กระดาษหล่นออกมาจากหนังสือของฉินหร่าน พวกเขาจึงเหมาเอาเองว่ามันเป็นของเธอ
แต่ลายมือ…ไม่ใช่ลายของมือของฉินหร่านเลย
ลายมือนี้เป็นลายมือที่ต้องฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ฉินหร่านไม่คิดว่ากระดาษของเธอจะหล่นออกมา
เธอนั่งบนเก้าอี้พลางถือโทรศัพท์มือถือไว้ในมือซ้ายและวางมือขวาไว้บนโต๊ะ เธอต้องคอยระวังมือขวาที่บาดเจ็บ ดังนั้นท่าทางของเธอจึงแปลกออกไปเล็กน้อย
เธอเลิกคิ้วเมื่อเห็นกระดาษ
“ลายมือสวยมากเลย” หลินซือหรานโพล่งออกมาเป็นคนแรก เธอหยิบกระดาษขึ้นมาวางลงบนโต๊ะเพื่อดูเนื้อหาอย่างตื่นเต้น
“ฉินหร่าน เธอก็เป็นแฟนคลับเหยียนซีเหมือนกันเหรอ”
ในกระดาษนั้นเป็นเนื้อเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมาของเหยียนซี ในฐานะแฟนคลับ หลินซือหรานจึงรู้โดยทันที
ฉินหร่านส่ายหน้าและขึ้นเสียง “เปล่าสักหน่อย”
“งั้นทำไมเธอมีเนื้อเพลงของเหยียนซีล่ะ” หลินซือหรานถือกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือ
เฉียวเซิงไม่รู้ว่ามันเป็นเนื้อเพลง เขาเอื้อมมือมาแย่งไป “เธอไม่ใช่คนเขียนแน่ๆ ลายมือเธอจะสวยขนาดนี้ได้ไง จริงสิ ใครเป็นคนให้เธอ”
เฉียวเซิงช่างฉลาดจริงๆ
ทันใดนั้นฉินหร่านก็ใจเย็นลง เธอกดมือถือเล่นด้วยมือซ้ายและเอนตัวหัวเราะร่า “อ๋อ เพื่อนบ้านฉันเขียนน่ะ ลายมือเขาสวยไหมล่ะ”
“สวยสิ” หลินซือหรานพยักหน้าอย่างแรงและก้มลงมองอีกครั้ง “เพื่อนบ้านเธอลายมือสวยขนาดเขียนโพสต์ได้เลยใช่ไหม”
“ทำไมเธอไม่หัดเขียนให้มันสวยๆ เองล่ะ” เฉียวเซิงฟึดฟัด
ฉินหร่านมองโทรศัทพ์มือถือของตัวเองและเมินเขา
เมื่อเริ่มเรียน เฉียวเซิงก็กลับไปนั่งที่ของตัวเอง
**
ฉินหร่านต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลที่มืออีกครั้ง เฉิงมู่นำยาทั้งหมดไปไว้ที่ห้องพยาบาลตั้งแต่เมื่อวาน
ทั้งสองคนในห้องพยาบาลจะช่วยเธอเปลี่ยนผ้าพันแผล
เมื่อฉินหร่านมาถึงห้องพยาบาล ลู่จ้าวอิ่งที่ยืนอยู่นอกประตูก็เรียกใครบางคน น้ำเสียงของเขาดูจริงจังและเขาโบกมือให้เธอตอนที่เธอเดินผ่าน
เฉิงเจวี้ยนอยู่ในห้องพยาบาล เขานอนเอนหลังบนโซฟาอย่างเกียจคร้านโดยมือคอมพิวเตอร์วางพาดอยู่บนขา ท่าทางของเขาดูเฉื่อยก็จริง แต่เรียวคิ้วสวยกลับแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“เธอมาแล้วเหรอ” เฉิงเจวี้ยนวางคอมพิวเตอร์ลงข้างๆ แล้วดึงลิ้นชักยาออกมา
เขาทำมือเรียกให้ฉินหร่านนั่งลง จากนั้นจึงนั่งลงข้างๆ เธอ
เขาค่อยๆ แกะผ้าพันแผลออกเผยให้เห็นแผลภายใน เขาเย็บแผลและดูเหมือนแผลจะไม่ดีขึ้นเลย
ในฤดูร้อนเหงื่อจะออกที่ฝ่ามือง่าย ดังนั้นจึงเลี่ยงให้น้ำสัมผัสกับบาดแผลและยาได้ยาก
เฉิงเจวี้ยนใช้นิ้วคีบสำลีมา และค่อยๆ ใช้มันทำความสะอาดแผลร่วมกับยาและแอลกอฮอล์โดยที่ระมัดระวังไม่ให้สัมผัสบาดแผลโดยตรง “เจ็บไหม”
“ไม่เป็นไรหรอก” ฉินหร่านพูดอย่างเฉื่อยชาระหว่างนั่งเท้าคางด้วยมือซ้าย “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น”
เฉิงเจวี้ยนครางเสียงต่ำ “อืม” และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับเบาลงมาก
คิ้วของเขาหลุบลง ขนตายาวๆ คลุมเปลือกตาและโครงหน้าของเขาก็ไม่ชัดเจน
หลังจากใส่ยาเสร็จแล้ว เขาเห็นฉินหร่านลุกขึ้นจะออกไป เฉิงเจวี้ยนจึงถามว่าเธอจะไปไหน
“โรงอาหารน่ะ หลินซือหรานรอกินข้าวกับฉันอยู่” ฉินหร่านก้มมองมือขวาของตัวเองและรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเจ็บเท่าเมื่อวาน
เธอบาดเจ็บจึงไปทำงานไม่ได้
ในตอนเช้าหลังเลิกเรียน เธอได้ขอลางานพิเศษที่ร้านขายชานมไข่มุกแล้ว
เธอยังอยากไปเบียดเสียดกับคนอื่นที่โรงอาหารอีกเหรอ
เธอไม่กลัวว่าแผลจะเปิดอีกหรือไง
ริมฝีปากของเฉิงเจวี้ยนคว่ำลง
ฉินหร่านไม่ได้สังเกตจึงแค่โบกมือซ้ายให้ “งั้นฉันไปก่อนแล้วกัน”
เมื่อเธอเดินออกจากประตูไปก็พบลู่จ้าวอิ่งที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จเข้าพอดีจึงกล่าวทักทาย
ลู่จ้าวอิ่งโยนมือถือลงบนโต๊ะก่อนเกาหัวแกรกๆ “เธอจะไปไหนของเธอเนี่ย ทำไมไม่ให้เธออยู่กินมื้อค่ำด้วย”
เฉิงเจวี้ยนเดินกลับมานั่งลงบนโซฟา
เขาเม้มปากและดูเยือกเย็น
ลู่จ้าวอิ่งไม่เข้าใจที่เขาทำท่าทางเช่นนั้น แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
เขาทำได้เพียงแค่เปลี่ยนหัวข้อ “รองอธิบดีเสิ่นนั่นไปหาลุงเจียงมา”
เฉิงเจวี้ยนคาบบุหรี่ไว้ก่อนกัดและยิ้มเยาะ “ขี้ขลาดจริงๆ ไหนว่ามีเกียรตินักหนาไง”
ดวงตาของเขาดูเยือกเย็นและไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแม้แต่นิดเดียว
เฉิงมู่ที่เพิ่งเดินเข้ามา: “…”
คนอื่นอาจถูกบีบให้ตายคามือด้วยนิ้วเดียวได้แบบนั้น รองอธิบดีเสิ่นจะไม่หวาดกลัวได้ยังไง
**
ตระกูลหลิน
เมื่อคุณสวี่กลับมาถึงบ้าน ทั้งหลินฉีและหลินจิ่นเซวียนยังไม่กลับมา
หนิงฉิงนั่งเอาใจเขาอยู่ในศาลาในสวน
ยังไม่มีความคืบหน้าจากทางกรมตำรวจเลย หนิงฉิงรวบรวมข้าวของสามสี่อย่าง ขายเครื่องประดับและนำเงินห้าแสนมาไว้ในบัตรเอทีเอ็ม
วันนี้หลินจิ่นเซวียนนำข่าวเรื่องสวี่เซิ่นมือหักทั้งสองข้างมาบอก
ผลลัพธ์ที่ออกมาช่างเลวร้าย
หนิงฉิงดิ้นรนสืบข่าวและทำทุกทางให้ฉินหร่านไม่ถูกฟ้องและต้องติดคุก
เมื่อคืนนี้เธอนอนไม่หลับและถึงกับต้องใช้รองพื้นมากมายเพื่อกลบรอยดำใต้ตา
เธอไม่คิดว่าคุณสวี่จะมาที่นี่
“คุณนายหลิน” คุณสวี่รู้จักหนิงฉิง
หนิงฉิงถือบัตรเอทีเอ็มไว้ในมือและไม่อยากให้คนในตระกูลหลินมาเห็นเธอตอนที่หมดสภาพ “ป้าจาง ออกไปก่อนเถอะ ฉันจะคุยกับคุณสวี่”
จางเหยียน มองดูท่าทางอึกอักของเธอ แต่ก็ยอมผละไปหลังจากวางกาน้ำชาเสร็จ
“ใครมาน่ะ” ภายในห้อง หลินหว่านถือผ้าคลุมไหล่ไว้ในมือก่อนลงมาข้างล่าง
ป้าจางเม้มปาก เธอเทชาอีกถ้วยให้หลินหว่านและพูดเสียงเบา “จะเป็นใครไปได้ล่ะคะ ก็คุณสวี่ไง ฉันเห็นคุณนายถือบัตรเอทีเอ็มด้วย”
หลินหว่านนั่งลงบนโซฟา หลังได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ด้านนอก
คุณสวี่นั่งลงบนม้านั่งอย่างร้อนใจและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“คุณสวี่คะ ฉันขอโทษจริงๆ ลูกของฉันน่ะ…. เฮ้อ” เขาไม่ได้แสดงกิริยาใดๆ หนิงฉิงจึงเข้าใจเจตนาของเขาผิด เธอเทชาให้เขาและยอมพูดก่อนโดยทิ้งศักดิ์ศรีไว้ข้างหลัง
เธอไม่กล้าออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อคืน
เธอไม่กล้าสบตากับคนรับใช้ โดยเฉพาะคนในตระกูลหลิน
หนิงฉิงยกชาขึ้นจิบ “คุณก็รู้ว่าฉินหร่านเป็นยังไง เธอไม่เคยเชื่อฟังตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งที่เธอเรียนไวโอลินก่อนอวี่เอ๋อร์แท้ๆ แต่อวี่เอ๋อร์กลับเล่นเป็นตั้งแต่เกรดเก้า ขณะที่ฝีมือการเล่นไวโอลินของเธอยังไม่เอาไหน แล้วนี่ยังจะมาทำร้ายลูกชายคุณอีก ฉันขายหน้าจริงๆ ที่ต้องพูดเรื่องนี้”
คุณสวี่มาที่นี่ด้วยใจที่สั่นระรัวและต้องคอยดื่มชาเพื่อข่มความประหม่า
เขาไม่คิดว่าหนิงฉินจะพูดอย่างนี้
เขาถือถ้วยชาไว้ในมือและดูสับสนเล็กน้อย “เดี๋ยวนะ คุณนายหลิน”
หนิงฉิงถือบัตรเอทีเอ็มในมือและมองเขา
คุณสวี่มองเธอ “ไม่ใช่แล้ว ใครบอกว่าฉินหร่านเล่นไวโอลินไม่เก่ง เธอออกจะ…”
——
ประกาศ โปรโมชันอ่านฟรี
เรื่อง ‘เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ’ จะเปิดโปรอ่านฟรีตั้งแต่ตอนที่ 1-60 โดยทีมงานจะอัปเดตนิยายถึงตอนที่ 61 ในวันที่ 18 มี.ค. 64 และจะเปิดให้อ่านฟรี 60 ตอนแรก ตั้งแต่วันที่ 18-22 มี.ค. 64 (ระยะเวลา 5 วัน)
จากนั้นจะเริ่มติดเหรียญตั้งแต่ตอนที่ 51 เป็นต้นไป วันที่ 23 มี.ค. ในราคาตอนละ 300 เหรียญ ทั้งนี้ระหว่างที่มีโปรฯ อ่านฟรี ทางทีมงานจะยังอัปเดตตอนใหม่อย่างต่อเนื่องพร้อมติดเหรียญตามปกติค่ะ