เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) – ตอนที่ 109 มีประโยคหนึ่งอยากมอบให้โฮสต์

บทที่ 109 มีประโยคหนึ่งอยากมอบให้โฮสต์
อัศวิน A ออกมาจากบ้านของตระกูลจ้าว และกลับไปที่ฟาร์มวิลล่าของตัวเอง จากนั้นก็เริ่มนั่งสมาธิและฝึกฝนทันทีโดยไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าแม้นาทีเดียว

เพิ่งจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากมา ถ้าเทพแห่งระบบไม่รีบเร่งทำการทดลอง คงจะเริ่มฝึกฝนเพื่อแปลงเป็นความแข็งแกร่งนานแล้ว

การอัพเกรดวิชายุทธ์นั้น ไม่ว่าจะเป็น ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ หรือ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ล้วนทรงพลังมาก ทักษะและเอฟเฟกต์บัฟแรงกล้า และต้องใช้การประสานกับวิชายุทธ์ระบบศิลปะการต่อสู้ของระบบปัจจุบัน หลังจากอัพเกรดแล้วก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งได้มาก เพียงแต่ต้องใช้พลังงานมากกว่า และต้องใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลในการอัพเกรดหนึ่งเลเวล

อีกอย่างต้องอัพเกรดระดับด้วย เพราะมีหลายทักษะที่บรรลุจุดสูงสุดจะไม่สามารถอัพเกรดได้อีก แต่เมื่อทำการอัพเกรดจะยังสามารถช่วยเพิ่มค่าสถานะได้

หลายชั่วโมงต่อมา อัศวิน A ผู้กำลังสงบนิ่งจากการนั่งสมาธินั้น ก็เอนร่างล้มลงบนเตียง เขาหยิบผ้าขึ้นมาห่มไว้อย่างดี ท่านอนไม่ต่างอะไรจากฟางหนิงที่ผล็อยหลับไปก่อนหน้านี้ สภาพของผ้าห่มยังคงเรียบสนิทเช่นเดิม…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเบาๆ เจิ้งเต้ามาแจ้งว่างานเลี้ยงไล่ปีศาจได้ตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอัศวินไปเข้าร่วมได้

ทันทีที่ฟางหนิงได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็รู้สึกตัว

เขาลืมตาตื่น สัมผัสได้กำลังวังชาที่ฟื้นฟูแล้วเรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความสงสัยเล็กๆ ในใจว่า “น่าแปลกจริงๆ ทำไมรู้สึกว่าการนอนด้วยร่างของตัวเองบนเตียงนอนไม่ต่างจากการนอนในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบก่อนหน้านี้เลยล่ะ?

ช่วงแรกก็รู้สึกสบายตัวอยู่หรอก แต่ว่าช่วงหลังๆ กลับรู้สึกเหมือนเดิม เอาเถอะ อาจเป็นเพราะการฝึกฝน ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ของเรามีความก้าวหน้าขึ้นมาก เป็นไปได้ว่าตอนนี้จึงไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างการนอนด้วยพลังจิตและการนอนด้วยร่างกาย

หลังจากพอใจกับตัวเองแล้ว ฟางหนิงก็ใช้มือหยิบผ้าห่มกำลังจะลูกขึ้นจากที่นอน แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นความผิดปกติบางอย่างเข้าพอดี ‘ให้ตายเถอะหลับไปตื่นหนึ่ง สภาพของผ้าห่มกลับเหมือนเดิมไม่มีผิด เป็นไปได้ยังไง? หลังจากหลับเขาต้องกลิ้งไปกลิ้งมาหลายครั้งสิ ถึงจะรู้สึกสบายตัว ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่…’

อย่างไรก็ตาม มีลูกศิษย์รออยู่ข้างนอก ฟางหนิงขี้เกียจที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องประหลาดนี้แล้ว จึงสวมเสื้อผ้าและเปิดประตูออกไป

“นายท่าน ในร้านอาหารจัดเตรียมงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านไปกล่าวอะไรกับทุกคนสักหน่อยเถอะ” เจิ้งเต้าเอ่ยด้วยความนบนอบ

“ลำบากคุณแล้วล่ะ” ฟางหนิงว่าพลางก็ออกเดิน “เดี๋ยวคุณเองก็ทานเยอะๆ ล่ะ การฝึกฝนหลังจากนี้ จะใช้พลังงานค่อนข้างมาก”

