เดิมทีฉินซิวเฉินต้องการโทรศัพท์หาฉินฮั่นชิว แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่ฉินหลิงพูด มือก็พลันหยุดชะงักลง ก่อนหันหน้ามา “เธอว่าอะไรนะ?”
“พี่ของผมอยู่ด้านล่างแล้ว” ฉินหลิงเงยหน้า
ฉินซิวเฉินวางโทรศัพท์ เขายังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงฉินหลิง พลางมองฉินหลิงด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ผู้จัดการพลันเอ่ยปากพูดขึ้น “คุณซุปตาร์ฉิน ผมจะลงไปรับ……”
“พี่สาวเธอดุไหม?” เมื่อฉินซิวเฉินนึกถึงใบหน้าของฉินหร่านที่มักเย็นชาและหงุดหงิดเสมอเวลาอยู่กับฉินหลิง จึงปิดปากเงียบอีกครั้ง
ฉินหลิงคิดอยู่สักพัก ก่อนส่ายหัวตอบ “ไม่ดุนะ” ผ่านไปครู่ใหญ่ ก่อนพูดเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจว่า “แต่ไม่ดุจะดูน่ากลัวกว่านะ”
ฉินซิวเฉิน: “……”
เมื่อฉินหลิงเห็นฉินซิวเฉินมีท่าทีแบบนี้ ก็รีบก้มหัวอธิบายด้วยความรู้สึกผิด: “อาครับ ผมขอโทษด้วยครับ!”
“อาจะไปรับพี่สาวเธอเอง” ฉินซิวเฉินเงยหน้ามองเวลา ใกล้ห้าทุ่มแล้ว
“ทำเธอไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้ แล้วดึกขนาดนี้แล้วทำไมเจ้าตัวถึงมาคนเดียวได้?”
ฉินซิวเฉินขมวดคิ้ว
รายการเรียลลิตี้โชว์ครั้งนี้ถูกปิดเป็นความลับ ทว่าไม่ว่าข้อมูลกองถ่ายไหนก็สามารถรั่วไหลได้ ไม่ไกลจากบริเวณนั้นมีแขกเข้าพักอยู่กลุ่มหนึ่ง ฉินซิวเฉินหยิบแมสปิดปากใส่ไว้ ก่อนที่ผู้จัดการจะรีบเดินตามหลังเขาไป
ผู้กำกับที่อยู่ด้านล่างยังไม่ไปไหน กำลังดื่มเหล้าอยู่กับชายวัยกลางคนที่หน้าโรงแรมเก่า เมื่อเห็นผู้จัดการและฉินซิวเฉินเดินลงมาด้วยความเร่งรีบ เขาก็ยืนขึ้นทันที “คุณซุปตาร์ฉิน เสี่ยวหลิงอาการแย่ลงเหรอครับ?”
“เปล่า” ฉินซิวเฉินดึงแมสออก ก่อนรีบเดินไปที่ประตูด้านนอก ไม่ได้พูดอะไรกับผู้กำกับให้มากความ
ผู้จัดการที่เดิมตามหลังฉินซิวเฉินก้าวหนึ่ง อธิบายให้ผู้กำกับฟังว่า: “เป็นญาติของซิวเฉินมาหาน่ะครับ ไม่มีอะไรมาก”
“ผู้กำกับ ทางโรงแรมยังมีห้องว่างอยู่ไหมครับ? ผมจะรีบพาคนไปทำความสะอาด อีกสักพักจะให้คนเอากุญแจห้องไปให้พวกเขา” นักแสดงจำนวนหนึ่งเป็นศิลปินหน้าใหม่ เพื่อไม่ให้รบกวนฉินซิวเฉิน ผู้กำกับจึงให้พวกเขาพักอยู่ชั้นเดียวกัน
ทางด้านหนึ่งผู้กำกับขึ้นไปด้านบนเพื่อเรียกพนักงานให้ไปจัดการ ขณะเดียวกันก็สงสัยว่าที่แท้ญาติของคุณซุปตาร์ฉินเป็นใครกันแน่ที่ทำให้เขารีบไปรับขนาดนี้?
เมื่อเขาขึ้นไปด้านบน ก็มองออกมาข้างนอก
เห็นคุณซุปตาร์ฉินพาร่างสูงเพรียวคนหนึ่งเข้ามาด้วย คนผู้นั้นใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวสีดำ สวมหมวกแก๊ป พร้อมถือเสื้อโค้ตตัวหนึ่งที่มีสีเดียวกันอยู่ ส่วนหน้าสวมหน้ากากสีดำปิดไว้
**
ชั้นบน ห้องนอนของฉินซิวเฉิน
เขาพาฉินหร่านเข้ามา ก่อนหน้านี้ได้ปรับเพิ่มอุณหภูมิในห้องแล้ว ก่อนรินน้ำแก้วหนึ่งส่งให้เธอ พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ทำไมเธอถึงรีบมาที่นี่คนเดียวได้?”
ฉินหร่านถอดหมวกแก๊ปออก จากนั้นโยนแมสปิดปากลงบนโต๊ะ เธอรับแก้วน้ำร้อนไว้ “พอดีมีเพื่อนที่รู้จักเลยขอติดมาด้วย”
เมื่อได้ยินว่าเป็นเพื่อนที่รู้จัก สีหน้าของฉินซิวเฉินก็ผ่อนปรนลง
ด้านนอกมีคนเคาะประตูนำกุญแจตรงข้ามห้องมาให้
ฉินซิวเฉินเดินไปเปิดประตู
ดวงตาคู่นั้นของฉินหร่านที่ทั้งมืดสนิทและเยือกเย็นมองมายังฉินหลิง
เธอมองดูภายในห้อง จากนั้นนั่งลงพลางกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ไหนว่ามาซิ”
“คือว่า จะไปหยิบเพชรของอากู้……” ฉินหลิงไม่กล้ามองฉินหร่าน ได้แต่ก้มหน้ามองต่ำ
“ก็แค่เศษเพชรเม็ดนึง วันหลังจะให้เขาเอามาให้เธอสักร้อยเม็ด” ฉินหร่านยิ้มอย่างเยือกเย็น
พวกฉินซิวเฉินก็แค่โชคดี ที่หน่วยกู้ภัยมาช่วยได้ทันเวลา สามารถดึงฉินหลิงออกมาจากดินถล่มได้ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า หน่วยกู้ภัยกลุ่มนั้นคือคนที่เฉิงเจวี้ยนส่งไป มิเช่นนั้นการโทรเรียกหน่วยกู้ภัยให้ขึ้นเขามาต้องใช้เวลาหนึ่งวันถึงสามารถมาช่วยได้
ก่อนหน้านั้นบริเวณถ้ำถูกดินถล่มลงมานานแล้ว
เรื่องร้ายแรงขนาดนี้มีเพียงฉินหร่านที่รู้ดี
หัวของฉินหลิงตกลงกว่าเดิม
ฉินซิวเฉินถือกุญแจเข้ามา คนก่อเรื่องสำนึกผิดแล้ว: “เป็นฉันเองที่ดูแลเขาไม่ดี”
ฉินหลิงเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาโดยตลอด นักแสดงในค่ายที่พามาเรียลลิตี้โชว์ครั้งนี้ล้วนเป็นกลุ่มวัยรุ่น มีเพียงฉินหลิงเท่านั้นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทางกองถ่ายได้กั้นเขตต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าฉินหลิงจะเข้าไป
“เสี่ยวหลิง รีบสำนึกผิดกับพี่เธอเร็ว”ผู้จัดการตามฉินซิวเฉินเข้ามา
“ครั้งหน้าอย่าทำอะไรอันตรายแบบนี้เพียงเพราะเพชรเม็ดเดียวอีกนะ”
ฉินหลิงเงยหน้ามองฉินหร่านอย่างระมัดระวัง “……พี่ เท้าเป็นแบบนี้ แล้วจะถ่ายรายการยังไง?”
