มือของคุณหญิงเฟิงหยุดชะงัก เธอเงยหน้าขึ้นน้อยๆ อย่างประหลาดใจ “เธอมีพี่สาวด้วยเหรอ”
แค่ถามตามมารยาทเท่านั้น คุณหญิงเฟิงไม่ค่อยรู้จักตระกูลหลินมากนัก
จะรู้ได้อย่างไรว่าฉินอวี่ยังมีพี่สาวอีกคนด้วย
ฉินอวี่ก็เงยหน้าขึ้น เธอไม่คิดว่าคุณหญิงเฟิงจะไม่รู้แม้กระทั่งตัวตนของฉินหร่านด้วยซ้ำ…
หนิงฉิงยกถ้วยชาขึ้นอย่างไม่รู้ตัว หลบสายตาซักถามของคุณหญิงเฟิง ก่อนหน้านี้เวลาเจอคนรู้จัก เธอจะตั้งใจหลบหน้าฉินหร่านทุกครั้ง
“ใช่ค่ะ” ฉินอวี่ได้สติกลับคืนมาแล้วฉีกยิ้ม แต่ยังรู้สึกไม่ดี จากนั้นก็เม้มปาก “เธอบอกคนอื่นว่าตัวเองสนิทกับคุณลุงมาก ฉันเลยคิดว่า จะลองถามคุณป้าดู”
รู้ที่ไหนกัน คุณหญิงเฟิงไม่รู้ว่ามีพี่สาวของเธออยู่ด้วยซ้ำ
“บอกคนอื่นว่าเธอสนิทกับเหล่าเฟิงมากงั้นเหรอ” เมื่อคุณหญิงเฟิงได้ยินคำพูดของฉินอวี่ ก็พอรู้แล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เธอยกถ้วยชาขึ้น รอยยิ้มดูเย้ยหยันมากทีเดียว “งั้นก็น่าแปลกจริงๆ เหล่าเฟิงมีคนสนิทแค่ไม่กี่คนเอง”
“ที่แท้ก็ไม่รู้จักกันนี่เอง” ฉินอวี่ก้มหน้าลง ปิดบังรอยยิ้มตรงมุมปาก “ฉันคงจะฟังผิดไป”
เพราะเฟิงฉือไม่มา หลินจิ่นเซวียนที่นั่งอยู่อีกฝั่งไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแค่จัดอุปกรณ์ทานอาหารแทนคุณผู้หญิงทั้งหลายเท่านั้น
ฟังถึงตรงนี้ เขาก็ช้อนตาขึ้นมองไปทางฉินอวี่ “เธอไปฟังใครพูดมา? ฉินหร่านไม่เหมือนคนที่จะพูดอะไรแบบนี้”
หลินจิ่นเซวียนก็พอรู้จักฉินหร่านอยู่บ้างเหมือนกัน
อีกฝ่ายพูดน้อย แถมยังเฉยชา เป็นคนละประเภทกับฉินอวี่อย่างสิ้นเชิง คิ้วมักจะขมวดเป็นปม แผ่ออร่าไม่ยี่หระตามฉบับวัยรุ่น
จึงเผลอปกป้องฉินหร่านโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว
ฉินอวี่เม้มปาก เธอมองหลินจิ่นเซวียน รู้สึกเจ็บใจมากทีเดียว แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม “ฉันก็ฟังคนอื่นว่ามา”
คุณหญิงเฟิงไม่ค่อยสนใจพี่สาวคนนี้ของฉินอวี่มากนัก จึงเปลี่ยนหัวข้อถามเรื่องฉินอวี่ขึ้นมาอีกครั้ง
ฉินอวี่ไม่นับว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาหญิงงามผู้เพียบพร้อมของเมืองอวิ๋นเฉิง แต่ก็พอมีชื่อเสียงบ้างเหมือนกัน ได้ยินว่าสีไวโอลินได้ดีไม่พอ ยิ่งมาเทียบกับพานหมิงเย่ว์ที่มีสีหน้าบูดบึ้งในบ้านคนนั้นแล้ว ไม่รู้ว่าดีกว่าเป็นไหนๆ
เธอจับมือของฉินอวี่พูดคุยอยู่นานสองนาน
พอคุณหญิงเฟิงไปแล้ว หนิงฉิงถึงได้ถามฉินอวี่ “พี่สาวแกมันยังไงกันแน่”
“ไม่รู้เหมือนกัน หนูก็ได้ยินคนอื่นว่ามา เธอแอบอ้างชื่อเสียงของคนตระกูลเฟิง ลบเรื่องนั้นในเว็บบอร์ดทิ้งไปแล้ว” ฉินอวี่พูดเสียงเรียบ
…
ณ ห้องพยาบาลโรงเรียน
ไม่รู้ว่าชีเฉิงจวินไปอุ้มหมาพุดเดิ้ลดวงตาสีดำสนิทมาจากไหนตัวหนึ่ง “เฉิงมู่ เตรียมกรงขังให้ฉันกรงหนึ่ง ฉันจะให้คนขนกลับไปให้เทพธิดาของนาย ตั้งใจหน่อย”
ตอนแรกเฉิงมู่ยุ่งมากทีเดียว แถมยังทำหน้าบอกบุญไม่รับและไม่จริงจังกับเรื่องนี้