“ขอบคุณนายท่านที่เป็นห่วง” เจิ้งเต้าตอบ

ในร้านอาหาร ด้านบนของโต๊ะกลมขนาดใหญ่เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศหลากหลายชนิด รูปร่างนั้นแปลกตาสวยงาม รสชาติก็ไม่ธรรมดา ทำให้ผู้คนมีความอยากอาหารมากขึ้น

งานเลี้ยงเป็นการกินจานแยก จะมีจานขนาดใหญ่วางไว้ด้านหน้าแต่ละคน ขณะตักอาหาร ใช้ชุดอุปกรณ์ทานอาหารร่วมกันชุดหนึ่ง แต่เมื่อตักทานก็จะใช้ชุดอุปกรณ์แยกอีกชุดหนึ่ง

เจิ้งเต้าอธิบายประเด็นนี้โดยละเอียด เขาเป็นคนรอบคอบและใส่ใจกับทุกสิ่ง

การจัดการรูปแบบนี้ไม่เพียงได้ดูแลเพื่อนสุนัขทั้งสองเท่านั้น แต่ทำให้ท่านอัศวินได้รู้สึกผ่อนคลานด้วย

จากการอยู่ด้วยกันหลายวันมานี้ มีหลายครั้งที่เขาเห็นว่า ‘เพื่อนร่วมงานทั้งสองใช้ปากแย่งกระดูกในชามกันโต้งๆ ซึ่งเขาทนกับภาพพวกนั้นไม่ได้จริงๆ’

หากเป็นที่ส่วนตัวก็ไม่ต้องถือสาอะไรหรอก แต่ในเมื่อท่านอัศวินก็อยู่ด้วยแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

สำหรับชุดอุปกรณ์ทานอาหารของมนุษย์นั้น เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเพื่อนร่วมงานทั้งสองจะใช้ไม่เป็น พวกมันไม่ใช่สุนัขธรรมดา พวกมันสามารถยืดอุ้งเท้าสุนัขของตัวเองให้ยาวขึ้นได้ ให้เหมือนกับมือมนุษย์

เขาเคยเห็นหลายครั้งแล้ว ‘ขณะสุนัขดำกำลังดูวิดีโอหรือรายการทีวีที่บ้าน มันมักจะใช้อุ้งเท้าสุนัขของมันควบคุมเมาส์หรือรีโมทคอนโทรลได้คล่องกว่าเขาเสียอีก ส่วนสุนัขเหลือง เขาเคยเห็นเพียงท่าทางของมันที่ใช้อุ้งเท้าสุนัขค่อยๆ พลิกหนังสืออย่างระมัดระวัง แต่คิดว่าไม่ต่างกันมากหรอก…’

ฟางหนิงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย เขาคิดเพียงว่า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ใช้ร่างกายของตัวเองกินข้าว?

หลังจากเทพแห่งระบบอัพเกรด ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ เป็นระดับกลาง เขากินอาหารเพียงเดือนละหนึ่งมื้อใหญ่เท่านั้น และใช้เวลาในการกินหนึ่งวันเต็ม ตัวเขาเองก็ขี้เกียจที่จะต้องเสียเวลากับเรื่องนั้น จึงไม่ได้ให้ระบบคืนเวลากินข้าวให้กับตน

ข้อดีก็คือมีเวลาเล่นเกมเพิ่มขึ้นหนึ่งวัน ข้อเสียก็คือตนไม่ได้เพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสเลย แต่วันนี้สามารถชดเชยได้เล็กน้อยแล้ว

ฟางหนิงนั่งลงสุนัขสองตัวกับอีกหนึ่งคนนั่งลงฝั่งตรงข้าม ไม่มีบ่าวใช้สำหรับเสิร์ฟอาหาร…

ฟางหนิงเอ่ย “ขอเริ่มงานเลี้ยงไล่ปีศาจตั้งแต่บัดนี้ นี่คือรางวัลสำหรับทุกคน ตามสบายได้เลย อยากกินอะไรก็หยิบเอา ไม่จำเป็นต้องยับยั้งชั่งใจใดๆ”

เจิ้งเต้าพยักหน้าและนั่งลง หลังจากที่ฟางหนิงใช้ตะเกียบชิมอาหารแล้ว พวกเขาก็เริ่มลงมือ

เจิ้งเต้ากินอย่างมีมารยาท แต่สุนัขทั้งสองกลับเริ่มแย่งกันอีกแล้ว

สุนัขเหลืองเซวียปาสู้สุนัขดำไป๋หลี่ที่กล้ามเป็นมัดๆ ไม่ได้ เมื่อกินต่อหน้าเจ้านาย มันจึงไม่สามารถใช้ปากแย่งได้ ทำได้เพียงใช้ชุดอุปกรณ์อย่างว่าง่าย ในด้านนี้อุ้งเท้าสุนัขของมันมีความว่องไวน้อยกว่าสุนัขดำมาก ซึ่งความเคยชินคือบ่อเกิดของความชำนาญ…

มันสงสัยอยู่ในใจ ‘เมื่อครู่ฉันเหนือกว่าแกไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมอยู่บนโต๊ะอาหารเจ้าสุนัขดำนี่จึงไม่รู้จักมารยาทแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ากระดูกชิ้นใหญ่ต้องเสียสละให้ลูกพี่กิน?’

ดังนั้น มันจึงต้องใช้วิชาทางสายตา จ้องไปที่สุนัขดำ “วางกระดูกใหญ่ในจานของลูกพี่สิ…”

สุนัขดำไป๋หลี่กำลังกัดแทะอย่างมีความสุขแล้วตอบกลับมา “เจ้านายบอกว่ากินได้ตามสบาย…”

สุนัขเหลืองเซวียปาหมดคำพูด “พอถึงเวลากิน สมองของแกก็ใช้งานได้ไม่ดีแล้ว?”

“ขอบคุณที่ชม” สุนัขดำพูดพลางใช้ตะเกียบคีบไก่ย่างอีกตัวไปอย่างคล่องแคล่ว “ถ้ากินน้อยไป ฉันจะมีแรงวิดพื้นทุกวันได้ยังไงล่ะ? วันๆ แกอ่านแต่หนังสือ ต้องกินอะไรที่บำรุงสมองให้มาก อย่าจ้องแต่กระดูกใหญ่สิ! ตอนนี้แกกำลังเรียนรู้ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ซึ่งต้องใช้พลังงานสมองมากที่สุด เอาล่ะ ฉันจะตักผักให้ลูกพี่นะ”

พูดจบสุนัขดำก็คีบเมล็ดวอลนัท พุทรา เห็ดหูหนูอะไรทำนองนั้นจากจานอย่างชำนาญ ทุกอย่างที่ได้ชื่อว่าเป็นการบำรุงสมอง จึงตกอยู่ในจานอาหารของเซวียปาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเซวียปาเห็นว่าจานใหญ่ตรงหน้าได้เต็มไปด้วยผักเหล่านี้จนไม่มีที่ว่างสำหรับอย่างอื่นแล้ว มันก็ถลึงตาใส่สุนัขดำอีกครั้ง “ฉันมีประโยคหนึ่งอยากมอบให้กับแก…”

ขณะเดียวกันที่ฟางหนิงกำลังตักอาหาร เขาก็เห็นฉากนี้พอดี จึงพยักหน้าแสดงความพอใจอย่างสุดซึ้ง ‘สุนัขโสดสองตัวนี้ดูเข้ากันได้ดีทีเดียว ดูเหมือนตนก็มีพรสวรรค์ในการจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาเหมือนกัน…’

เจิ้งเต้าที่รู้ความจริงไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่ก้มหน้ากินข้าวต่อไป

ฟางหนิงกินไปส่วนหนึ่ง ได้ลิ้มรสบ้าง ก็รู้สึกเพียงพอแล้ว ‘เทพแห่งระบบทำให้ความอยากอาหารของอัศวิน A มีมากเกินไป ถ้าให้เขากินจนอิ่ม คนอื่นๆ ก็ไม่ต้องกินอะไรแน่’

ดังนั้นเขาจึงลุกออกไป และบอกหนึ่งคนกับสุนัขสองตัวให้ตามสบาย

ไม่นานหลังจากนั้น เจิ้งเต้าเองก็ลุกออกไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน เขาไม่สามารถอยู่แย่งอาหารกับเพื่อนร่วมงานทั้งสองได้จริงๆ…

ฟางหนิงกลับไปที่ห้องนอนของเขา เขาเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มเล่นเกม จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ใช้ร่างกายของตัวเองเล่นเกมมานานแล้วเหมือนกัน

เล่นไปถึงครึ่งทาง เทพแห่งระบบก็ตะโกนขึ้นมา

ระบบ “ระบบขอถามอะไรบางอย่าง?”

ฟางหนิงหยุดเกมและรีบตอบ “ไม่ต้องเกรงใจ มีอะไรก็ว่ามาสิ”

แม้จะเป็นเวลาอิสระ ก็ไม่อาจหยิ่งผยองเกินไปได้ อย่างไรก็มีเวลาแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น

ระบบ “อื้ม เมื่อกี้ระบบทำการทด… อ้อ ไม่มีอะไร ระบบก็แค่ถาม อาจารย์ปีศาจงูของโฮสต์ถือได้ว่าเป็นคนชี้ทางการเปิดใช้งานเส้นทางมิอาจเทียบเทียมของเรา ตอนนี้โฮสต์ต้องการที่จะตอบแทนพระคุณอาจารย์ปีศาจงูหรือยัง?

ฟางหนิงขมวดคิ้ว ‘เจ้านี่มันหมายความว่ายังไงกัน? หรือเกิดอะไรขึ้นกับว่าที่แม่ยายของตน?’

เขารีบถามกลับ “ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายหรือ?”

ระบบ “ไม่ ตอนนี้มีทักษะในตำนานอย่าง ‘ช่วยเหลือหมื่นลี้’ หากพวกเขาถูกคุกคามร้ายแรงล่ะก็ ระบบจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างแน่นอน ระบบจะรู้ทันทีโฮสต์ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ระบบถามแค่ว่า ตอนนี้โฮสต์อยากตอบแทนเธออย่างไร?”

ฟางหนิงรู้สึกโล่งใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่คิดถึงตนและเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวตนที่แท้จริงของตนนั้นมีเพียงครอบครัวของประธานจ้าวเท่านั้น เขามองออกว่า พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขานานแล้ว

ฟางหนิงพูดต่อว่า “ตอบแทนเหรอ เมื่อก่อนฉันเคยคิดวิธีมาบ้าง แต่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะได้รับ ‘ช่วยเหลือหมื่นลี้’ ไม่ใช่หรอกเหรอ? ถ้าเกิดมีการแจ้งเตือนภัยคุกคาม ฉันจะรีบเรียกให้นายไปช่วยทันที นี่ไม่ใช่วิธีตอบแทนที่ดีที่สุดเหรอ?

“ส่วนวิธีตอบแทนอื่นๆ หลังจากได้รับทักษะนั้นแล้ว ฉันก็ไม่เคยคิดอีกเลย ฉันกลัวว่าถ้าเกิดหลังจากที่แกช่วยตอบแทนไปหนึ่งครั้ง ต่อไปถ้าเกิดพวกเขาต้องการความช่วยเหลืออีก หากแกกำลังฟาร์มบอสใหญ่อะไรหรืออะไรขึ้นมา และบอกว่า ‘ก่อนหน้านี้ได้ตอบแทนน้ำใจไมตรีของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขาหรอก ’ อะไรทำนองนั้น”

ระบบรีบโต้กลับทันที “จะเป็นไปได้ยังไง ระบบจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”

ฟางหนิงกลอกตา “สิ่งเดียวที่สามารถบังคับแกได้จริงๆ ก็คือกฎ แกเชื่อมั่นในการกระทำของตัวเองมาโดยตลอด ถ้าได้ฟาร์มปีศาจก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น… ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้วนี่ ไม่ว่าฉันจะบอกเหตุผลอะไรไปแกก็ไม่ฟัง แกลืมไปหมดแล้วเหรอ?”

“ฉันไม่มีวิธีควบคุมแกหรอก ฉันต้องเก็บความคิดนี้ไว้ ให้กลายเป็นความโหยหาในยามฉุกเฉิน ความโหยหาของฉันนั้นแข็งแกร่งมากพอ มันสามารถกระตุ้นการตั้งค่าลับได้ ต้องทำให้แกยอมช่วยเหลือคนแน่ๆ และถึงยังไงก็ตามไม่ว่าจะกำลังฟาร์มปีศาจอะไรก็ไม่มีทางที่จะสู้ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการตั้งค่าลับได้หรอก ใช่ไหม?”

