ตอนที่ 131 ฮูหยินรองของสกุลฉิน (6)
“ผิ่นเหยาร่างกายอ่อนแอ จะบำรุงซี้ซั้วไม่ได้เพคะ”
ฉินอี๋จะกล้าให้เว่ยผิ่นเหยากินอาหารของเฟิงหรูชิงได้อย่างไร ถ้านาง…ใส่ยาพิษลงไปล่ะ?
ผิ่นเหยาไม่ใช่ฉางเฉียนที่อดทนเอาหน่อยก็ผ่านไปได้ ร่างกายของนางอ่อนแอ รับความทรมานแบบนี้ไม่ไหวหรอก!
ทันใดนั้น มีเสียงหวานๆ ดังมาจากข้างๆ
“เอ๊ะ องค์หญิงเสด็จมาด้วยนี่ ทำไมพี่ฉินอี๋ไม่เชิญองค์หญิงเข้าไปนั่งข้างในก่อนล่ะ”
ฉินอี๋สีหน้าไม่สบอารมณ์ แสดงอาการหงุดหงิด
เฟิงหรูชิงขมวดคิ้วและหันไปมองหญิงที่เดินมาจากในบ้าน
หญิงผู้นี้อายุราวสามสิบต้นๆ แต่แต่งตัวเหมือนหญิงแรกรุ่น ในมือถือพัดกลม แต่งหน้าสีฉูดฉาด เวลายิ้มดูราวกับดอกไม้ สีสันเจ็บตาและดูไร้รสนิยม
แค่มองปราดเดียว เฟิงหรูชิงก็จำได้ว่าเป็นใคร
คุณหนูรองของสกุลเว่ย น้องสาวร่วมบิดาของเว่ยผิ่นเหยานามว่าเว่ยเมิ่งเจี๋ย
สิ่งที่เว่ยเมิ่งเจี๋ยรู้สึกกับฉินซวินคุณชายสกุลฉินทุกคนต่างรู้ดี นี่เป็นเหตุให้นางยังไม่แต่งงานกับใครจนบัดนี้ นางคิดแต่จะเป็นอนุของฉินซวิน
“เว่ยเมิ่งเจี๋ย ข้าจำได้ว่าเจ้ามาเยี่ยมผิ่นเหยานี่ แต่เจ้ากลับไปเกาะแกะซวินเอ๋อร์ แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร” ฉินอี๋แววตาไม่สบอารมณ์ พูดตำหนิเสียงแข็ง
ในฐานะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน นางรู้สึกรังเกียจผู้หญิงอย่างเว่ยเมิ่งเจี๋ยมาก แต่นางก็ยังด้านหน้ามาอยู่สกุลฉินตลอดวันด้วยข้ออ้างเยี่ยมพี่สาว
ถ้าสกุลฉินไล่นางออกไปแบบดื้อๆ นางคงแต่งเรื่องว่าร้ายผิ่นเหยาอยู่ข้างนอก
เพราะเกรงว่าผิ่นเหยาจะเสียชื่อเสียง ฉินอี๋จึงไม่ทำเรื่องให้บานปลาย ได้แต่ปล่อยนางไป
“พี่สาวข้าสุขภาพไม่ดี ข้าไม่ควรไปรบกวนการพักผ่อนของนาง ดังนั้นข้าทำได้เพียงช่วยนางดูแลสามี ไม่อย่างนั้น…พี่เขยข้าจะไม่มีคนคอยปรนนิบัติ ช่างน่าสงสาร”
“เกินไปแล้ว!” แววตาของฉินอี๋ดูโมโห “เจ้าจะบอกว่าสกุลฉินเราไม่มีคนดูแลหรืออย่างไร ไม่ว่าน้องชายข้าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างเจ้ามาดูแลหรอก!”
นางจงใจเน้นคำว่าคนนอก มันทำให้เว่ยเมิ่งเจี๋ยรู้สึกเจ็บใจ
ทำไมต้องเรียกนางว่าคนนอก แล้วนับเว่ยผิ่นเหยาเป็นคนในด้วย นางเป็นแค่แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้เท่านั้น ยังมีหน้ามายึดตำแหน่งฮูหยินสกุลฉินไป นางไม่อายบ้างหรืออย่างไร
“พี่ฉินอี๋…” เว่ยเมิ่งเจี๋ยยิ้มแล้วกลอกตาไปมองดูสำรับอาหารที่เฟิงหรูชิงถืออยู่ “องค์หญิงมาเยี่ยมพี่สาวของข้า ท่านขวางนางไว้เช่นนี้ไม่ดีแน่ อีกอย่างนางอุตส่าห์เอาอาหารมา หรือว่า…พี่ฉินอี๋เกรงว่าองค์หญิงจะวางยาพี่สาวข้า”
เฟิงหรูชิงยักไหล่ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย นางก็แค่มาเยี่ยมเว่ยผิ่นเหยาเท่านั้น นางไปหาเรื่องใครที่ไหน
“เว่ยเมิ่งเจี๋ย เจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่” ฉินอี๋แววตาไม่สบอารมณ์ นางเดินไปข้างหน้าและพูดเสียงแข็ง “ข้อแรก หากนับดูแล้วองค์หญิงถือว่าเป็นญาติของผิ่นเหยา การมาเยี่ยมก็เป็นเรื่องปกติ แต่เจ้าใส่ร้ายว่าองค์หญิงวางยาพิษในอาหาร เป็นการทำให้องค์หญิงเสื่อมเสียพระเกียรติ! เจ้าทำแบบนี้ จะได้รับโทษอย่างไร”
เว่ยเมิ่งเจี๋ยอึ้งไป
ฉินอี๋รังเกียจเฟิงหรูชิงมากไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้ต้องโมโหกับเรื่องชื่อเสียงของนางด้วย
อีกอย่าง คำพูดของนางเมื่อสักครู่ ก็แค่เตือนนางเท่านั้น หากฉินอี๋โมโหแล้วมีเรื่องบาดหมางกับองค์หญิงคงเป็นเรื่องดีไม่น้อย
แต่นางคิดไม่ถึงว่า สุดท้ายจะเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเอง
“องค์หญิง หม่อมฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะเพคะ” เว่ยเมิ่งเจี๋ยรีบหันไปมองเฟิงหรูชิง แล้วแก้ตัวด้วยท่าทีร้อนรน
เฟิงหรูชิงพยักหน้ารับด้วยท่าทีสงบ “อืม ข้ารู้ว่าเจ้าหมายความอย่างนั้น”
“องค์หญิงรู้ก็…”
เว่ยเมิ่งเจี๋ยยังไม่ทันยกภูเขาออกจากอก จู่ๆ สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก ทำไมนางรู้สึกว่า…คำพูดขององค์หญิง…มีอะไรไม่ชอบมาพากล
……………………………………
ตอนที่ 132 บทคนชั่วนางขอเล่นเอง (1)
“ท่านป้า” เฟิงหรูชิงไม่สนใจเว่ยเมิ่งเจี๋ย นางหันไปมองฉินอี๋ด้วยรอยยิ้ม “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน”
ฉินอี๋เม้มปาก ขณะที่กำลังจะตอบ เว่ยเมิ่งเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติได้ ยิ้มเก้อๆ แล้วตอบว่า “องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันเป็นลูกสาวของบ้านสกุลเว่ย เป็นน้องสาวของเว่ยผิ่นเหยาเพคะ”
“เจ้าเป็นน้องสาวของท่านน้าเหยา? ทำไมข้าถึงไม่รู้ว่าท่านน้าเหยามีน้องสาวร่วมมารดา” เฟิงหรูชิงมองนางด้วยสายตาแปลกๆ
เว่ยเมิ่งเจี๋ยหน้าเจื่อน “หม่อมฉันเป็นลูกสาวของฮูหยินรองของสกุลเว่ยเพคะ”
“อ้อ ที่แท้ก็ลูกฮูหยินรองนี่เอง ยังมีหน้าเรียกตัวเองเป็นน้องสาวของท่านน้าเหยา?” เฟิงหรูชิงยิ้มมุมปาก “เจ้าเป็นแค่ลูกฮูหยินรอง ยังเสนอหน้ามาที่บ้านสกุลฉิน ท่านป้า ท่านให้คนแบบนี้เข้าบ้านได้อย่างไรกัน”
ฉินอี๋มองดูเว่ยเมิ่งเจี๋ยด้วยสายตาชิงชัง “นางหน้าหนาหน้าทน หม่อมฉันเองก็จนปัญญา”
“จับนางโยนออกไปก็ได้” เฟิงหรูชิงหัวเราะและเดินตรงไปข้างหน้า มองดูเว่ยเมิ่งเจี๋ยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“หรือว่าให้นางเป็นคนเดินออกไปเอง”
เว่ยเมิ่งเจี๋ยเบ้ปาก นางรีบหันไปหาฉินอี๋ “พี่ฉินอี๋ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคุณหนูรองของสกุลเว่ย ถ้าท่านทำแบบนี้จะเป็นการไม่ไว้หน้าพี่สาวของข้า หากคนทั้งหลายรู้เข้าว่าพูดถึงนางอย่างไร”
หากเปรียบกันแล้ว ชื่อเสียงของเว่ยผิ่นเหยาในแคว้นหลิวอวิ๋นก็ไม่ดีเช่นกัน
ผู้หญิงที่ตั้งท้องไม่ได้แต่ไม่ยอมให้สามีมีอนุ จะต่างอะไรกับเมียหลวงขี้อิจฉาและหน้าหนาหน้าทน ถ้าเป็นนาง นางคงไม่กล้าครอบครองฉินซวินไว้เพียงผู้เดียว คงจะช่วยเขาหาอนุสักสิบยี่สิบคนแล้ว
ทันใดนั้นเฟิงหรูชิงก็เดินเข้าไป เอามือดึงเสื้อของเว่ยเมิ่งเจี๋ยให้ลอยขึ้น
เสียงดับตุบ ตัวของเว่ยเมิ่งเจี๋ยตกลงที่หน้าประตู
ในตอนนั้นทุกคนต่างอึ้ง สายตาที่ตกตะลึงจับจ้องไปที่หญิงสาวซึ่งยืนอยู่หน้าประตู ดูเหมือนว่ายังไม่อาจเรียกสติคืนมาจากสิ่งที่เห็นได้
เว่ยเมิ่งเจี๋ยตะเกียกตะกายลุยขึ้นจากพื้น แต่เพราะคนที่โยนนางออกไปคือเฟิงหรูชิง ต่อให้นางใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าตอบโต้เฟิงหรูชิง นางทำได้เพียงส่งสายตาโกรธแค้นไปที่ฉินอี๋
ฉินอี๋เป็นหญิงที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ยังจะมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องที่บ้านเดิมอีก ไม่อายบ้างเลยหรือ ไม่รู้ว่าฉินซวินเป็นน้องชายของนางจริงๆ หรือเปล่าถึงไม่น้องให้เขารับอนุสักที!
สมัยก่อนที่พ่อของนางรับอนุก็เพราะถูกย่าของนางบีบบังคับ โดยเฉพาะหลังจากฮูหยินใหญ่คลอด เว่ยผิ่นเหยาแล้วสุขภาพย่ำแย่ลง ไม่อาจมีลูกได้อีก ย่าของนางจึงเอาผู้หญิงมายัดเยียดให้พ่อของนางไม่หยุด หากไม่เป็นเช่นนั้นนางจะเกิดมาได้อย่างไร
แต่สกุลฉินกลับไม่ทำตามครรลอง ไม่ว่าจะเป็นแม่ของฉินซวินหรือฉินอี๋ที่ออกเรือนไปแล้ว ต่างเอาใจภรรยาของฉินซวิน ทำให้ฉินซวินมีเว่ยผิ่นเหยาเป็นภรรยาเพียงคนเดียว
“ท่านป้า กับคนไร้ยางอายแบบนี้ ไม่ต้องเสียเวลาพูดแล้ว” เฟิงหรูชิงเดินหน้าและพูดเย้ยหยัน “จับโยนออกไปก็พอ หากพวกท่านทำไม่ได้ ข้าทำเองถึงอย่างไรชื่อเสียงข้าก็ไม่ดีอยู่แล้ว มันคงไม่แย่ลงอีกเพราะเรื่องแค่นี้!”
“องค์หญิง ต่อให้ท่านจะมีอำนาจวาสนาแค่ไหน ก็ไม่ควรขัดขวางข้าในการไปเยี่ยมพี่สาวนะเพคะ”
เว่ยเมิ่งเจี๋ยกัดริมฝีปากแน่น นัยน์ตาของนางอยู่จ๋อยๆ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
เฟิงหรูชิงยักคิ้วด้วยท่าทีนักเลง “นี่เป็นบ้านสกุลฉิน ถ้าเจ้าอยากเจอนาง รอนางกลับไปบ้านสกุลเว่ยก่อนแล้วกัน ต่อไปเจ้าห้ามมาที่บ้านสกุลฉินอีก ถ้าเจ้ากล้าเข้าไปข้าจะให้คนตีเจ้าให้ขาหักเลยคอยดู!”
คนสกุลฉินไม่กล้าทำตัวเป็นคนชั่ว เช่นนั้นบทคนชั่วนางขอเล่นเองแล้วกัน!
“องค์หญิง นี่ท่านใช้อำนาจมาข่มเหงผู้อื่นนะ” เว่ยเมิ่งเจี๋ยหน้าแดงก่ำ
……………………………………..