มีชั่ววูบหนึ่ง ที่ฉินอวี่คิดว่าตัวเองฟังผิดไป
เธอเลิกคิ้ว เสียงก็เผลอดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “คนตระกูลเฟิง…นายไปเอาข่าวมาจากไหน”
ฉินอวี่ต้องรู้จักตระกูลเฟิงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองอวิ๋นเฉิงอยู่แล้ว เพียงแค่คนในชนชั้นเธอ ไม่เคยเจอผู้นำตระกูลเฟิงมาก่อน คนเดียวที่เคยพูดคุยด้วยคือคุณหญิงเฟิง แม้เฟิงฉือจะเป็นเพื่อนของหลินจิ่นเซวียน ทว่าแม้แต่ตัวฉินอวี่เองก็เคยคุยกับเขาแค่ไม่กี่ประโยค
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฟิงโหลวเฉิง ฉินอวี่เคยเห็นแค่ในโทรทัศน์เท่านั้น
อย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่ตระกูลหลินก็ไม่สามารถคบค้ากับตระกูลเฟิงได้
“ข่าววงใน เรื่องนี้เธอต้องเก็บเป็นความลับ อย่าพูดออกไปละ” ชายหนุ่มพูดอย่างหวาดระแวง “คุณครูบอกฉันด้วยกับปากเลย”
ฉินอวี่เม้มปาก หลุบตาต่ำลง นานกว่าเธอจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้ม “นายรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือเปล่า”
เธอไม่เคยได้ยินฉินหร่านหรือเฉินซูหลานพูดเลยว่าพวกเธอรู้จักเฟิงโหลวเฉิง ฉินอวี่ไม่ค่อยอยากเชื่อ ถ้าฉินหร่านรู้จักเฟิงโหลวเฉิงจริง จะไม่บอกพวกหนิงฉิงเชียวเหรอ
จะไม่บอกคนอื่นเลยเหรอ
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ” ชายหนุ่มส่ายหน้า จากนั้นเม้มปากทำท่าครุ่นคิดน้อยๆ “ยังไงซะก็คงไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นหรอก จริงไหม”
ฉินอวี่ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
จากนั้น ฉินอวี่ก็เอาผมทัดหู ยิ้มบางๆ “ก็จริงละมั้ง”
เรื่องนี้เป็นข่าวดัง แต่เป็นที่พูดถึงน้อย
อันที่จริงแล้ว ตอนที่รูปเพิ่งถูกปล่อยออกมา มีคนไม่น้อยพากันปลุกปั่น แต่ภายหลังก็มีคนไม่น้อยโพสต์ปกป้องฉินหร่านในเว็บบอร์ดโรงเรียน
ที่จริงโพสต์ในเว็บบอร์ดโรงเรียนก็ไม่มีประโยชน์มากนัก ทว่าตอนนี้แม้แต่โพสต์ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ก็ถูกลบไปแล้ว
ตอนนี้ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในอินเทอร์เน็ตคงจะเป็นเวยป๋อ
ฉินอวี่คิดอะไรบางอย่าง มือของเธอกดดูรูปโปรไฟล์ของอู๋เหยียนอย่างไม่ใส่ใจ
…
เลิกเรียนคาบสุดท้ายของเย็นวันจันทร์แล้ว ฉินหร่านนั่งเก็บหนังสืออย่างเชื่องช้าอยู่บนที่นั่ง
หลังหลินซือหรานมาถามเธอ ก็เก็บของเสร็จสรรพออกไปโรงอาหารแล้ว
ฉินหร่านชักช้าเสมอมา คนในห้องเรียนเดินแยกย้ายกันไปตั้งนานแล้ว
“ฉินหร่าน มีคนรอเธอตรงใต้ตึก!” มีชายคนหนึ่งตะโกนบอกฉินหร่านอยู่นอกประตู
ฉินหร่านไม่ได้นั่งตัวตรงขนาดนั้น แลดูเกียจคร้านอยู่บ้าง ลักษณะท่าทางเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ตลอดเวลา ผมสั้นนุ่มสลวยปล่อยระต้นคอ ให้ความรู้สึกเย็นสบายอยู่เสมอ
ชายหนุ่มเห็นฉินหร่านพยักหน้า ในหัวก็มีแต่รอยยิ้มมุมปากอันไม่ยี่หระของอีกฝ่าย
คนที่รออยู่ใต้ตึกคือมู่หนาน
“เรื่องในเว็บบอร์ดโรงเรียนไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” มู่หนานสวมเชิ้ตลายสก็อตสีดำแดง ใบหน้าที่เย็นชาในตอนแรกจางหายไปไม่น้อย ปกติเขาเงียบขรึมพูดน้อย ชวนให้คนอื่นรู้สึกไม่กล้าเข้าไปพูดคุยด้วย
เสื้อผ้าโทนสีอบอุ่นทำให้เขามีความสมดุลอย่างหนึ่งได้พอดี
ฉินหร่านแปลกใจที่มู่หนานมาหาเธอวันนี้ เธอยิ้ม มือซ้ายถือมือถือไว้ “ไม่เป็นไรแล้ว”
มู่หนานพยักหน้า มือที่ล้วงกระเป๋าคลายออก
มู่หนานถูกเลือกให้เป็นเดือนโรงเรียนตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมปีสี่ พอมีชื่อเสียงในโรงเรียนอยู่บ้าน เขาค่อนข้างเย็นชา ทว่าไม่ใช่โอหังอวดดีอย่างสวีเหยากวง แต่เป็นความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากข้างใน
มู่หยิงกวักมือให้มู่หนานอยู่ไม่ไกล
“พี่” มู่หยิงรู้เรื่องโพสต์ในเว็บบอร์ดแล้ว ไม่คิดว่าวันจันทร์พอมาโรงเรียน เรื่องจะเงียบไปแล้ว เธอเผลอมองฉินหร่านมากกว่าหนึ่งครั้ง
ฉินหร่านพยักหน้า
เธอจะไปห้องพยาบาล มู่หนานกับมู่หยิงจะกลับบ้าน ทั้งสองห้องแยกกันตรงปากทาง
“เว่ยจื่อหัง?” มู่หยิงรู้สึกคุ้นหู ปกติเคยได้ยินนักเรียนหญิงคนอื่นในห้องพูดถึง ได้ยินว่าเป็นขาโจ๋ประจำโรงเรียนที่แหย็มไม่ได้เด็ดขาด
มู่หยิงยืนอยู่ข้างหลังมู่หนานกับหลี่อวี้หัน ทนไม่ไหวแอบมองเว่ยจื่อหังไปหลายที
…
ในเวลาเดียวกัน
ณ โรงแรมเอินอวี่ ฉินอวี่ลงจากรถ หนิงฉิงยืนรอเธอตรงหน้าโรงแรม
“มาพอดีเลย” เมื่อเห็นฉินอวี่ มุมปากของหนิงฉิงจะมีรอยยิ้มทุกครั้ง “คุณหญิงเฟิงรออยู่บนตึกแล้ว อยู่กับคุณหญิงดีๆ ละ”
เรื่องแบบนี้ไม่ต้องรอให้หนิงฉิงพูด ฉินอวี่ก็รู้ดี เธอพยักหน้า เดินตามหนิงฉิงขึ้นไปตลอดทาง
วันนี้เฟิงฉินไม่มา ตอนแรกจะมา แต่ได้ยินว่ามีธุระกะทันหัน
แต่หลินจิ่นเซวียนอยู่
“ได้ยินว่าอวี่เอ่อร์จะไปฝากตัวกับอาจารย์ชื่อดังในเมืองแล้วเหรอ” คุณหญิงเฟิงมองฉินอวี่ยิ้มๆ
ฉินอวี่เม้มปากน้อยๆ “ค่ะ ช่วงนี้กำลังฝึกเพลงไหว้ครูอยู่”
หนิงฉิงให้คนไปหยิบไวโอลินของฉินอวี่มา เห็นว่าคุณหญิงชอบ เลยให้ฉินอวี่บรรเลงสดๆ สักท่อน
ฉินอวี่ก็ไม่ปฏิเสธ บทเพลงที่เธอเรียบเรียงใหม่คุ้นเคยจนบรรเลงได้แล้ว
นอกจากท่วงทำนองที่แตกต่างไปไม่น้อย แต่ความคล่องแคล่วกับความรู้ขั้นพื้นฐานไม่มีข้อผิดพลาดอะไรแล้ว
คุณหญิงเฟิงดูฉินอวี่บรรเลงจนจบท่อน น่าแปลกที่ดูใจลอยนิดหน่อย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
“เป็นอะไรไปคะ” เห็นฮูหยินเป็นแบบนี้ ใจของฉินอวี่ก็กระตุกไปทีหนึ่ง
คุณหญิงเฟิงตื่นจากภวังค์ เธอจิบชาคำหนึ่งแล้วยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร เธอบรรเลงได้ดีจริงๆ ไปทัวร์คอนเสิร์ตได้แล้ว”
เพียงแต่ว่า…คุณหญิงเฟิงรู้สึกว่าสไตล์มันคุ้นหูนิดหน่อย เธอน่าจะเคยได้ยินมาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน
ได้แต่คิดก็เท่านั้น
ฉินอวี่ไม่ได้ถูกคนชมแค่คนสองคนแล้ว ความมั่นใจแค่นี้เธอก็ยังพอมีอยู่บ้าง จึงเม้มปาก “จริงสิ คุณแม่ มีเรื่องเกี่ยวกับพี่ไม่รู้ว่า…”
หนิงฉิงย่นคิ้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าฉินอวี่จะพูดอะไร จึงรีบส่งสัญญาณทางสายตาไม่ให้ฉินอวี่พูดต่อหน้าคุณหญิงเฟิง
ฉินอวี่เม้มปาก มองคุณหญิงเฟิง ท่าทางดูลังเล…
“เธอว่ามาเถอะ” คุณหญิงเฟิงดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเช็ดมือ
ดูเหมือนฉินอวี่จะปริปากได้ยาก สุดท้ายก็ลังเลใจ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “คือว่า ได้ยินว่าพี่สาวของหนูรู้จักกับผู้นำตระกูลเฟิง เป็นความจริงหรือเปล่า”