“แน่นอน ฉันมีนิสัยเหมือนคนธรรมดา มักจะไม่ทำอะไรจริงจัง และในอนาคตข้างหน้าก็คงไม่มีทางสำเร็จทักษะเทพขั้นสูงอะไร แต่ถ้ามีความคิดแปลกใหม่มากหน่อยก็อาจช่วยได้ เทพแห่งระบบท่านมีข้อได้เปรียบมากมายขนาดนั้น ต้องอัพเกรดและฝึกฝนให้ดีล่ะ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเทียบเคียงกับเหล่าบอสใหญ่ในระดับใหม่แต่ละระดับได้ หรือสูงกว่าขั้นหนึ่งดีที่สุด เพื่อไม่ให้ ‘ช่วยเหลือหมื่นลี้’ ต้องกลายเป็น ‘ช่วยตายหมื่นลี้’…”

ระบบ “โฮสต์คุณรู้จักตระหนักในตัวเองจริงๆ แน่นอนว่าระบบต้องอัพเกรดและฝึกฝนให้ดีอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องให้โฮสต์พูดหรอก เล่นเกมของโฮสต์ต่อไปเถอะ แค่โฮสต์ไม่ลืมหาปีศาจให้ระบบเยอะๆ ระบบก็ไม่มีทางล้าหลังพวกเขาเด็ดขาด”

เมื่อฟางหนิงได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา “ไม่คิดว่าวันนี้นายจะมีเหตุผลมากขนาดนี้ เมื่อได้ยินที่ฉันพูด ไม่คิดเลยว่าแกจะไม่ถือโอกาสบังคับฉันให้ฝึกฝนล่วงเวลาในอนาคต…”

ระบบ “โอ้ นั่นเป็นเพราะเพิ่งจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลไงล่ะ และตอนนี้ระบบขี้เกียจโต้เถียงกับโฮสต์แล้ว”

ฟางหนิง “อย่างนี้นี่เอง หมดธุระแล้วใช่ไหม ฉันจะกลับไปเล่นจริงๆ แล้วนะ…”

ระบบ “เดี๋ยวก่อน ระบบมีบางอย่างจะพูด”

ฟางหนิงจนปัญญา “ระบบวันนี้แกทำอะไรให้มันได้ใจหน่อยได้ไหม? มีเรื่องอะไรสินะ? หรือต้องการให้ทำความสะอาดขยะระบบ?”

ระบบ “ระบบคิดไม่ถึงว่าวิธีการตอบแทนครอบครัวปีศาจงูของโฮสต์จะเป็นแบบนี้ ไม่แปลกที่ระบบไม่สามารถกระตุ้น… ไม่ โฮสต์มองการณ์ไกลและรอบคอบเสียจริง ไม่คิดว่าจะพิจารณาครบทุกด้านแล้ว! ประมาทโฮสต์ไม่ได้เลยเด็ดขาด เกินคาดอีกแล้ว ตอนนี้ระบบมีประโยคหนึ่งที่อยากมอบให้โฮสต์เป็นอย่างมาก…”

เมื่อฟางหนิงได้ยินก็รู้สึกภูมิใจ ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนแค่พูดออกไปจะทำให้เทพแห่งระบบตกใจได้

สันนิษฐานว่าเจ้านี่จะต้องว่าง่ายไปอีกระยะหนึ่งแน่

เขาแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “พูดออกมาเลยสิ ตอนนี้นายอยากพูดว่า ‘โฮสต์เยี่ยมจริงๆ ต่อไประบบจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง จะไม่คลั่งอีกแล้ว’ อะไรทำนองนี้ใช่ไหม?”

ระบบ “ไม่ใช่ แต่เป็นอีกประโยคหนึ่ง ‘ทำไมโฮสต์ไม่พูดแต่แรก! ทำไมโฮสต์ไม่พูดแต่แรก! ทำไมโฮสต์ไม่พูดแต่แรก!…’

เทพแห่งระบบตะโกนอยู่ข้างหูฟางหนิงจนเขาเกือบจะล้มลงกับพื้น

เขาปิดหู แต่มันไร้ประโยชน์ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเทพแห่งระบบกันแน่ และหลังจากเล่นจบไปสามรอบ เสียงนั่นก็ยังเล่นซ้ำในหัวของเขา…”

ตอนนี้สมองของฟางหนิงตื่นเต็มตัวแล้ว ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงความผิดปกติที่เห็นตอนตื่นนอน เขาเข้าใจในทันทีแล้วโต้กลับ “เดี๋ยวก่อน หุบปาก! แกแอบขโมยเวลานอนของฉันไปทำเรื่องอะไรบ้าๆ ใช่ไหม? และตอนนี้ก็มาบ่นฉันว่าไม่พูดแต่แรก? ไม่แปลกที่แกจะพูดมากขนาดนี้!”

ระบบหยุดพูดทันที “ไม่มีอะไร ระบบไม่ได้ทำอะไร อ้อ เล่นให้สนุกล่ะ ระบบจะไปฝึกวิทยายุทธ์ต่อแล้ว!”

…………………………………………………………………

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)

SBTS, 我被系统托管了
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!? ... จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset