เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 43 ฉินหร่านเป็นที่นิยมจริงๆ

มีรุ่นพี่มัธยมปลายและผู้ปกครองมากมาย พวกเขาเร่งรีบมาในเวลาเดียวกัน  

 

 

เสียงของพวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่หนิงฉิงคิด นักเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นถ้าไม่มีผลการเรียนดี ก็มาจากตระกูลที่ดี หรือไม่ก็มีสังคมที่ดี  

 

 

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโดดเด่นท่ามกลางคนเหล่านี้ หนิงฉิงเป็นแม่ที่เปรียบเทียบลูกตัวเองกับลูกคนอื่นมานานแล้ว  

 

 

เมื่อก่อนตอนที่เธอมาที่โรงเรียนอีจง เธอกับฉินอวี่เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ฉินหร่านกลับถูกพูดถึงมากกว่า  

 

 

หนิงฉิงค่อนข้างอึดอัด  

 

 

“คุณนายเฉียว” เธอเห็นรูปร่างที่คุ้นตาตรงหน้า จึงเผลอเรียกโดยไม่รู้ตัว  

 

 

“คุณนายหลิน” ผู้พูดสวมชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงิน เธอดูสุภาพ พูดจานุ่มนวลและดูคล่องแคล่วต่างจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและดูไร้เดียงสาที่อยู่ข้างๆ เธอ  

 

 

เฉียวเซิงชำเลืองมองเธอแต่สายของเขาล่อกแล่ก “รีบหน่อยครับ แม่”  

 

 

คุณนายเฉียวกล่าวขอโทษหนิงฉิง และเดินไปด้านข้างกับเฉียวเซิง  

 

 

เธอยังได้ยินเสียงกระซิบของเธอกับเฉียวเซิง “เธอกังวลที่ฉินหร่านกับพี่ชายของเธอจะหนีไม่พ้นใช่ไหม”  

 

 

ธุรกิจครอบครัวของเฉียวเซิงประสบความสำเร็จทั้งในปักกิ่งและต่างประเทศ แม้ว่าคุณพ่อเฉียวจะทำธุรกิจเปิดใหม่แต่เขาเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจจริงๆ ในอวิ๋นเฉิงลือกันว่าคุณนายเฉียวเป็นสุภาพสตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในปักกิ่ง  

 

 

หนิงฉิงไม่รู้เรื่องของสังคมชั้นสูงเหล่านี้มากนัก แต่เธอรู้ว่าทุกคนในอวิ๋นเฉิงต่างเกรงกลัว ตระกูลเฉียว  

 

 

เมื่อก่อนเพราะฉินอวี่ หนิงฉิงจึงได้คุยกับคุณนายเฉียวแค่ไม่กี่คำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนิทกัน เฉียวเซิงซุกซนและเข้าใกล้ได้ยาก  

 

 

แต่ตอนนี้หนิงฉิงฟังพวกเขาสองคนพูดถึงฉินหร่านประหนึ่งเป็นเพื่อนเก่ากัน  

 

 

“อวี่เอ๋อร์…” หนิงฉิงไม่ค่อยโดนดูถูกเหยียดหยามเท่าไรนักในโรงเรียนของฉินอวี่ จึงรู้สึกแปลกใจมากกว่าที่จะไม่พอใจ เธอไม่รู้จึงถามฉินอวี่ “ในโรงเรียนของเธอมีคนชื่อฉินหร่านอีกหรือเปล่า”  

 

 

ฉินอวี่ก้มหน้าลงและไม่ยังตอบคำถามในทันที  

 

 

เธอยังรู้สึกหดหู่ เมื่อเร็วๆ นี้ฉินหร่านโด่งดังมาก เธอเป็นคนเย็นชาและอวดดี ไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายเท่านั้นที่ชอบเธอ แต่เด็กผู้หญิงก็ยังเป็นแฟนคลับของเธอด้วย  

 

 

“ใกล้ถึงเวลาแล้วค่ะแม่ เราเข้าไปในห้องเรียนกันก่อนเถอะค่ะ” ฉินอวี่เลี่ยงคำถามของหนิงฉิง  

 

 

“อ่าฮะ ฉันเห็นเขา พี่ชายของฉินหร่านหล่อมากเลย!”  

 

 

“ให้ตายเถอะ พวกเขาอย่างกับเทวดานางฟ้า ฉันล่ะชอบจริงๆ!”  

 

 

“…” เสียงรอบข้างดังขึ้นทำให้หนิงฉิงรู้สึกไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าฉินอวี่ ตอบเธอ  

 

 

ฉินหร่านไม่มีความรู้และทักษะใดจึงไม่สามารถทำสิ่งใดในกลุ่มอันทรงเกียรตินี้ได้ ครอบครัวที่มีเกียรติในอวิ๋นเฉิงมีนักเรียนรุ่นพี่หลายคน หนิงฉิงก็รู้จักรุ่นพี่สองสามคนนั้น  

 

 

นี่คือสาเหตุที่หนิงฉิงไม่อยากมาร่วมการประชุมผู้ปกครองของฉินหร่าน  

 

 

ตอนแรกผู้อำนวยการฝ่ายการสอนไม่เต็มใจยอมรับฉินหร่าน หนิงฉิงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาจจะเป็นคนที่มีชื่อเหมือนกันก็ได้ เธอไม่เชื่อว่าฉินหร่านจะโด่งดังในกลุ่มนักเรียนขนาดนี้  

 

 

**  

 

 

การประชุมผู้ปกครองไม่มีอะไรมากไปกว่าการเน้นย้ำถึงรุ่นพี่ในโรงเรียน  

 

 

“แม่ ที่นั่งของผมอยู่นี่ครับ” เฉียวเซิงยืนอยู่บนหน้าต่างและชี้ไปที่ที่นั่งของเขาในห้องเรียนที่มีเด็กผู้หญิงมากมายล้อมรอบอยู่  

 

 

“นั่นพี่ชายของฉินหร่านนี่นา” เฉียวเซิงชี้ไปที่ที่นั่งของฉินหร่าน แต่กลับไม่พบฉินหร่าน  

 

 

เขาพยายามมองไปรอบๆ เพื่อหาเธอ  

 

 

คุณนายเฉียวยิ้มอย่างใจเย็นแล้วเดินไปยังที่นั่งของเฉียวเซิง ขณะที่เขากำลังมองไปยังที่นั่งของเด็กสาวคนนั้น  

 

 

เด็กสาวคนนี้ปรากฏตัวบ่อยครั้งที่บ้านของเฉียวเซิงเมื่อเร็วๆ นี้ เฉียวเซิงก็มักจะพูดถึงเธออยู่บ่อยๆ  

 

 

เธอเห็นชายหนุ่มรูปงามจอมขี้เกียจนั่งอยู่บนเบาะ  

 

 

ฝีเท้าของคุณนายเฉียวสั่นและผิวของเธอก็เปลี่ยนไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้จนแทบจะทรงตัวไม่อยู่  

 

 

มีคนมากมายมองมาที่เขาแต่เฉิงเจวี้ยนยังสามารถแยกแยะสายตาของคุณนายเฉียวได้ เขาเหลือบมองเธอเล็กน้อยและเห็นคุณนายเฉียว  

 

 

ไม่ใช่คนที่เขารู้จัก  

 

 

เฉิงเจวี้ยนถอนสายตากลับ เอนหลังและควงปากกาในมือ ภายใต้แสงที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระดูกของเขาได้รูป ใบหน้าเรียบเนียน ผิวพรรณเปล่งประกาย  

 

 

ขายาวของเขาวางลงใต้โต๊ะอย่างช้าๆ  

 

 

หญิงวัยกลางคนที่โต๊ะด้านหน้าดึงเก้าอี้เร็วเกินไปจึงเผลอไปชนโต๊ะ  

 

 

มีของมากมายบนโต๊ะของหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เธอไม่อาจห้ามใจได้  

 

 

“เป็นไง!”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนก้มหัวลง บนพื้นมีซองจดหมายมากมายทั้งสีชมพู สีฟ้าอ่อน และสีขาวกับรูปหัวใจสีแดง… มีหลายสิบฉบับ  

 

 

“เพื่อนที่นั่งข้างๆ ซือหรานนี่ฮอตไม่เบา” นี่คือพ่อของหลินซือหราน  

 

 

เขาเห็นว่าเฉิงเจวี้ยนยังเด็กอยู่จึงลูบหัวและพูดว่า “คุณเป็นพี่ชายหรือลุงของเพื่อนที่นั่งข้างๆ ซือหราน…”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนหยิบสิ่งของบนพื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาเงยหน้าขึ้นดูเหมือนไม่พอใจ แต่ก็สุภาพ “ไม่ใช่ครับ”  

 

 

“แล้ว…”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนตอบอย่างใจเย็นและสุขุม “ผมไม่ใช่ญาติของเธอครับ”  

 

 

น้ำเสียงของเขาดูเป็นมิตร แต่คุณเจวี้ยนดูมีความแข็งแกร่งในตัว มันปรากฏชัดตั้งแต่แรกเห็เลยว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาจนแม้แต่คนในห้องยังไม่กล้าสบตาเขา  

 

 

ผู้ปกครองในชั้นเรียนกำลังคุยกันเรื่องคุณเจวี้ยน ส่วนผู้ปกครองที่นั่งข้างๆ เขาดูเงียบมาก  

 

 

เฉิงเจวี้ยนค่อยๆ ใช้ความคิดในขณะที่จัดระเบียบจดหมาย  

 

 

เยี่ยมมาก มีจดหมายสามสิบสองฉบับ ดูเหมือนว่าเธอจะเก็บจดหมายพวกนี้แค่ของเมื่อคืนเท่านั้น  

 

 

เขายึดจดหมายพวกนั้นไว้หมดแล้ว  

 

 

คุณเจวี้ยนสุดยอดจริงๆ  

 

 

เกาหยางไม่ได้วิจารณ์นักเรียน ส่วนมากเป็นการให้กำลังใจเสียมากว่า เขาเขียนคู่มือสังเกตการณ์ ของนักเรียนแต่ละคนเพื่อแจกให้ผู้ปกครองคนละเล่ม  

 

 

พัฒนาการด้านนี้ของเขาช้า แต่การประชุมผู้ปกครองห้องแรกนั้นเร็วมาก หลี่ไอ้หรงชมเชย สองสามคำและเลือกนักเรียนที่เกรดตกสองสามคนขึ้นมาวิจารณ์ การประชุมผู้ปกครองเสร็จก่อนกำหนด  

 

 

การเรียนของฉินอวี่ก็ดี แถมเธอยังง่วนอยู่กับงานวันครบรอบของโรงเรียนด้วย หลี่ไอ้หรงยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาชมเชย  

 

 

หลายปีมานี้ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อสามีหรือลูกๆ หนิงฉิงคุ้นเคยกับมันและหยุดความลังเลลง  

 

 

“ฉันได้ยินว่าอวี่เออร์กำลังจะไปเรียนที่ปักกิ่งกับอาจารย์ชื่อดัง คุณนายหลินดูมีความสุขนะคะ” น้องสาวคนเล็กที่สนิทสนมพูดยกย่อง  

 

 

หนิงฉิงหัวเราะ ฉินอวี่เป็นความภาคภูมิใจของเธอมาโดยตลอด แน่นอนว่าเธอมีความสุขที่ได้ยินคนพูดถึงฉินอวี่ เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง  

 

 

เธอเห็นความวุ่นวายที่ทางเดิน  

 

 

“พวกเขากำลังมองอะไรน่ะ” หนิงฉิงเหลือบดู  

 

 

น้องสาวตัวน้อยที่อยู่รอบๆ ก็รวมตัวกันและหัวเราะ “ดูสิ นั่นฉินหร่าน ฉันได้ยินมาจากลูกสาวว่าเธอเพิ่งย้ายมาเรียนเทอมนี้ แถมยังมีนามสกุลเดียวกับลูกสาวของคุณด้วย แต่เด็กคนนี้สวยมาก ไม่แปลกใจเลยที่เธอเป็นที่ชื่นชอบขนาดนี้…เอ๊ะ? เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเฉียวใช่ไหม”  

 

 

หนิงฉิงเบือนหน้าหนีจากฝูงชนและมองลงไปชั้นล่าง  

 

 

ด้านหลังของเด็กสาวดูเย็นชา เธอหรี่ตาลงและดูเฉยเมย  

 

 

เด็กชายที่อยู่ข้างๆ เธอถือขวดน้ำสองสามขวดให้เธอ  

 

 

เป็นใบหน้าคุ้นเคยดี หนิงฉิงถอนหายใจอย่างแรง ในหัวเธอขาวโพลน  

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่… เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset