กงซีฉินรู้สึกสับสนมากที่จู่ๆหวงซีเฟยก็เปิดประตูออกจากห้องไป
อันที่จริงไม่ใช่แค่กงซีฉินเท่านั้นที่รู้สึกสับสน
แต่ทั้งพ่อแม่ของเธอและแขกส่วนใหญ่ต่างก็พากันตกตะลึงไม่แพ้กัน
เพราะมันแตกต่างไปจากที่หวงซีเฟยเคยพูดเอาไว้เมื่อสองสามวันก่อน
มันจะไม่ง่ายไปงั้นหรอถ้าหวังเซี่ยวตงเข้ามารับตัวเจ้าสาวได้ไวถึงขนาดนี้ ?
ตั้งแต่ที่เขามาถึงที่หน้าชุมชนจนถึงตอนนี้ เวลาพึ่งจะผ่านไปแค่ 5 นาทีเท่านั้นเองนะ
เขาใช้เวลาแค่ 5 นาที ก็สามารถมาถึงห้องของเจ้าสาวได้แล้วงั้นหรอ?
เกรงว่านี่มันจะ… มันคงจะเป็นสถิติการรับเจ้าสาวที่รวดเร็วที่สุดในชิงซีแน่เลย!
แต่หวังเซี่ยวตงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
เขาก้าวออกไปและทำการเทน้ำร้อนลงแก้วจากนั้นก็ชงชาให้กับพ่อและแม่ของกงซีฉิน ซึ่งนี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วในการมารับตัวเจ้าสาว
“ตึก!”
ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ทางเดิน
จากนั้นโจวเฉิงจุนที่ขับรถตามหลินฟานมาตลอดก็ได้ปรากฏตัวขึ้นและก้าวมาข้างใน
เมื่อโจวเฉิงจุนมองเห็นหลินฟานที่อยู่ในห้อง เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เพราะเขากลัวว่าหลินฟานจะกลับไปจากที่นี่แล้ว
จากนั้นโจวเฉิงจุนก็ได้ยิ้มขึ้นทันทีแล้วพูดว่า “ขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ มันไม่เป็นการรบกวนพวกคุณใช่ใหม และก็ขอแสดงยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วย ขอให้ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างมีความสุขนะ ”
แต่คนส่วนใหญ่ในที่นี้ ไม่มีใครรู้จักโจวเฉิงจุน และยังมีบางคนที่คิดว่าเขามาผิดงานด้วยซ้ำ
ผ่านไปสักครู่ก็ยังไม่มีใครพูดคุยกับโจวเฉิงจุน
แต่จากนั้นไม่นาน กงเล่อฉีที่ยืนอยู่ในห้องก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านประธานโจว ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เมื่อเห็นว่ากงเล่อฉีพูดกับโจวเฉิงจุน คนในห้องก็เริ่มถามขึ้นมาว่า “คุณรู้จักกับเขางั้นหรอ”
กงเล่อฉีไม่ตอบกลับแต่อย่างใด เขารีบไปกล่าวทักทายโจวเฉิงจุนด้วยความเคารพ “สวัสดีครับ คุณโจว”
ต้องรู้ก่อนว่า……
กงเล่อฉีนั้นเป็นคนที่มีความสามารถในสายตาของทุกคน
เมื่อไม่นานมานี้เอง เขาก็เพิ่งได้ขึ้นไปเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าหยินซาน จึงทำให้หลายๆคยรู้สึกอิจฉากับเรื่องนี้มากๆ
และตอนนี้ เขาก็กำลังให้เกียรติชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา?
คุณโจว?
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเดาตัวตนของโจวเฉิงจุนในใจ
และในไม่ช้าก็ได้มีคนพูดขึ้นมา “อ๋อ! ฉันจำได้แล้ว เขาก็คือโจวเฉิงจุนนั่นเอง!”
คนข้างๆที่ยังไม่รู้ก็รีบถามออกมา ” โจวเฉิงจุนคือใครกันล่ะ ”
“นายไม่ใช่คนในชิงซี จะไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกนะ! โจวเฉิงจุนคนนี้ เป็นถึงผู้จัดการทั่วไปของห้างหยินซาน!” เขาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นที่มีอยู่ในใจอย่างมากมาย
“ใช่แล้ว เขาคือโจวเฉิงจุนจริงๆด้วย ฉันเพิ่งอ่านข่าวเกี่ยวกับเขาเมื่อไม่กี่วันมาก่อนนี้เอง!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ภายในห้องก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที
เพราะห้างหยินซานนั้น เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในชิงซี!