“เป็นแบบนี้แล้วจะให้พี่ถ่ายให้รึไง” ฉินหร่านยืนขึ้น มองฉินหลิงอย่างเย็นชา “ตัวเองทำตัวเองแท้ๆ”
ฉินหลิงร้อง “อา” ออกมาคำหนึ่ง
ผู้จัดการที่ยืนอยู่ด้านข้าง: ยังคงเป็นพี่สาวจอมโหดของฉินหลิงเช่นเดิม
“เธอไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ นี่เป็นกุญแจ เสื้อผ้าอะไรในห้องมีหมด แถวนี้เป็นเขตภูเขาทำให้ห้องค่อนข้างชื้น กลางคืนก่อนนอนก็ปรับอุณหภูมิแอร์ขึ้นหน่อยนะ” ฉินซิวเฉินส่งกุญแจให้ฉินหร่าน
เดิมฉินหร่านกำลังจะบอกว่าตัวเองมีห้องพักแล้ว แต่เมื่อได้ยินฉินซิวเฉินพูดแบบนี้ จึงคิดอยู่สักพักก่อนรับกุญแจมา: “ขอรบกวนด้วย”
**
หลังจากฉินหร่านกลับห้องนอนของตัวเอง
ฉินซิวเฉินยังคงประชุมหารืออยู่
รายการวาไรตี้ไม่ได้เป็นของฉินซิวเฉินคนเดียว แต่ยังมีศิลปินท่านอื่นๆ อีก ตารางเวลาของทุกคนได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้ล่าช้าตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงช่วงเย็นเต็มๆ พรุ่งนี้ฉินซิวเฉินไม่สามารถเลื่อนเวลาไปได้อีก
“หรือว่าจะเลือกมือสมัครเล่นคนนั้นดี” ผู้จัดการเปิดบันทึกโปรแกรม “โปรแกรมสองช่วงสุดท้าย ไม่สามารถถ่ายลวกๆ ได้ งั้นให้น้องสาวญาติคุณมาออกแทนก็ได้ วันมะรืนน่าจะถึง”
ฉินซิวเฉินส่งยาให้ฉินหลิง ช่วงต่อไปฉินหลิงไม่ได้เข้าร่วมอัดรายการด้วย เขาจึงไม่ค่อยยินดีนัก ส่วนเรื่องมือสมัครเล่นก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร “ตามใจ”
พูดถึงตรงนี้ ผู้จัดการก็รู้สึกแปลกใจ “คุณว่าทำไมหลานสาวของคุณถึงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงสั้นๆ จากเมืองหลวงก็มาถึงที่นี่ได้เหรอครับ?”
ไม่รวมด่านรักษาความปลอดภัยก่อนขึ้นเครื่อง ใช้เวลาสี่ชั่วโมงขึ้นเครื่องบินมาถึงเมือง C ระหว่างนั้นยังต้องขึ้นเขามาอีก หากนับเวลาดีๆ ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันไม่ใช่เหรอ?
ฉินหลิงวางยาลง จากนั้นหยิบโทรศัพท์เล่นเกมออนไลน์กับฉินหร่าน
ฉินหลิงที่ควบคุมตัวละครในเกมอยู่หลังฉินหร่าน ฝั่งหนึ่งยังมีที่ว่างพิมพ์แชทอยู่
[พี่ครับพี่ครับพี่ครับพี่ครับพี่ครับ……]
อีกฝั่งตอบกลับอย่างเย็นชาและไม่แยแส: รายชื่อถูกลากเข้าบัญชีดำ
ฉินหลิงผู้ไม่เกรงกลัว พิมพ์ต่อไปว่า
[พี่อยากไปถ่ายรายการกับอาไหม มันสนุกจริงๆ นะ]
[หุบปาก]
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้จัดการและฉินซิวเฉินปรึกษากันเสร็จเรียบร้อย ก่อนตกลงกำหนดเวลาเดินทาง “ถ้าเอาตามนี้งั้นผมไปหาผู้กำกับนะ”
เขาหมุนตัวกำลังเปิดประตูออกไป
ฉินหลิงที่นอนอยู่บนเตียงก็พลันลุกนั่งขึ้นมา เขากะพริบตาปริบๆ : “อาครับ พี่ผมบอกว่าได้!”
ผู้กำกับอึ้งกิมกี่ ทั้งฉินซิวเฉินก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ “ว่าไงนะ”
“ก็……” ฉินหลิงตอบอย่างจริงจัง “พี่เค้าจะช่วยผมชำระหนี้ให้คุณอา พี่ไปได้ไหมครับ?”
ฉินหลิงมองฉินซิวเฉิน
เมื่อฉินซิวเฉินได้ยินเต็มสองหู
หลังจากนั้นก็อึ้งอยู่พักใหญ่ แววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น: “ได้สิ แน่นอนว่าได้!”
เขาหันไปมองผู้จัดการ “ไปทำสัญญากับผู้กำกับ”
ขณะที่พูดอยู่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนเปิดบราวเซอร์ ค่อยๆ เสิร์ชหา [ทำอย่างไรถึงเข้ากับหลานสาวได้ดี? ]
ทั้งสองคนปิดประตู ผู้จัดการจึงมองหน้าฉินซิวเฉิน เมื่อเห็นฉินซิวเฉินพิมพ์ประโยคในช่องค้นหาช้าๆ มุมปากของเขาพลันกระตุก: “ซิวเฉิน นี่คุณจริงจังใช่ไหม?”
“อืม” ฉินซิวเฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“หลานสาวของคุณไม่ค่อยเหมาะกับรายการวาไรตี้เท่าไหร่นะครับ” ผู้จัดการครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดอย่างจริงจัง
“เธอเป็นคนมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ก่อนหน้านี้คุณก็คิดอยากดึงเธอมาเป็นดาราไม่ใช่เหรอ?” ฉินซิวเฉินเงยหน้ามอง
ผู้จัดการที่เดินลงบันได “แบบนั้นมันไม่เหมือนกันนะครับ ถ้าเกิดเธอได้เป็นดารา ช่วงแรกผมต้องดูแลเธอให้ดีก่อนให้เธอค่อยๆ ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ค่อยๆ ไปทีละขั้น ยังไงซะหน้าตาของเธอเทียบกับคุณแล้วยังดูร้อนแรงกว่า แต่ว่าตอนนี้จู่ๆ ได้ออกรายการกับคุณพร้อมกัน ที่สำคัญที่สุดก็คือ……”
ผู้จัดการมองฉินซิวเฉินอยู่เงียบๆ ปราดหนึ่ง “เธอไม่เหมือนกับเสี่ยวหลิง เสี่ยวหลิงยังต้องพึ่งหาคุณ คุณดูสิว่าท่าทางของเธอตอนที่อยู่กับคุณดูเก้ๆ กังๆ แค่ไหน ถึงเวลานั้นรายการออกอากาศแล้วบรรยากาศอึดอัดคงแผ่ล้นออกมาจากหน้าจอแล้ว”
เขาพิจารณาอยู่สักพัก ยังคงรู้สึกไม่ยอมรับความจริง
ริมฝีปากของฉินซิวเฉินยกขึ้นเล็กน้อย เขาถือโทรศัพท์ไม่ยอมวาง “ไปทำสัญญา”
ผู้จัดการพอเดาผลลัพธ์ออก
ทั้งสองคนไปหาผู้กำกับที่ห้อง ผู้กำกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาคาดไว้แล้วเรื่องฉินซิวเฉินต้องการเปลี่ยนตัวแขกรับเชิญ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาตัดสินใจเลือกมือสมัครเล่นได้รวดเร็วทันด่วนขนาดนี้
สัญญาฉบับใหม่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก ทั้งสามคนสบตากัน ก่อนเซ็นสัญญาลงไป
ฉินซิวเฉินกังวลที่ฉินหลิงอยู่ห้องคนเดียว เมื่อเซ็นสัญญาเสร็จแล้วก็กลับห้องไป
แต่ผู้จัดการยังอยู่ที่เดิม
ผู้กำกับเห็นว่าผู้จัดการยังมีเรื่องอยากพูดกับตน เขาหยิบกระป๋องเบียร์มาสองขวด วางไว้ที่โต๊ะ พลางมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย: “มือสมัครเล่นที่ซุปตาร์ฉินเลือกครั้งนี้มีปัญหาเหรอครับ?”
“ไม่ใช่มือสมัครเล่น เป็นหลานสาวของซุปตาร์ฉิน คนน่ะไม่มีปัญหา หน้าตาดีแล้วก็ขึ้นกล้องด้วย แต่ว่า……เมื่อถึงตอนนั้นรบกวนคุณให้พวกเขาระมัดระวังการตัดต่อหน่อย อย่าตัดให้เธอมีแอร์ไทม์ บุคลิกของเธอน่าเบื่อทั้งอารมณ์ไม่ค่อยดี และไม่ใช่คนในวงการด้วย ถ้ารายการฉายออกไปอาจจะไม่ค่อยน่าดู ไม่ต้องให้เธอขึ้นกล้องเยอะเกิน สิ่งที่สำคัญก็คืออย่าให้ผลลัพธ์ของรายการสร้างภาพลักษณ์ด้านลบแก่เธอ” ผู้จัดการเปิดฝากระป๋องเบียร์ก่อนดื่มลงไปอึกหนึ่ง