วยงานรุ่นพี่สมาพันธ์นักเรียน ได้ยินคำพูดของหนานฮุ่ยเหยา เธอพูดขึ้นเบาๆ “สถานที่หนึ่งที่คนของสี่คณะหลักของมหาวิทยาลัยต่างอยากเข้าไป”
ฉินหร่านอาบน้ำออกมา สวมเสื้อยืดสีขาวตัวยาว
ฝึกทหารสิบวัน ฉินหร่านคุ้นเคยกับหนานฮุ่ยเหยาแล้ว ลากเก้าอี้นั่งลง ยกขาสองข้างขึ้น เห็นหนังสือถูกจัดวางเรียบร้อยบนโต๊ะ เธอพูดอย่างใจเย็น “ขอบคุณ”
โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างมือดังขึ้นสองครั้ง
ฉินหร่านก้มหน้าดู คำอธิบายมีเพียงตัวอักษรเดียว…
ซ่ง
เธอหยิบหูฟัง พลางเดินไปที่ระเบียง
“ฝึกเสร็จแล้ว?” เสียงจากปลายสายโทรศัพท์สดใสอ่อนโยน
เป็นซ่งลี่ว์ถิงที่ที่ผ่านมาไม่ได้ติดต่อเธอ
ผมของฉินหร่านยังไม่แห้ง จึงพิงที่ระเบียง ก้มหน้ามองกลุ่มนักเรียนที่เดินอยู่ด้านล่างอาคาร “เพิ่งกลับมาตอนบ่าย”
อีกฝ่ายยิ้มขำ ถือโทรศัพท์หาที่เงียบ “ฉันรอเธอฝึกทหารเสร็จค่อยมาหาเธอ ได้ยินคณบดีเจียงพูด เธอกรอกวิศวกรรมอัตโนมัติกับวิศวกรรมนิวเคลียร์เหรอ ร้ายนักนะ”
“ธรรมดาน่า” ฉินหร่านยันมือที่ระเบียง น้ำค่อนข้างถ่อมตัว
“พรุ่งนี้มีเรียนเต็มไหม”
ฉินหร่านดูตารางเรียนแล้ว แต่จำได้แค่เกือบหมด ครุ่นคิดก่อนตอบเขา “ตอนบ่ายช่วงสุดท้ายไม่มีเรียน”
“ติดต่อมาตอนนั้น” ซ่งลี่ว์ถิงยุ่งมาก นัดเวลากับเธอเสร็จก็รีบวางสาย “ฉันบอกหมิงเย่ว์แล้ว พรุ่งนี้ตอนบ่ายเธอว่าง”
ครั้งนี้ฉินหร่านคุยโทรศัพท์ไม่ถึงสองนาที หนานฮุ่ยเหยามือเท้าคาง “เพื่อนนักเรียนเหรอ”
“เพื่อนคนหนึ่ง” โทรศัพท์ถูกเธอโยนลงบนโต๊ะเสียงดัง ตุ้บ
หนานฮุ่ยเหยาจึงไม่ได้ซุบซิบอะไรต่อ พูดหัวข้อเมื่อกี้ต่อ “ใช่แล้ว หร่านหร่าน เธอเคยได้ยินห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไหม”
“ไม่ค่อยแน่ใจ เธออยากเข้าไปเหรอ” ฉินหร่านตรวจสอบสถาบันวิจัยในเมืองหลวงหลายแห่ง ห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยเมืองหลวง…ซ่งลี่ว์ถิงอยู่นั่น เธอพูดเรียบนิ่ง “วางใจได้ ไม่ยาก”
แต่เธอบอกไม่ยากเย็นอะไร เธอไม่จำเป็นต้องรู้
ดังนั้นฉินหร่านจึงไม่ได้ไปศึกษาเป็นพิเศษ
ก่อนเข้าสถาบันวิจัย ด่านแรกคือห้องปฏิบัติการ
ตอนแรกเหลิ่งเพ่ยซานถือโทรศัพท์จะปีนขึ้นเตียง ฟังคำพูดของฉินหร่านจบ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง ฟู่ ยิ้มออกมา เธอมองฉินหร่านอย่างยากที่จะคาดเดา “ไม่ยากงั้นเหรอ เธอรู้ไหมว่าห้องปฏิบัติการคืออะไร”
[1] Uppercut (อัพเพ่อะคัท) กีฬามวย คือการปล่อยหมัดเสยขึ้นจากด้านล่างด้วยแรงเหวียงขึ้นเข้าบริเวณปลายคางของคู่ต่อสู้
[2] Kip-up เป็นการกระโดดเด้งตัวขึ้นมาจากท่านอนหงาย โดยการดึงขาทั้งสองข้างขึ้นแล้วดีดตัว สร้างแรงกดที่พื้นแล้วใช้มือผลักออกให้ยืนขึ้น