ดังอยู่สองครั้ง สายก็ติดแล้ว
เสียงของเฟิงโหลวเฉิงแว่วมา “ฉิน…”
“สวัสดีค่ะคุณเฟิง หัวหน้าฝ่ายวิชาการอยากคุยกับคุณหน่อย” ฉินหร่านพูดแทรกคำว่า ‘คุณหนูฉิน’ ที่ยังไม่ทันออกจากปากเขา
เสียงของทางนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง “ได้ เธอส่งให้เขา”
เสียงของเฟิงโหลวเฉิงเปลี่ยนเป็นเป็นทางการขึ้นมา
หัวหน้าฝ่ายวิชาการเล่าเรื่องให้เฟิงโหลวเฉิงฟัง
“ต้องขอโทษด้วย ไปส่งอาหารให้เด็กๆ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้มีประชุมไปไม่ได้ ผมจะให้พ่อบ้านไปโรงเรียน เรื่องนี้พวกคุณไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง”
ในห้องพักครูเงียบมาก ทุกคนที่อยู่รอบๆ ได้ยินเสียงของเฟิงโหลวเฉิงอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
เพราะเป็นเฟิงโหลวเฉิง น้ำเสียงทรงพลัง พูดจาฉะฉานชัดเจน
ตั้งแต่ไม่แสดงท่าทีอะไรจนถึงหยิบมือถือเริ่มพูดประโยคแรก ในใจครูผู้หญิงก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่รอคอย ในห้องพักครูไม่มีเสียงอะไรเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ยี่สิบนาทีต่อมา เสียงประตูห้องพักครูดังขึ้น หัวหน้าฝ่ายวิชาการและคนอื่นลุกพรวดพราดทันที
คนที่เข้ามาไม่ใช่พ่อบ้านของเฟิงโหลวเฉิง แต่เป็นหนิงชิงที่รีบร้อนเดินทางมา เครื่องสำอางบนหน้าเธอเลอะเล็กน้อย
“ขอโทษด้วยค่ะ ต้องขอโทษด้วย หัวหน้าฝ่าย ลูกสาวดิฉันสร้างปัญหาให้คุณซะแล้ว” หนิงฉิงรีบพูดเป็นพัลวัน พอเหลือบมอง ก็เห็นฉินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงมุมหนึ่งตัวคนเดียว กำลังก้มหน้าเล่นมือถือ จึงพูดเสียงต่ำ น้ำเสียงไม่ดีเป็นอย่างมาก “ฉินหร่าน”
ฉินหร่านไม่เงยหน้า และไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ
เอาแต่ก้มหน้าก้มตา
หัวของหนิงฉิงจะระเบิดแล้ว เธออ้าปากเหมือนอยากพูดอะไรอีก
ในตอนนี้เอง เธอรู้สึกเหมือนตรงหน้ามืดลง มีเงาเพิ่มขึ้นมา
พอเหลียวมอง ก็เห็นชายหนุ่มถือกระเป๋าเอกสารเดินเข้ามา
คนที่ติดตามข่าวสารอยู่บ้าง ต่างก็คุ้นเคยกับใบหน้าของเฟิงโหลวเฉิงที่มักจะปรากฏตัวบนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองนี้อยู่บ่อยครั้งเป็นอย่างดี และต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับพ่อบ้านหลี่ ผู้ช่วยคนหนึ่งของเฟิงโหลวเฉิงด้วยเช่นกัน
คนที่ปกติแล้วจะปรากฏตัวร่วมกับเฟิงโหลวเฉิงเฉพาะในทีวีกลับปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้
หัวหน้าฝ่ายวิชาการตกใจ เฟิงโหลวเฉิงให้ความสำคัญกับฉินหร่านมากจริงๆ
“คุณหนูฉิน” พ่อบ้านหลี่ทักทายฉินหร่านด้วยความนอบน้อมอย่างมากก่อน
จากนั้นมุมปากก็ประดับรอยยิ้มที่เหมาะสมที่สุด หันไปทางหัวหน้าฝ่ายวิชาการ ยื่นนามบัตรใบหนึ่งออกไป “สวัสดีครับหัวหน้าติง ผมเป็นผู้ดูแลตระกูลเฟิง ครั้งนี้มาเพื่อจัดการเรื่องของคุณหนูฉินโดยเฉพาะ”
เขาจับมือกับหัวหน้าฝ่ายวิชาการยิ้มๆ
คนรอบข้างไม่กล้าแม้แต่จะปริปาก ครูผู้หญิงตกใจหน้าถอดสีไปนานแล้ว พอหน้ามืด เหงื่อก็ผุดเต็มหน้าผาก พึมพำว่า “ทั้งที่ฉินอวี่เป็นคนบอกเราเองแท้ๆ ว่าพวกเขาไม่รู้จักกัน…”
“อาจารย์คะ ถ้าไม่มีธุระกับหนูแล้ว หนูขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” ฉินหร่านก้มหัวให้พวกเขาแล้วเดินตรงไปทางประตู
ทั้งห้องพักครูเงียบกริบ นอกจากพ่อบ้านหลี่แล้ว ไม่มีใครส่งเสียง
หนิงฉิงรับสายจากฉินอวี่แล้ว ก็มาโรงเรียนอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอนนี้นิ่งไปแล้ว ทำได้แค่มองแผ่นหลังของฉินหร่านอึ้งๆ จากนั้นก็มองพ่อบ้านหลี่ที่กำลังคุยกับหัวหน้าฝ่ายวิชาการ
ในหัวสมองขาวโพลน ราวกับเพิ่งรู้จักฉินหร่านเป็นครั้งแรก
…
เป็นที่รู้กันดีว่า ต้องรีบลดระดับความนิยมในเวยป๋อให้เร็วและสงบลงจะดีที่สุด
สามวันต่อมา ไม่เจอร่องรอยเรื่องที่เกี่ยวกับฉินหร่านในเวยป๋อแม้แต่นิดเดียว ไม่เจอแม้กระทั่งคีย์เวิร์ดด้วยซ้ำ
เสมือนน้ำหยดหนึ่งหยดลงกลางมหาสมุทร ไม่ทำให้เกิดคลื่นแม้แต่นิดเดียว
ฉินหร่านมาตัดไหมกับเฉิงเจวี้ยน
“นี่เป็นข้อมูลชุดหนึ่ง” เฉิงเจวี้ยนตัดไหมแล้วกำชับข้อควรระวังกับเธอนิดหน่อย ก่อนจะยื่นข้อมูลให้เธอ
ความนิยมในเวยป๋อหายไปแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงลากตัวผู้บงการ
เขาก็ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เพียงแค่ยกอำนาจทั้งหมดของเรื่องนี้ให้ฉินหร่านจัดการเอง
แน่นอนว่า…
กลัวว่าบางคนจะจัดการได้ไม่ดี
ขณะเดียวกันเขาก็แค่ไปหาอาจารย์ใหญ่สวี จากความเป็นห่วงที่อาจารย์ใหญ่สวีมีต่อฉินหร่านแล้ว เขาไม่มีทางนิ่งนอนใจกับเรื่องนี้แน่
ฉินหร่านคาบอมยิ้มไว้ในปาก ก้มหน้าพลิกดูเอกสาร
เอกสารชุดนี้เธอก็มีเหมือนกัน ละเอียดกว่าที่เฉิงเจวี้ยนให้เธอด้วยซ้ำ
“อร่อยไหม” เฉิงเจวี้ยนถาม
ฉินหร่านเงยหน้า ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำน่าค้นหา “อะไรเหรอ”
“ขนมของเธอ” เขาทำหน้าเรียบเฉย ยื่นมือออกไปแล้วชี้
ฉินหร่านล้วงอีกแท่งออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้เขา “กินตามสบายเลย ไม่ต้องเกรงใจ ฉันมีอีกเพียบ”
วันนี้เธอไม่สวมเสื้อกันหนาวอย่างที่เคย แต่สวมเสื้อเชิ้ตที่ถูกเธอเมินมานาน มันเป็นสีดำแดง กระดุมที่ติดทั้งหมดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ชายเสื้ออยู่ในกางเกงยีน เอวบางคอด สามารถเห็นรูปร่างอันพลิ้วไหวได้ตามแนวชายเสื้อที่ถูกยัดลงไปในกางเกงยีน
แสงแดดนอกหน้าต่างกำลังดี ส่องลงบนใบหน้าด้านข้างของเธอทำให้ดูสะดุดตา
เฉิงเจวี้ยนยิ้มอย่างเกียจคร้านไปทีหนึ่ง มองอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ในปาก แต่กลับไม่จุดมัน
เฉิงมู่เดินถือมือถือเข้ามาจากนอกห้อง “ท่านเจวี้ยน ห่าวตุ้ยมา…”
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นฉินหร่าน คำพูดที่ยังไม่ทันเอ่ยออกมาก็ถูกกลืนลงไป เผลอมองฉินหร่านแวบหนึ่ง
ไหมบนมือฉินหร่านถูกตัดออกไปแล้ว เธอกำลังยันโต๊ะจะลุกขึ้น
ก็ได้ยินเฉิงเจวี้ยนพูดขึ้นว่า “พูดมาได้เลย”
“…ห่าวตุ้ยมาหาท่านที่เหมืองอวิ๋นเฉิงแล้ว รออยู่ข้างนอก” เฉิงมู่มองฉินหร่านด้วยท่าทีนับถือและเอ่ยขึ้นด้วยสีเรียบนิ่ง
…
ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่
สวีเหยากวงเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป น้ำเสียงนอบน้อม “คุณปู่”
“นั่งสิ” อาจารย์ใหญ่สวีชี้เก้าอี้ข้างประตู ปิดเอกสารในมือ “ได้ยินว่าแกชอบผู้หญิงคนหนึ่งในโรงเรียนเหรอ”
สวีเหยากวงดูตกใจมาก “คุณปู่ หมายถึง…ฉินอวี่เหรอครับ”
“เธอแอบอ้างชื่อเสียงของแกทำเรื่องบางอย่าง แน่นอนว่า แกบอกว่าใช้เครือข่ายกับฐานะของแกไม่ได้…” นิ้วของอาจารย์ใหญ่สวีเคาะโต๊ะ เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ก็แค่ ปู่ไม่เข้าใจ ทำไมตอนนั้นแกถึงไม่ชอบฉินหร่าน แต่ไปชอบคนแบบนี้กันนะ”
ขณะที่พูด อาจารย์ใหญ่สวีก็ดันเอกสารชุดหนึ่งบนโต๊ะให้สวีเหยากวง “แกลองดูสิ”