ตอนที่ 53 เฟิงเทียนอวี้ที่โกรธกริ้ว (2)
ใช่ หมาป่าสีขาวยิ้ม มุมปากของมันเชิดขึ้น รอยยิ้มแบบนั้นมันแสนชั่วร้าย
ในขณะที่หลิ่วอวี้เฉินคิดจะเอาใบไม้ที่อยู่ข้างๆ มาปิดก้น หมาป่าสีขาวก็ใช้ปากงับตัวเขาขึ้นมา แล้วเดินนวยนาดไม่สนความรู้สึกใคร ท่าทีได้ใจ เดินออกประตูไป
องค์หญิงไม่ให้มันกัดเขา มันก็กัดแค่เสื้อผ้าของเขา แบบนี้…ไม่ถือว่ากัดจริงไหม
‘ตุบ!’
บนถนนอันเงียบสงบ มีคนเดินสัญจรประปรายไม่กี่คน หมาป่าสีขาวโยนหลิวอวี้เฉินออกไปหน้าประตู แล้วรีบใช้อุ้งเท้าปิดประตู มันกลับหลังแล้วเดินไปทางเขาหลังจวน
คนเดินสัญจรบนถนนมีไม่มาก แต่ถูกหลิวอวี้เฉินดึงความสนใจเอาไว้ทั้งหมด หลิวอวี้เฉินลุกขึ้นยืนอย่างลุกลี้ลุกลน มือทั้งสองข้างของเขาปิดก้นขาวๆ เอาไว้ แล้วรีบวิ่งไปตามถนนทิศใต้โดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง
หน้าประตูจวนองค์หญิงคนสัญจรไม่มาก แต่เมื่อพ้นเขตจวนองค์หญิงมาแล้วผู้คนก็มีมากขึ้น จะทำอย่างไรได้ที่ถนนสายนี้ไม่มีร้านขายเสื้อผ้าสักร้าน ดังนั้น ไม่นานข่าวเรื่องหลิวอวี้เฉินวิ่งเปลือยก้นบนถนนก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง แม้กระทั่งคนในจวนเสนาบดีก็ได้ยิน
วันนั้น เสนาบดีหลิ่วรู้สึกได้ว่าสายตาพวกเพื่อนขุนนางดูแปลกๆ พอรู้สาเหตุ เขาก็รีบปิดประตูไม่ยอมออกไปข้างนอก เกรงว่าจะกลายเป็นตัวตลกประจำเมือง
…
ห้องทรงพระอักษร บรรยากาศอึมครึม
ทุกอย่างหยุดนิ่ง คนที่อยู่ในห้องทรงพระอักษรล้วนไม่กล้าเปิดปากพูด แม้แต่หายใจยังต้องทำแบบระมัดระวัง
“ฝ่าบาท” ขันทีนายหนึ่งเดินออกมาจากด้านในห้องทรงพระอักษร ทำท่าถวายบังคมแล้วพูดว่า “หรงกุ้ยเฟยกับองค์หญิงหรูซวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาของเฟิงเทียนอวี้ดูไม่สบอารมณ์ มีรังสีอำมหิต “ให้พวกนางเข้ามา”
“รับด้วยเกล้า พ่ะย่ะค่ะ”
ขันทีรับบัญชาแล้วถอยออกไป ประเดี๋ยวเดียว หลิวหรงที่แต่งกายงดงามจูงมือหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยเดินเข้าประตูมา
สีหน้าของนางดูเป็นกังวล เดินมาตรงหน้าเฟิงเทียนอวี้ด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้วย่อตัวถวายความเคารพ “ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”
เพล้ง!
เฟิงเทียนอวี้หยิบถ้วยชาที่อยู่บนฝ่ามือขึ้น แล้วขว้างลงที่พื้นอย่างแรง เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาเต้นตุบๆ ดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “หรงกุ้ยเฟย เฟิงหรูซวง พวกเจ้าบังอาจนัก!”
หลิวหลงกับเฟิงหรูซวงตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้ากระวนกระวาย
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำความผิดอันใด ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วยเพคะ”
เฟิงเทียนอวี้ส่งเสียงฮึ แล้วหยิบหนังสือประกาศที่อยู่บนโต๊ะโยนลงตรงหน้าของหลิวหรง
หลิวหรงหยิบประกาศขึ้นมา เมื่ออ่านเนื้อความในนั้นเสร็จ หน้าของนางถอดสี ดูซีดเผือดไร้สีสัน
นี่…เฟิงหรูชิง…กล้าทำถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่นางลืมสิ่งดีๆ ที่หลิวหรงทำไว้กับนางตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้วหรือ ถึงต้องบีบนางให้เจอกับทางตัน?
“เสด็จพ่อ!” เฟิงหรูซวงเห็นเนื้อหาที่อยู่ในประกาศอย่างชัดเจน นางรีบแหงนหน้ามองเฟิงเทียนอวี้ ร้อนใจจนเกือบร้องไห้ออกมา “หม่อมฉันเปล่าเพคะ หม่อมฉันมิได้โน้มน้าวให้เสด็จพี่แต่งงานกับหลิ่วอวี้เฉินจริงๆ หลิ่วอวี้เฉินไม่คู่ควรกับท่านพี่เลยสักนิด หม่อมฉันไม่เคยมีความคิดแบบนั้นมาก่อนเลยเพคะ”
เฟิงเทียนอวี้ไม่พูดอะไร แววตาของเขาดูเย็นยะเยือก ราวกับว่ามีพายุลูกใหญ่อยู่ในนั้น
ขณะนั้น หลิวหรงเก็บอาการไว้ได้ นางกำมือแน่น ใบหน้าอันสวยงามปรากฏรอยยิ้มฝืดๆ ฝืนๆ
“ฝ่าบาท ชิงเอ๋อร์คงเข้าใจผิดเพคะ หม่อมฉันกับซวงเอ๋อร์รักและเป็นห่วงนางมาตลอด จะให้นางไปแต่งงานกับคนที่ไม่รักนางได้อย่างไร จดหมายหย่าของหลิ่วอวี้เฉินคงทำให้นางเสียหน้า เลยหาข้ออ้างกู้หน้าตาตัวเองกลับคืนมาเพคะ”
เฟิงเทียนอวี้แสยะยิ้ม “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ”
“ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ไม่ทรงเชื่อคนอย่างหม่อมฉันหรือเพคะ” หลิวหรงยิ้มแบบน่าสมเพช “หม่อมฉันปฏิบัติกับชิงเอ๋อร์ราวกับลูกตัวเองมาตลอด จึงเข้าใจการกระทำของนางในตอนนี้ ดังนั้น ถ้าชิงเอ๋อร์อยากให้หม่อมฉันยอมรับว่า ที่นางหลงรักหลิ่วอวี้เฉินเป็นเพราะหม่อมฉันกับซวงเอ๋อร์จริงๆ เพื่อหน้าตาของชิงเอ๋อร์แล้ว หม่อมฉันยอมรับก็ได้เพคะ”
ตอนที่ 54 สรรพคุณของอาหารบำรุงสุขภาพวิเศษ (1)
“เจ้าหมายความว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของชิงเอ๋อร์งั้นหรือ”
สายตาอันเย็นยะเยือกจ้องเขม็งไปที่หลิวหรงซึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น เขาซักไซ้ด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
หลิวหรงแววตาหวาดผวา “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นเพคะ หม่อมฉันแค่สงสารชิงเอ๋อร์เท่านั้น”
“บังอาจ!” เฟิงเทียนอวี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาลุกขึ้นยืนทันที “หรงกุ้ยเฟยเอ๋ยหรงกุ้ยเฟย เจ้านึกว่าข้าเป็นคนปัญญาอ่อนหรืออย่างไร หลายปีมานี้ ชิงเอ๋อร์ถูกเจ้าปั่นหัวเสียจนเสียคน ข้าเห็นอยู่เต็มสองลูกตา เมื่อก่อนเป็นเพราะข้าห่วงความรู้สึกชิงเอ๋อร์ เลยอดทนอดกลั้นกับเจ้า ตอนนี้เจ้าเลยได้คืบจะเอาศอกอย่างนี้!”
หลิวหรงเข่าอ่อน นางใจสั่นหยุดไม่ได้
ชีวิตที่มีอภิสิทธิ์เหนือผู้คนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้นางหลงลืมไปแล้วว่าตำแหน่งกุ้ยเฟยของนางได้มาอย่างไร สกุลหลิวของนางเป็นใหญ่เป็นโตได้อย่างทุกวันนี้ ก็เพราะเฟิงหรูชิง
“ทหาร” เฟิงเทียนอวี้พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ตั้งแต่วันนี้ไป ห้ามหลิวหรงออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว และไม่อนุญาตให้คนสกุลหลิวเข้าวังมาเยี่ยมนาง
ประโยคนี้ก็คือการสั่งกักตัวหลิวหรง จำกัดไม่ให้นางติดต่อกับโลกภายนอก
“เสด็จพ่อ!” แววตาของเฟิงหรูซวงดูตกใจกลัว ใบหน้าของนางถอดสี กัดริมฝีปากแน่น “เสด็จแม่ไม่ได้มีเจตนา ลูกเองก็ไม่รู้ว่าเสด็จพี่จะหลงรักหลิ่วอวี้เฉิน ถ้ารู้แต่แรก หม่อมฉันไม่มีทางให้พวกเขาได้พบกันเด็ดขาด ถึงแม้คุณชายหลิ่วจะดูไม่เลวนัก แต่น่าเสียดายที่ใจของเขามีคนอื่นแล้วเพคะ”
“หรูซวง” สายตาที่เย็นยะเยือกจับจ้องมาที่เฟิงหรูซวง “เจ้าเองก็อายุไม่น้อย ควรแต่งงานได้แล้ว หากเจ้าคิดว่าหลิ่วอวี้เฉินไม่เลวละก็ งั้นเจ้า…ไปเป็นภรรยาเขา ดีหรือไม่”
เฟิงหรูซวงตัวสั่น นางเงยหน้ามองเฟิงเทียนอวี้ด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง “เสด็จพ่อ ใจของหลิ่วอวี้เฉินมีคนอื่นแล้ว ถ้าเสด็จพ่อให้หม่อมฉันแต่งงานกับเขา ไม่เท่ากับทำให้หม่อมฉันไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตหรือ เพคะ”
คนที่นางจะแต่งด้วยต้องเป็นพวกยอดคน ไม่ใช่คนสกุลหลิ่ว โดยเฉพาะหลิ่วอวี้เฉินผู้ชายที่อ่อนแอพรรค์นั้น
ปัง!
กำปั้นของเฟิงเทียนอวี้ ทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง สีหน้าโมโห “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าแต่งงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ทำไมพวกเจ้ายังโน้มน้าวให้ชิงเอ๋อร์แต่งงานเข้าสกุลหลิ่วล่ะ”
ในแคว้นหลิวอวิ๋น เฟิงหรูชิงเป็นผู้หญิงที่มีฐานะสูงส่งที่สุด ความรักและเอาใจใส่ที่เฟิงเทียนอวี้มีให้นาง คนทั้งแคว้นต่างรู้ดี และความรักความเอาใจใส่แบบนี้ เป็นสิ่งที่เฟิงหรูซวงไม่เคยได้รับมาก่อน นางรู้สึกจุกที่อกอย่างบอกไม่ถูก แม้เป็นพ่อลูกเหมือนกัน แต่เหตุใดเสด็จพ่อถึงลำเอียงได้เพียงนี้
“ฝ่าบาท!” หลิวหรงเห็นสีหน้าของเฟิงเทียนอวี้ที่โกรธกริ้ว จึงรีบคลานไปข้างหน้า แล้วโขกศีรษะลงที่พื้นจนเกิดเสียง “ฝ่าบาท ขอพระองค์โปรดเห็นแก่ซวงเอ๋อร์ที่เคยช่วยชิงเอ๋อร์ไว้ อภัยให้นางสักครั้งเถอะเพคะ”
นางยอมถูกกักบริเวณและยอมรับการลงโทษ แต่ลูกสาวผู้เป็นดั่งความหวังทั้งหมดของนางในตอนนี้ ขอเพียงเฟิงหรูซวงยังอยู่ ไม่ช้าก็เร็วนางต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
คนคนนั้น เคยรับปากนางไว้
เฟิงเทียนอวี้คลึงกำปั้นตัวเอง เขารู้ดีว่าสิ่งที่หลิวหรงพูดมาเป็นความจริง
จริงอยู่ที่เฟิงหรูซวงเคยช่วยเฟิงหรูชิงไว้ แต่ว่า…ก่อนที่เรื่องบางเรื่องจะถูกตรวจสอบแน่ชัด เขายังทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้
“เห็นแก่หน้าของชิงเอ๋อร์ คราวนี้ ข้าจะละเว้นให้เฟิงหรูซวง ถ้ายังมีครั้งต่อไป ข้าไม่ปล่อยไปแน่!”
เฟิงเทียนอวี้คลายกำปั้น เอามือข้างหนึ่งไพล่ไว้ด้านหลัง ท่าทางน่าเกรงขาม
“แต่โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นยังคงอยู่ ทหารนำตัวเฟิงหรูซวงไปเขตเขาต้องห้าม ให้นางสำนึกผิดครึ่งเดือน” เฟิงหรูซวงตัวสั่น นางก้มหน้าเพื่อปิดบังอาการโกรธและไม่ยินดี
เขตเขาต้องห้าม…ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นสถานที่แบบไหน