แต่พอได้ยินชีเฉิงจวินพูดถึงเทพธิดาของเขา จึงรีบทำตัวเองให้สดชื่นขึ้น
หยิบมือถือมาติดต่อคนช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ชีเฉิงจวินอย่างรวดเร็ว
ลู่จ้าวอิ่งกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ข้างฉินหร่าน อธิบายโดยไม่เงยหน้าว่า “เทพธิดาของเฉิงมู่ชอบหมา นอกจากท่านเจวี้ยนแล้ว ก็มีแต่เฉิงมู่นี่แหละที่ใส่ใจเธอที่สุด”
มือหนึ่งของเขากดมือถือ พร้อมกับอธิบายอย่างสบายๆ
ไม่รู้ว่าตอนไหนที่เปิดไปเจอหน้าหนึ่งบนมือถือ รอยยิ้มตรงมุมปากของเขาก็ค่อยๆ จางลง
เมื่อเบือนหน้ามอง เห็นฉินหร่านกำลังประคองอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศเล่มหนึ่งอยู่ ก้มหน้าก้มตาท่าทางดูตั้งใจมาก
ลู่จ้าวอิ่งเม้มปาก ยกมือถือแล้วลุกขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณมือให้เฉิงเจวี้ยนที่กำลังยืนครุ่นคิดอยู่หน้าหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์
ตอนแรกเฉิงเจวี้ยนไม่คิดจะสนใจลู่จ้าวอิ่ง แต่เมื่อเห็นรูปปากของลู่จ้าวอิ่งพูดว่า ‘ฉินเสี่ยวหร่าน’ เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง วางของในมือลงและตามลู่จ้าวอิ่งออกมาอย่างไม่รีบร้อน
“รูปของฉินเสี่ยวหร่านกับเฟิงโหลวเฉิงถูกโพสต์ลงบนเวยป๋อแล้ว ถูกคนซื้อโฆษณาให้ขึ้นอันดับค้นหายอดนิยม” ลู่จ้าวอิ่งขมวดคิ้ว ดูร้อนใจไม่เบา “ครั้งก่อนฉันไปเอาวิดีโอกล้องวงจรปิดกับโรงเรียนโพสต์ในเว็บบอร์ดของเหิงชวนอีจง ฉันสงสัยว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของคนนั้น”
เฉิงเจวี้ยนตอบอืม สีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่แปลกใจแต่อย่างใด
แต่แววตากลับแปรเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก
“นายก็รู้ว่าแอคเคาต์โฆษณาปลุกปั่นน่าสะอิดสะเอียนมาตลอด ตอนนี้จะทำยังไง ให้ฉันหาคนไปลบแอคเคาต์โฆษณาพวกนี้ทิ้งเหรอ” ลู่จ้าวอิ้งไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างฉินหร่านกับเฟิงโหลวเฉิงและอาจารย์ใหญ่สวี
แต่ตามความเข้าใจของเขา มันเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อสามปีก่อนนั่นแน่นอน
เขาส่งมือถือให้เฉิงเจวี้ยนดู
เฉิงเจวี้ยนไล่ดูอยู่ครู่หนึ่ง ในเวยป๋อผู้คนจะละเอียดอ่อนและรังเกียจเรื่องแบบนี้เสมอมา
คอมเมนต์ข้างล่างย่อมไม่น่าดู
ลู่จ้าวอิ่งเห็นสีหน้าของเฉิงเจวี้ยนไม่สบอารมณ์
“นายไปจัดการให้เรียบร้อย” เฉิงเจวี้ยนคลำเจอบุหรี่ม้วนหนึ่งจากกระเป๋า ไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่ไม่จุดมัน เพียงแค่ถือไว้ชมเล่น รอยยิ้มอันไม่ไยดีที่ประดับใบหน้าอยู่เสมอหายไปแล้ว
เขาโยนมือถือให้ลู่จ้าวอิ่ง คาบบุหรี่ที่ไม่ได้จุด เปล่งเสียงเย็นเยือกว่า “อีกอย่าง ลองสืบหาคนที่ลงมือตามเบาะแสนี่ คนที่ซื้อแอคเคาท์โฆษณาเยอะแบบนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ฉันล่ะอยากเห็นนักเชียวว่าใครที่คิดร้ายกับเด็กนักเรียนม.ปลายคนหนึ่งได้ขนาดนี้”
ลู่จ้าวอิ่งคิด ในเมืองมีใครที่ไม่รู้จักความเจ้าแผนการของท่านเจวี้ยนบ้าง ไม่รู้ว่าไอ้โง่คนไหน หากรู้ว่าเรื่องนี้มีท่านเจวี้ยนคอยบงการอยู่เบื้องหลัง คงร้องไห้ฟูมฟายแน่
…
ความร้ายแรงในเวยป๋อเป็นสิ่งที่ทุกคนในโรงเรียนคิดไม่ถึง
ลู่จ้าวอิ่งจัดการโฆษณาส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่เช้าวันต่อมา ชาวเน็ตจำนวนมหาศาลในเวยป๋อก็ขุดคุ้ยข้อมูลส่วนตัวจนลามมาถึงโรงเรียนเหิงชวนอีจงแล้ว
ฝ่ายบุคคลของโรงเรียนอีจงเปิดประชุมด่วนเพราะเรื่องนี้ ตอนที่เรื่องนี้เพิ่งลุกลามในเว็บบอร์ดในตอนแรก ไม่มีใครรู้ว่าจะมาถึงขั้นนี้
ตอนที่ห้องเก้ารู้เรื่องก็แทบจะเดี๋ยวนี้เอง
ตอนแรกหลินซือหรานกับเซี่ยเฟยไปห้องน้ำด้วยกัน ขณะที่กำลังล้างมือก็ได้ยินคนกระซิบกระซาบเรื่องนี้ พอทั้งคู่ค้นหาก็มีการค้นหายอดนิยมในเวยป๋อเด้งออกมาเป็นกอง
จึงรีบกลับมาหาฉินหร่านที่ห้องเก้า
“หรานหร่าน เธอรีบไปหาครูเร็ว” หลินซือหรานหน้านิ่วคิ้วขมวด “คนในเวยป๋อพวกนั้นบ้าไปแล้วจริงๆ พวกเขาไม่รู้จักเธอซะหน่อย ทำไมถึงพูดส่งเดชกัน แถมยังขุดคุ้ยข้อมูลของเธอด้วยล่ะ”
“เวยป๋ออะไรกัน” ฉินหร่านปรายตามองมาอย่างเกียจคร้าน
“เธอไม่มีเวยป๋อเหรอ”
ฉินหร่านชะงักไปครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “ไม่ได้เล่นมาครึ่งปีแล้ว”
“เรื่องนั้นในเวยป๋อเธอไม่ต้องสนใจ ไปหาครูก่อน” หลินซือหรานมีสติเป็นอย่างมาก “เรื่องนี้พวกเราจัดการไม่ได้ คงต้องให้โรงเรียนจัดการ”
คบหากันมานานขนาดนี้ หลินซือหรานรู้จักนิสัยของฉินหร่านดี
รู้ว่าฉินหร่านไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ จึงลากฉินหร่านไปที่ห้องพักครูของอาจารย์เกาหยาง
ไม่คิดว่าอาจารย์เกาหยางจะมาหาเธอพอดี
“พอดีเลย ผู้บริหารโรงเรียนก็กำลังหาเธออยู่เหมือนกัน ตามฉันมา” อาจารย์เกาหยางดันแว่นของตัวเอง ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ฉินหร่านตามหลังอาจารย์เกาหยาง ไปที่ตึกหัวหน้าฝ่ายประจำชั้นอีกครั้ง
ครูผู้หญิงครั้งก่อนคนนั้นก็อยู่เหมือนกัน เธอไม่ค่อยกล้าสู้หน้าฉินหร่าน หยิบของตัวเองแล้วออกไปจากห้อง ขณะที่กำลังออกมาก็เห็นฉินอวี่อุ้มเอกสารกองใหญ่ขึ้นตึก
ครูผู้หญิงรู้จักเธอ สองฝ่ายจึงทักทายกัน
ฉินอวี่มองเข้าไปในห้องพักครูก็รู้ทันที “ฉินหร่านนี่นา”
ครูผู้หญิงแปลกใจ “นักเรียกฉินสนิทกับเธอเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เมื่อวานเพิ่งคุยกับคุณหญิงเฟิง” ฉินอวี่เอาผมทัดหู “คุณหญิงเฟิงคนนั้นแหละ หนูได้ยินนักเรียนบอกว่าฉินหร่านรู้จักคนในตระกูลเฟิง เมื่อคืนตอนที่ทานอาหารกับคุณหญิงเฟิงเลยถือโอกาสถาม คุณหญิงเฟิงไม่รู้จักเธอ”
ฝีเท้าของครูผู้หญิงชะงักทันที เธอหันหลังกลับ “นักเรียนฉิน ขอบคุณเธอมากจริงๆ!”
ไม่รีบร้อนจะออกไปแล้ว แต่กุลีกุจอหันหลังไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายวิชาการ!