อู๋เหยียนเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้แคร์สักนิดเดียว
เพื่อนร่วมโต๊ะที่เอาแต่ดึงมือของเธอ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก็ปล่อยมือของเธอออก
“ทำไม บนนี้มี……” อู๋เหยียนยิ้มเย็นพลางก้มหน้าลง เดิมทียังอยากจะเหน็บแนบอีกสักประโยคสองประโยค แต่ยังไม่ทันจะได้พูด พลันสีหน้าก็แข็งทื่อ
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป อยากลบคลิปวิดีโอนี่ทิ้งเสียเดียวนี้
หลินซือหรานมองมาที่เธอ “นี่เป็นคลิปที่ลงในเว็บเทียปา”
ไม่สามารถลบได้หรอก
คนอื่นๆ ในห้องหยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหากระทู้ของโรงเรียน กระทู้อยู่หน้าแรกจึงเห็นได้ง่ายมาก
อู๋เหยียนมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้ตัว เพื่อนร่วมโต๊ะที่ช่วยเธอพูดเมื่อครู่หยิบโทรศัพท์แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองเธออย่างระแวดระวัง
ภาพในคลิป ใบหน้าด้านข้างของอู๋เหยียนนั้นง่ายต่อการจดจำ
ความคมชัดแม้ไม่ใช่แบบblue-ray แต่ก็สามารถเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของอู๋เหยียนได้อย่างชัดเจน เธอฉีกกระดาษหลายแผ่นทิ้ง อีกทั้งยังเอาแฟลชไดรฟ์โยนถังขยะ รวมถึงตอนที่เทน้ำรดลงบนนั้น ใบหน้าด้านข้างแสยะยิ้มได้อย่างชั่วร้ายและประหลาด
ภาพที่ปรากฏของอู๋เหยียนทำให้คนห้องเก้าช็อกจนพูดไม่ออก นิ่งอึ้งไปหมดแล้ว!
เธอบอกฉินหร่านกำกับเองแสดงเอง บอกว่าฉินหร่านตั้งใจใส่ร้ายตัวเอง ตอนนี้ดูท่าแล้วว่าจะเป็นการหักหน้าตัวเองแท้ๆ!
เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ใครเป็นผู้บริสุทธิ์ใครเป็นคนร้ายมองแวบเดียวก็รู้แล้ว!
ท่าทางน้อยใจของอู๋เหยียนเมื่อครู่ ทำให้มีคนสงสัยจริงๆ ว่าฉินหร่านเป็นคนทำเองทั้งหมด แถมยังมีหลายคนบอกให้หลินซือหรานเลิกทะเลาะได้แล้ว
แต่ตอนนี้ดูแล้วกลับเป็นการเสียดสีสุดๆ
คนร้ายตัวจริงอย่างอู๋เหยียนถูกพวกเขาปกป้อง แต่คนที่ช่วยปกป้องชื่อเสียงของห้องเก้าเพียงลำพังอย่างฉินหร่านกลับถูกสงสัยและทอดทิ้ง แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็เสียใจแทนฉินหร่าน
แล้วก็อู๋เหยียน เธอทำเป็นตีหน้าเศร้าทำเป็นโกรธแล้วผลักความผิดทั้งหมดไปให้ฉินหร่านได้อย่างไร
“ฉินหร่าน ขอโทษนะ” เพื่อนร่วมโต๊ะของอู๋เหยียนโค้งลำตัวไปทางฉินหร่านด้วยสีหน้าละอายใจ แล้วก็กลับไปที่ของตัวเอง ไม่สนใจอู๋เหยียน ย้ายหนังสือของตัวเองไปวางไว้กลางโต๊ะ
นี่อายุเท่าไหร่เองก็มีกลอุบายเยอะขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้มีกล้องวงจรปิด ฉินหร่านก็คงจะแก้ตัวไม่พ้นข้อกล่าวหาน่ะสิ
คนอื่นๆ ที่เคยว่าก่อนหน้านี้ก็ทยอยมาขอโทษเรื่อยๆ
“ขอโทษนะ ฉินหร่าน”
“……”
“ฉัน……” มืออู๋เหยียนสั่นระริก สมองของเธอขาวโพลน นิ่งอึ้งไปทันที
เส้นประสาทในสมองของเธอขาดผึง
เมื่อครู่เธอพูดอะไรไปอย่างมีเหตุมีผลบ้าง
บอกว่าเดิมทีเธอไม่ได้จะคิดเล็กคิดน้อยกับฉินหร่าน เพราะประโยคนี้คนห้องเลยเชื่อเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าประโยคนี้จะเป็นแค่เรื่องตลก!
เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกคนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับเธอก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้พวกเขาต่างใช้สายตารังเกียจมองตัวเอง
เธอคิดว่าเฉียวเซิงไม่เผยแพร่คลิปวิดีโอก็จะไม่มีใครมันเอาออกมา
คิดว่าทุกอย่างถูกตัวเองควบคุมไว้หมดแล้ว
แต่คลิปกล้องวงจรปิดนี้ เผยให้เห็นใบหน้านั้นของเธออย่างชัดเจน…
“ให้ตายเถอะ การกระทำของอู๋เหยียนนี่ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ตัวเองเป็นคนทำเองแท้ๆ แต่แสร้งทำเป็นโกรธ เสียใจเพราะถูกใส่ร้ายขนาดนั้นได้อย่างไร” บางคนพึมพำเบาๆ
“หน้าไม่อายจริงๆ เลย เธออิจฉาความสัมพันธ์ของเฉียวเซิงกับฉินหร่านไม่ใช่เหรอ” โต๊ะด้านหลังอู๋เหยียนย้ายโต๊ะของตัวเองไปด้านหลัง แล้วก่นด่าออกมา
“……”
เมื่อเผชิญหน้ากับการขับไล่และกล่าวโทษของคนในห้อง อู๋เหยียนก้มลงปิดใบหน้าตัวเองแล้ววิ่งออกไปทางประตูหลังอย่างโซซัดโซเซ
……
ยังมีคนมาขอโทษหลินซือหราน ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดี เธอส่ายหน้าแล้วกลับไปนั่งที่ตัวเอง
เอียงศีรษะ เอ่ยถามเบาๆ ว่า “หรานหร่าน เธอไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ” ฉินหร่านหลุบสายตา ดูวิดีโอที่อยู่บนโทรศัพท์ เมื่อคืนตอนดึกเธอแฮ็กกล้องวงจรปิดจากโรงเรียน
เดิมทีเธอคิดที่จะเอาออกมาเปิดเผยอยู่ แต่ยังไม่ได้ทำ
เธอก้มหัวลงเล็กน้อย เลื่อนไปที่กระทู้ของโรงเรียน ไอดีของคนที่โพสต์ชื่อ “leifeng”
สาวเบาะแสอะไรไม่ออก
“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” หลินซือหรานชะงัก ไม่รู้ว่าทำไมฉินหร่านโพล่งประโยคนี้ออกมา “เธอยังอุตส่าห์เอาอัลบั้มของเหยียนซีมาให้ฉัน เธอก็รู้นั่น……”
“เรื่องเหยียนซี ฉันก็แค่เสียแรงปากเท่านั้น” ฉินหร่านวางโทรศัพท์ มือเท้าคาง ปลายนิ้วซีดและเย็น “สู้เธอไม่ได้เลย……”
หลินซือหรานเงยหน้ามองเธอ
ฉินหร่านหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรอีก
ผ่านไปสักพักก็เอียงศีรษะมองหลินซือหรานอีกครั้ง
……
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันหลังคลิปนั้นเผยแพร่ออกไป คนในห้องเก้าก็เอาเรื่องของอู๋เหยียนมาใส่สีตีไข่โพสต์ลงบนกระทู้เทียปาอีกครั้งอย่างโมโห
ข่าวนี้แทบแพร่ไปทั่วโรงเรียนแล้ว
ช่วงบ่ายคนในห้องของมู่หยิงต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ พูดกันว่าฉินหร่านพลิกสถานการณ์ได้อย่างไรหลังจากบทสุนทรพจน์ถูกคนอื่นฉีก แถมยังต่อว่าอู๋เหยียน…
ฉินหร่านกลายเป็นคนลึกลับกว่าสวีเหยากวงไปแล้วในสายตารุ่นน้อง
“เรื่องใหญ่โตขนาดนั้น ฉินหร่านเป็นลูกพี่ลูกน้องของมู่หยิงเชียวนะ!” หลี่อวี้หานควงแขนของมู่หยิงไว้ “เลิกเรียนแล้วพาเราไปเจอพี่เธอหน่อยสิ?”
มู่หยิงเงยหน้า เพื่อนสองสามคนในห้องที่สนิทกันต่างมองเธอด้วยสีหน้าคาดหวังและชื่นชม
ภูมิหลังของครอบครัวเธอไม่ดี การเรียนก็แย่กว่ามู่หนาน เป็นครั้งแรกที่ถูกคนให้ความสนใจ
ไม่รู้อะไรดลใจ มู่หยิงถึงรับปากพวกเขาว่าจะรออยู่ล่างอาคารเรียนของฉินหร่าน
หลังเลิกเรียนตอนกลางคืน
ฉินหร่านยังคงกลับช้ากว่าคนอื่น
มู่หยิงตาเป็นประกายเมื่อเห็นเธอ โบกไม้โบกมือยังไม่ทันจะได้อ้าปากเรียก
ก็เห็นชายชราคนหนึ่งลงมาจากรถเบนซ์คันหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉินหร่าน
เวลานี้ฉินหร่านถือโทรศัพท์ไว้ ก้มหน้าก้มตาเดินช้าๆ พลันมีเงาปรากฏขึ้นตรงหน้า
เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพียงแค่เดินไปอีกทาง
เงาคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
ทว่าก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือขวางเธอไว้