ตอนที่ 45 ชิงจู๋ขอยอมแพ้ (2)
หนานเสียนขมวดคิ้วเบาๆ สายตาเย็นยะเยือกมองไปที่ชิงจู๋ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่หนักแน่น
“เจ้าอยู่ที่นี่ คอยปกป้องนาง”
ชิงจู๋ตัวสั่น มันไม่กล้าขัดคำสั่งของหนานเสียนอีก ได้แต่จ้องมองเฟิงหรูชิงอย่างไม่พอใจ
ฮึ ชิงจู๋มีหรือจะกลัวมนุษย์ หรือว่ามนุษย์ผู้นี้จะกล้าจับมันกินเป็นอาหารจริงๆ ?
“ในวังนี่ เจ้าต้องเชื่อฟังนาง ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าไม่ปกป้องนางให้ดี…” สายตาของหนานเสียนดูเย็นยะเยือก น้ำเสียงราบเรียบแต่ดูน่ายำเกรง
ชิงจู๋หดหัวกลับไปอย่างช้าๆ “นายท่าน นางไม่ใช่องค์หญิงคนเดิมแล้ว ข้ารู้สึกว่านางน่ากลัว ถ้าท่านไปแล้ว นางรังแกข้า ข้าจะทำอย่างไร ท่านตัดใจทิ้งงูตัวเล็กๆ น่าสงสารอย่างข้าไว้ตัวเดียวได้ลงคอหรือ”
“ได้สิ”
คำพูดสองพยางค์ที่หนานเสียนพูดอย่างไร้เยื่อใย เกือบทำให้ชิงจู๋ต้องน้ำตาตก
ว่าแล้วเชียว เป็นเพราะมันไม่ใช่ตัวเมีย นายท่านจึงลำเอียง ไม่รักมัน
แต่เมื่อพูดจบ หนานเสียนไม่ได้สนใจชิงจู๋ที่กำลังน้ำตาคลอ เขาจ้องมองไปที่เฟิงหรูชิงด้วยแววตานิ่งๆ
“ได้ยินว่า…หรงกุ้ยเฟยอยากพบเจ้า?”
“อืม” เฟิงหรูชิงขานรับ
“จะให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอก” เฟิงหรูชิงส่ายหน้าแล้วยิ้ม “แค่หรงกุ้ยเฟยคนเดียว ข้าจัดการได้”
หนานเสียนไม่พูดอะไร สายตาจ้องดูเฟิงหรูชิงต่อไป
เฟิงหรูชิงมองดูแววตาของหนานเสียน จึงตกใจคิดขึ้นได้ว่าตัวเองพูดผิดไป
องค์หญิงคนเดิมเชื่อใจหรงกุ้ยเฟยมาก นางพูดแบบนี้ออกมา ไม่แปลกที่กั๋วซือจะรู้สึกสงสัยนาง
แต่นางก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เวลาอยู่กับกั๋วซือ นางจึงรู้สึกผ่อนคลาย และพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ต้องคิดได้
ความรู้สึกแบบนี้ นางไม่เคยมีกับใครมาก่อนทั้งนั้น แม้แต่เฟิงเทียนอวี้ผู้เป็นบิดา
ผ่านไปสักครู่ เสียงอันราบเรียบของหนานเสียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าจัดการได้ก็ดี”
เขาไม่ถามและไม่พูดอะไรทั้งนั้น จึงทำให้เฟิงหรูชิงรู้สึกโล่งใจ
ถ้าหากกั๋วซือซักไซ้ขึ้นมาจริงๆ นางคงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเหมือนกัน
“นางอยากเจอเจ้า เจ้าก็ไปเถอะ ถ้าต้องการอะไรก็มาหาชิงจู๋ที่ป่าไผ่ทิศใต้นี่ พิษของมันรุนแรงมาก เจ้าใช้ประโยชน์ได้”
พิษรุนแรงหรือ
เฟิงหรูชิงกะพริบตา นางยิ้มมองลงไปที่ชิงจู๋ซึ่งอยู่บนพื้น สายตาลอกแลกไปมาเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่
ประกายในตาของนาง ทำให้ชิงจู๋ตัวสั่นอีกครั้ง มันรีบหลบไปอยู่ข้างๆ หนานเสียนโดยสัญชาตญาณ
“ดี” เฟิงหรูชิงหันหลังกลับไปมองกั๋วซือด้วยรอยยิ้มและโบกมือลา “ถ้าอย่างนั้นอีกหนึ่งเดือน ข้าจะมาหาเจ้าใหม่”
หนึ่งเดือน!
อีกหนึ่งเดือนเมื่อกั๋วซือกลับมา นางจะต้องให้เขาได้เห็นนางคนใหม่!
…
ตำหนักอู๋โยว
หลังจากเฟิงหรูชิงย้ายออกไป ตำหนักนี้ก็ว่าง แม้แต่นางกำนัลกับองครักษ์ก็ถูกย้ายออกไป มีเพียงคนมาทำความสะอาดทุกวันเท่านั้น
ในตำหนักเวลานี้ หลิวหรงกำผ้าเช็ดหน้าด้วยท่าทีกังวล นางคิ้วขมวด เดินไปเดินมาด้วยท่าทีร้อนใจเล็กน้อย
นางไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ตั้งแต่เฟิงหรูชิงฟื้นขึ้นมา ก็เหมือนกลายเป็นคนละคน ไม่เพียงไม่เชื่อฟังนาง แถมยังรังแกอวี่เอ๋อร์อีก
ถ้าไม่เป็นเพราะอวี่เอ๋อร์รับรองนับครั้งไม่ถ้วนว่าคนที่ทำร้ายเขาคือเฟิงหรูชิง นางคงไม่มีทางเชื่อว่าคนที่เชื่อฟังนางขนาดนั้น จะทำเรื่องแบบนี้ได้
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก หลิวหรงหันกลับไปมอง เมื่อเห็นภาพคนที่คุ้นเคย นางดีใจเล็กน้อย แล้วรีบเดินตรงเข้าไปหา
“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาแล้วหรือ แม่รอเจ้าตั้งนาน”
ตอนที่ 46 การประจันหน้ากับหรงกุ้ยเฟยเป็นครั้งแรก (1)
เฟิงหรูชิงยืนอยู่หน้าประตู แสงอาทิตย์ส่องทแยงเข้ามา สาดลงบนใบหน้าของหญิงสาว ผิวอันผุดผ่องราวกับหยกของนาง ใบหน้าขาวใส ดวงตาอันสดใสฟันขาวสะอาด เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างประตู สายตาของหลิวหรงมองเห็นเป็นภาพรางๆ ถ้าหากเฟิงหรูชิงผอมลง นางต้องงดงามเหมือนกับน่าหลานเยียนเป็นแน่ ยังดีที่ตอนนี้เฟิงหรูชิงยังอ้วนอยู่ ไม่อย่างนั้น แต้มต่อเรื่องหน้าตาของซวงเอ๋อร์คงโดนนางจิ้งจอกนี่แย่งไปหมดแน่
“หรงกุ้ยเฟย ได้ยินว่าเจ้าอยากพบข้า?” เฟิงหรูชิงถามด้วยรอยยิ้ม
หลิวหรงอึ้ง เมื่อนางได้ยินคำที่เฟิงหรูชิงใช้เรียกนาง นางรู้สึกกังวลอยู่ในใจลึกๆ
นางกำมือแน่น ยิ้มปลอมๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ชิงเอ๋อร์ เจ้าตีอวี่เอ๋อร์หรือ”
เฟิงหรูชิงเดินเข้าด้านในตำหนักอย่างช้าๆ นั่งลงบนเก้าอี้แล้วพูดว่า “เจ้ามาหาข้าเพราะเรื่องอวี่เอ๋อร์อย่างนั้นหรือ ข้านึกว่าเจ้าจะคิดได้แล้วเอาป้ายเลือดเหล็กมาคืนข้า”
หลิวหรงตกใจเล็กน้อย
ก่อนนี้ที่นางได้ยินซวงเอ๋อร์พูดว่าเด็กนี่จะเอาป้ายเลือดเหล็กกลับไป! นางยังไม่เชื่อ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะเป็นเรื่องจริง
“ชิงเอ๋อร์” หลิวหรงยิ้มเจื่อนๆ ในใจรู้สึกโกรธแค้น “ข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างเช่นลูกสาวแท้ๆ แม้แต่ซวงเอ๋อร์ยังสู้ไม่ได้ ไม่รู้ใครที่พูดยั่วยุเจ้าให้เรารู้สึกห่างเหินกัน ป้ายเลือดเหล็กข้าช่วยเก็บไว้ให้เจ้า เพื่อไม่ให้ใครมาหลอกเอาไป เพราะเจ้าอายุยังน้อย”
เฟิงหรูชิงท่าทีไม่รีบร้อน “คนที่เจ้าบอกว่าจะหลอกเอาป้ายเลือดเหล็กจากข้า คือคนของจวนแม่ทัพใช่หรือไม่”
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าจงจำไว้ ในโลกนี้มีข้าคนเดียวที่จริงใจกับเจ้า คนอื่นก็แค่คิดหลอกใช้เจ้าเท่านั้น” หลิวหรงถอนหายใจ “อีกอย่าง เจ้าลืมแล้วหรือว่าตอนนั้นที่เจ้าถูกลอบฆ่า ซวงเอ๋อร์เป็นคนรับกระบี่แทนเจ้า เจ้าเลยรอดมาได้ ข้าไม่คิดเลยว่าตอนนี้เจ้าจะกลายเป็นคนจิตใจโหดเ**้ยมแบบนี้”
ในดวงตาอันงดงามของหลิวหรง เต็มไปด้วยความผิดหวัง เป็นความผิดหวังแบบคนเป็นแม่ที่มีต่อลูกที่ทำความผิด รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
“ชิงเอ๋อร์ ข้าอยากให้เจ้าตามข้าไปที่บ้านสกุลหลิวสักครั้ง ไปขอโทษอวี่เอ๋อร์ เรื่องนี้จะได้จบกัน อวี๋เอ๋อร์เป็นเด็กดีมาตลอด ถ้าเจ้าไม่ทำแบบนี้กับเขา เขาคงไม่มาฟัองข้า” หลิวหรงพูดเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลดุจสายน้ำ
เฟิงหรูชิงลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว นางยิ้มแสยะ “ข้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหลิวอวิ๋น เจ้าจะให้ข้าไปขอโทษหลานชายของขุนนางอย่างนั้นหรือ”
หลิวหรงหน้าเจื่อน นางรีบอธิบาย “ชิงเอ๋อร์ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพราะเรื่องนี้เจ้าทำผิด ข้าแค่ไม่อยากเห็นเจ้าทำสิ่งที่ผิดเท่านั้นเอง ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จะเป็นผลเสียต่อเกียรติของราชวงศ์”
ความหมายที่แท้จริง ข้าให้เจ้าไปขอโทษ ก็เพื่อตัวเจ้ากับแคว้นหลิวอวิ๋น หาใช่ประโยชน์ของข้า ถ้าเจ้าไม่ไป ก็เท่ากับเจ้าไม่เห็นเกียรติของราชวงศ์อยู่ในสายตา
เฟิงหรูชิงหยีตา สังเกตดูหลิวหรงจากหัวจรดเท้าซ้ำไปซ้ำมา
ทันใดนั้น นางก็ยิ้มน้อยๆ ออกมา
“หรงกุ้ยเฟย ข้าเฟิงหรูชิงในตอนนี้ยังเหลือชื่อเสียงดีๆ อะไรอีก? อีกอย่าง เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ข้าเป็นคนผิด ได้! ตอนนี้การว่าราชกิจช่วงเช้ายังไม่เสร็จสิ้น พวกเราไปหาเสด็จพ่อที่ท้องพระโรง ให้พวกขุนนางช่วยตัดสิน! ว่าหลานชายสกุลหลิวของเจ้าผิด หรือเป็นข้าที่ผิดกันแน่!”
น้ำเสียงของเฟิงหรูชิงดูจริงจังและน่าเกรงขาม ทำให้หลิวหรงมีท่าทีกระวนกระวาย
ก่อนหน้านี้ที่นางหลอกเอาป้ายเลือดเหล็กไปจากเฟิงหรูชิง ทำให้ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊รังเกียจนางเป็นหนักหนา ในเวลานี้ถ้านางไปขอให้พวกเขาตัดสิน ต่อให้มีมารยาทแค่ไหนก็จะถูกมองว่าไร้มารยาท