อาคาร A ทิศใต้ ห้อง 304
คาบเรียนแรกของวิชาคณิตศาสตร์ระดับสูง อาจารย์คณิตศาสตร์ระดับสูงของสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติเป็นอาจารย์ของแผนกคณิตศาสตร์
สิ่งแรกที่ทำเมื่อเข้ามาคือหยิบใบรายชื่อขึ้นมา กวาดตามองในห้องเรียน แนะนำชื่อตัวเองก่อน จากนั้นจึงเริ่มเช็กชื่อ
“คาบแรกก็เช็กชื่อเลย ทำไงดี” หนานฮุ่ยเหยาพูดเสียงเบากับหยางอี๋ “อีกสักพักจะถึงหร่านหร่าน ฉันเช็กแทน…”
หนานฮุ่ยเหยายังพูดไม่จบ อาจารย์คณิตศาสตร์ระดับสูงก็พูดขึ้น “ฉินหร่าน”
นักเรียนของสาขาวิศวกรรมอัตโนมัติเรียงลำดับชื่อตามตัวอักษรพินอิน
อาจารย์คณิตศาสตร์ระดับสูงข้ามชื่อทุกคน เช็กชื่อของฉินหร่านก่อน
ใบหน้าของหนานฮุ่ยเหยากับหยางอี๋ตะลึง
“ฉินหร่าน” อาจารย์คณิตศาสตร์ระดับสูงเรียกสองครั้งไม่มีใครตอบกลับ อดไม่ได้ที่จะวางใบรายชื่อ ดันแว่นลง “นักเรียนฉินหร่านไม่มาเหรอ”
หนานฮุ่ยเหยาตั้งหัวตรงยกมือ บอกว่าฉินหร่านปวดท้องกลับห้องพักแล้ว
ตอนแรกเธอคิดว่าอาจารย์คณิตศาสตร์ระดับสูงจะวุ่นวายกับเรื่องนี้ของฉินหร่าน คิดไม่ถึงว่าพอพูดจบ อาจารย์คณิตศาสตร์ระดับสูงไม่ถามอะไรเลย วางใบรายชื่อลง โบ้ยมือให้หนานฮุ่ยเหยานั่งลง
จากนั้นก็ไม่ได้เช็กชื่อต่อ ราวกับแค่เพื่อเรียกชื่อฉินหร่านเท่านั้น
วิชาคณิตศาสตร์ระดับสูงสองคาบย่อยสิ้นสุดลง
คาบต่อไปเป็นฟิสิกส์มหาวิทยาลัย ห้องหนึ่งและห้องสองยังคงอยู่ด้วยกัน อาคาร A ทิศใต้ ห้อง 407
หลังจากอาจารย์ฟิสิกส์มหาวิทยาลัยมาถึงห้องเรียน ไม่พูดกล่าวอะไร มุ่งไปที่เช็กชื่อ “ฉินหร่านล่ะ ฉินหร่านอยู่ไหน”
หนานฮุ่ยเหยาและหยางอี๋ “…?”
“ตลอดช่วงบ่ายฉินหร่านไม่มาเข้าเรียน” สิงไคพูดเสียงเบากับหนานฮุ่ยเหยา “ฉู่หังเคยบอกว่า ทุกวิชาของแผนกฟิสิกส์ปีหนึ่งปีนี้ล้วนแต่เป็นศาสตราจารย์จากห้องปฏิบัติการและสถาบันวิจัย และช่วงนี้พวกเขาให้ความสำคัญกับพวกเรามาก หลังจากเธอกลับห้องพัก พยายามให้ฉินหร่านมาเข้าเรียนด้วย”
“ศาสตราจารย์ของห้องปฏิบัติการ?” หนานฮุ่ยเหยาไม่เคยได้ยินถึงสถาบันวิจัย แต่เคยได้ยินเหลิ่งเพ่ยซานบอกว่าห้องปฏิบัติการยอดเยี่ยมมาก
สิงไคยิ้ม “อาจารย์เย่ว์ก็เป็นศาสตราจารย์ของห้องปฏิบัติการ”
เขาบอกว่าอาจารย์เย่ว์ก็เป็นอาจารย์ฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัย
**
วิชาตอนบ่ายจบลง หนานฮุ่ยเหยาและหยางอี๋ไปโรงอาหารนำอาหารกลับห้องพัก แม้แต่ตอนบ่ายที่เหลิ่งเพ่ยซานไปกินข้าวกับรุ่นพี่กลับมา ฉินหร่านก็ยังไม่กลับมา
เหลิ่งเพ่ยซานวางกระเป๋าตัวเองลงบนโต๊ะ แล้วจึงหยิบแบบฟอร์มสองแผ่นออกมาจากในกระเป๋า ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “นี่คือแบบฟอร์มเข้าสมาพันธ์นักเรียนเป็นกรณีพิเศษ พวกเธอทั้งสองต้องการไหม”
“แบบฟอร์มภายใน? ขอบคุณเธอมากจริงๆ เลย” หนานฮุ่ยเหยารับมา อีกแผ่นวางให้หยางอี๋ “ระหว่างทางฉันกับหยางอี๋เอาแบบฟอร์มสมาพันธ์นักเรียนมาไม่ได้”
หนานฮุ่ยเหยาเข้าเรียนคาบบ่ายคาบหนึ่ง นั่งแถวเดียวกับกลุ่มฉู่หังกับสิงไคตลอดทั้งวัน จึงได้รู้ถึงข่าววงในมากมาย
และยังรู้ว่าถ้าเข้าสมาพันธ์นักเรียนได้ จะมีผลดีต่อการเข้าห้องปฏิบัติการอย่างมาก
รายชื่อทุกปีล้วนมาจากสมาพันธ์นักเรียน
หนานฮุ่ยเหยานั่งอยู่ที่เก้าอี้ พลางหยิบปากกากรอกแบบฟอร์ม ขณะที่กรอกก็หันหน้าพูดคุยกับหยางอี๋ “หร่านหร่านทำไมยังไม่กลับ เธอไม่มาทั้งบ่ายเลย วีแชทไปถามว่าเธอทำอะไร เธอก็บอกว่าตัวเองกำลังเรียน สิงไคบอกว่าตารางเรียนของพวกเราสอนโดยศาสตราจารย์ห้องปฏิบัติการ สำคัญมาก”
เหลิ่งเพ่ยซานกำลังสนใจกับของของตัวเอง ได้ยินหนานฮุ่ยเหยาพูด ชะงักไป “ศาสตราจารย์ห้องปฏิบัติการ เธอแน่ใจเหรอ”
“สิงไคบอก เขาคืออาจารย์เย่ว์ที่สอนภาควิชาฟิสิกส์มหาวิทยาลัยพวกเรา” หนานฮุ่ยเหยาวางปากกา หันไปด้านข้าง
“ศาสตราจารย์ของห้องปฏิบัติการทำไมมาสอนวิชาของพวกเธอได้” เหลิ่งเพ่ยซานประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่ใช่หนานฮุ่ยเหยาและคนธรรมดาทั่วไป รู้ดีว่าว่าแบบนี้มีความหมายอะไร เธอนั่งลง พูดคล้ายพึมพำ “ปีนี้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงให้ความสนใจกับภาควิชาฟิสิกส์ขนาดนี้เลย?”
เธอคิดไม่ตกเรื่องนี้
“สำคัญรึเปล่า” หนานฮุ่ยเหยาไม่ค่อยเข้าใจระบบของมหาวิทยาลัย แต่เหลิ่งเพ่ยซานกับสิงไคเหมือนไม่ใช่คนฐานะธรรมดา พูดขนาดนี้พวกเขาต้องมีเหตุผลแน่นอน
เธอกรอกแบบฟอร์มเสร็จ จึงเปิดคอมพิวเตอร์ เพราะมีเข้าเรียนวิชาช่วงเช้า เธอจึงไม่ได้เล่นเกม คลิกเปิดดูกระดานสนทนาของมหาวิทยาลัย
มีโพสต์บนกระดานสนทนามากมาย
แวบแรกหนานฮุ่ยเหยาเห็นโพสต์หราอยู่หน้าแรก… [ราชาน้องใหม่ปีนี้]
ไม่ใช่ว่าเธออยากรู้อยากเห็นโพสต์นี้ แต่เพราะโพสต์อื่นส่วนมากมีแค่หลายสิบหลายร้อยการตอบ
แต่โพสต์นี้มีเก้าพันกว่าการตอบกลับ เกือบจะถึงหนึ่งหมื่น
หนานฮุ่ยเหยาจึงคลิกเปิดโพสต์ ในหัวยังคงคิดความหมายของราชาน้องใหม่
เนื้อหาโพสต์คือการแนะนำ
[ชื่อ: ฉินหร่าน
เพศ: หญิง
คะแนนสอบเข้า: 747
ให้ฉันเล่าเรื่องที่รู้มาทั้งหมดให้ทุกท่านฟังกัน การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A ปีนี้ล้วนเกี่ยวข้องกัน ยังจำโพสต์ครั้งก่อนที่พวกเรายกย่องผู้สอบเข้าคนใหม่ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหม ผู้ชมโปรดไปที่… http: %¥¥#@!
747 คะแนนนี้ ไม่มีใครให้คะแนนพิเศษ ภาษาจีนกลาง 147 การทดสอบทางคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษคะแนนเต็ม คณบดีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A ต่อสู้กันเพื่อจอหงวนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ท้ายที่สุดมหาวิทยาลัยเมืองหลวงของพวกเราก็ชนะอีกแล้ว
จากนั้น…
จอหงวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเข้าร่วมแผนกฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ปีนี้ทางมหาวิทยาลัยได้มีการเข้าร่วมสองครั้งติดต่อกัน ทุกคนตรวจสอบตารางเรียนของแผนกวิชาฟิสิกส์ก็จะเห็นว่าพวกอาจารย์ อย่างน้อยสี่คนล้วนเป็นระดับศาสตราจารย์ของห้องปฏิบัติการหรือมากกว่านั้น (พูดถึงตรงนี้เจ้าของโพสต์ชักจะอิจฉาแล้ว ทำไมจอหงวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึงเลือกแต่แผนกฟิสิกส์ติดกันสองครั้ง แผนกคณิตศาสตร์ของพวกเราไม่คู่ควรเหรอ)
ราชาน้องใหม่มาทุกปีละคนขนาดนี้ ว่ากันว่าเปิดเทอมวันแรกประธานสมาพันธ์นักเรียนก็เริ่มที่จะเกณฑ์คน (ตอนไหนที่ฉันจะได้รับสิทธิ์แบบนี้)…]
นักเรียนใหม่เพิ่งเปิดเรียน และได้รับประสบการณ์ฝึกทหาร จึงไม่มีเวลาไปพูดคุยถึงอย่างอื่น โพสต์บนกระดานสนทนาเขียนขึ้นโดยนักเรียนปีสอง
วันนี้ตรงกับวันพักผ่อนวันที่สองของนักเรียนใหม่พอดี ผู้มีความสามารถที่ชอบอ่านโพสต์ซุบซิบเมื่อมีเวลาจึงอ่านโพสต์
หนานฮุ่ยเหยาก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากอ่านจบ เธอหันหน้าไปอย่างแข็งทื่อ มองไปทางรูมเมททั้งสองคน พูดอย่างเลื่อนลอย “ฉันเหมือนจะรู้แล้วว่าทำไม…”
“อะไร” หยางอี๋ยังคงกรอกแบบฟอร์มอย่างเชื่องช้า ได้ยินคำพูดของหนานฮุ่ยเหยา เธอเลื่อนเก้ามาด้านหลัง หันหน้ามองจอคอมพิวเตอร์
หยางอี๋เป็นคนตรงๆ เธออ่านเนื้อหารวดเดียวแล้วพูดทันที “จริงๆ แล้วฉินหร่านเป็นจอหงวนการสอบระดับประเทศปีนี้งั้นเหรอ!”
สำหรับเรื่องจอหงวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หยางอี๋ก็รู้เช่นกัน แต่ปกติเธอไม่ได้เข้าอินเทอร์เน็ต อ่านข่าวบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่รู้หน้าตาของจอหงวน…
สำคัญที่สุดคือ ถึงจะจำชื่อของจอหงวนได้ ใครจะไปนึกว่าเป็นฉินหร่านที่อยู่หอกับพวกเธอ!
ใครจะไปรู้ว่าจอหงวนการสอบเข้าดูดีถึงกับไปเดบิวต์ได้กัน!
…จอหงวนการสอบเข้าปีนี้คนนี้หน้าตาดีเช่นนี้เลยเหรอ!
ได้ยินเสียงของหยางอี๋ เหลิ่งเพ่ยซานมือสั่น เธอเม้มปาก มือที่เท้าแขนบนเก้าอี้กำเข้าหากันแน่นเล็กน้อย “พวกเธอสองคนคุยอะไรกัน”
หนานฮุ่ยเหยาทำใจให้สบายสองนาที ในที่สุดก็กลับมาได้สติ เธอมองเหลิ่งเพ่ยซาน “อ่อ ก็ฉินหร่านเป็นจอหงวนแห่งการสอบเข้ามหาวิทยาลัย รุ่นพี่ของสมาพันธ์นักเรียนวันนั้น อีกทั้งศาสตราจารย์แต่ละคาบของสาขาพวกเราปีนี้ ดูเหมือนว่าต่างมุ่งมาที่เธอ”
**
ตลอดทั้งเช้าฉินหร่านอยู่ที่วิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ โรงอาหารของมหาวิทยาลัยมีคนเยอะ เธอไปหาที่เงียบสงบกินข้าวที่นอกมหาวิทยาลัย กินเสร็จจึงกลับห้องพัก
ทันทีที่กลับถึงห้องพักก็พบว่าบรรยากาศในห้องไม่ปกติ
หนานฮุ่ยเหยากับหยางอี๋ต่างมองเธอไม่ขยับเขยื้อน
เหลิ่งเพ่ยซาน…นั่งอยู่ที่ของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ไม่ได้ใช้สายตาเหยียดหยามและไม่สนใจแบบนั้นมองเธอ
ฉินหร่านเดินมาที่ของตัวเองจากนอกประตูนิ่งๆ ลากเก้าอี้คอมพิวเตอร์นั่งลง คาบหลอดชานม ยกขาขึ้นเล็กน้อย เงยหน้ามองหนานฮุ่ยเหยาและคนอื่นๆ “ทำไม”
หนานฮุ่ยเหยามองฉินหร่านอย่างครุ่นคิด “จอหงวนสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรอ?”
“งั้นเหรอ” มือข้างหนึ่งฉินหร่านหยิบแก้วชานม มืออีกข้างเคาะโต๊ะคอมพิวเตอร์ เลิกคิ้ว “มีปัญหาเหรอ”
หนานฮุ่ยเหยาหัวใจจะวาย
ยังจะมา ‘มีปัญหาเหรอ’ อีก ไม่มีปัญหางั้นเหรอ!
“เธอรู้ไหม ราชาน้องใหม่ปีที่แล้วได้เข้าห้องปฏิบัติการไปเมื่อเทอมที่แล้ว ทุกคนต่างเดิมพันกันว่าตอนไหนที่เธอจะเข้าไปห้องปฏิบัติการได้…” พูดถึงตรงนี้ คำพูดของหนานฮุ่ยเหยาหยุดไป
เธอนึกได้ว่าเมื่อคืนฉินหร่านบอกว่าไปห้องปฏิบัติการได้ไม่ยาก…
ดูตอนนี้ การที่ฉินหร่านไปห้องปฏิบัติการเหมือนกับไม่ยากเลยจริงๆ แค่ปัญหาด้านเวลา
ห้องพักตกอยู่ในความเงียบแปลกๆ พักหนึ่ง
ตอนที่ห้องพักอยู่ในความเงียบ ประตูห้องพักก็ถูกคนเคาะดังขึ้น หนานฮุ่ยเหยาที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดมีปฏิกิริยาตอบรับ ลุกจากเก้าอี้ไปเปิดประตูทันที
ด้านนอกประตูเป็นคุณป้าผู้ดูแลหอ เธอมองเลขที่ห้อง ยิ้มให้หนานฮุ่ยเหยา “นักเรียนฉินหร่านอยู่ห้องพักนี้ใช่ไหม นี่คือเอกสารด่วนของเธอ”
เธอยื่นกล่องกระดาษให้หนานฮุ่ยเหยา ยิ้มอย่างอ่อนโยนและสุภาพมาก ต่างจากวันปกติเล็กน้อย
หนานฮุ่ยเหยารับมา พูดตอบทันที “ขอบคุณคุณป้า”
คุณป้าผู้ดูแลหอพูดอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นไร หนานฮุ่ยเหยาช่วยไม่ได้ หลังจากรอคุณป้าจากไป เธอจึงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ปิดประตูยื่นกล่องเอกสารด่วนให้ฉินหร่าน น้ำเสียงค่อนข้างสงสัย “พัสดุด่วนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงใส่ใจแบบนี้หมดเลยรึเปล่า ถึงขนาดส่งถึงประตูห้องพักเลย?”
“ไม่นะ” หยางอี๋หยิบกรรไกรขึ้นมา ยื่นให้ฉินหร่านแกะพัสดุ “เมื่อวานฉันไปรับพัสดุที่สถานีไฉเหนี่ยวด้วยตัวเอง”
ถ้าในมหาวิทยาลัยต้องส่งเอกสารถึงมือ คนส่งของต้องวิ่งขาหักแน่
หนานฮุ่ยเหยาให้ฉินหร่านรีบแกะ “นี่มันหนักมาก ข้างในคืออะไร”
ฉินหร่านประมาณการน้ำหนัก ในใจมีตัวเลขอยู่แล้ว หยิบออกมาเจอพัสดุที่แกะออก รูปร่างของสิ่งของก็ปรากฏออกมาให้เห็น
หนานฮุ่ยเหยาจ้องตาเขม็ง “นี่มันสวยเกินไปแล้ว”
หยางอี๋พยักหน้า “สวยจริงๆ ซื้อจากไหน”
เหลิ่งเพ่ยซานที่ไม่พูดอะไรเลยเมื่อได้ยินประโยคนี้ ในที่สุดก็อดจะหันหน้ามาไม่ได้
ทันใดนั้นก็เห็นภาพของวัตถุที่อยู่ในมือฉินหร่าน เธอเปลี่ยนสีหน้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเองอย่างกะทันหัน