และยังเป็นผู้จัดการทั่วไปของห้างหยินซาน หรือก็คือผู้มีอำนาจสูงสุดของห้างหยินซานนั่นเอง!
การที่เขามาที่นี่นั้น มันจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน!
แถมตอนนี้เขายังมาอยู่ในที่แห่งนี้อีก
ดังนั้นสำหรับทุกคนแล้ว นี่คงเป็นเหมือนกับขุนนางชั้นสูงที่ลงมาเยี่ยมเยือนประชาชนธรรมดาๆ
มันคงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสุดๆ!
จากนั้นโจวเฉิงจุนก็พยักหน้าให้กับกงเล่อฉีก่อนจะเดินตรงไปหาหลินฟาน และพูดด้วยความเคารพ “สวัสดีครับ คุณหลิน”
หลินฟานพูด “ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้างหยินซานมันก็ผ่านมานานแล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องใส่ใจมันแล้วก็ได้”
โจวเฉิงจุนรีบพูด “ขอบคุณมากครับ คุณหลิน”
หลังจากที่หลินฟานพูดจบ โจวเฉิงจุนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพราะในครั้งที่แล้ว หลินฟานเกือบถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในห้างหยินซานทุบตี
ถึงแม้ว่าหลินฟานจะบอกกับเขาว่า ซ่งจื้อเฟิงจัดการปัญหาได้ดีทุกอย่าง
แต่โจวเฉิงจุนก็ยังคงกังวลและหวาดกลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
เขาจึงต้องการมาหาหลินฟานและกล่าวคำขอโทษด้วยตัวเอง
ดังนั้น ในตอนที่กงเล่อฉีโทรมาบอกเขาว่าเห็นหลินฟานเมื่อวานนี้ เขาจึงได้ทิ้งเรื่องประชุมทุกอย่างไว้แล้วรีบตรงไปหาหลินฟานในทันที
และที่เขาตามมาถึงที่นี่ในวันนี้ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน
แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดจากปากของหลินฟานแล้ว โจวเฉิงจุนก็เข้าใจแล้วว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันจบลงแล้วจริงๆ
จากนั้นหลินฟานก็พูดขึ้นมา “นี่คือเจ้าบ่าวของวันนี้หวังเซี่ยวตง เขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเอง”
ทันใดนั้นโจวเฉิงจุนก็รีบหยิบสร้อยข้อมือทองคำออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วพูดว่า “คุณหวัง ผมขอให้คุณแต่งงานอย่างมีความสุขนะครับ!”
ตั้งแต่ที่เขาเห็นหลินฟานกับขบวนรถแต่งงานบนถนน โจวเฉิงจุนก็ขับรถตามหลินฟานมาโดยตลอด
และเมื่อเขาเห็นว่าหลินฟานขับรถไปที่ชุมชนยี่เจี่ย โจวเฉิงจุนก็รีบเลี้ยวกลับไปที่ร้านขายเครื่องประดับที่ใกล้ที่สุดเพื่อซื้อสร้อยข้อมือทองคำเส้นนี้มา
เพราะอย่างนั้น จึงทำให้เขามาสายไปสองถึงสามนาที
จากนั้นหวังเซี่ยวตงก็ได้พูดอย่างเร่งรีบ “นี่…มันแพงเกินไป”
สร้อยข้อมือทองคำนี้หนักแน่นมาก ดูแค่แวบแรกก็รู้แล้วว่าราคาของสร้อยเส้นนี้น่าจะมีราคาหลายหมื่นหยวน
และหวังเซี่ยวตงกับโจวเฉิงจุนก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
เขาจึงไม่กล้าที่จะรับของล้ำค่าเช่นนี้
จากนั้นหลินฟานก็ยิ้มและพูด “เซี่ยวตง นายรับมันเอาไว้เถอะ ถ้านายไม่รับเอาไว้ก็เท่ากับว่าคุณโจวซื้อมาเสียเปล่าเลยน่ะสิ?”
โจวเฉิงจุนก็รีบพูดตามทันที “ใช่แล้ว คุณหวังรับสร้อยเส้นนี้ไว้เถอะ มันไม่มากมายอะไรหรอก”
เมื่อเห็นว่าโจวเฉิงจุนยืนกรานที่จะให้ แต่หวังเซี่ยวตงก็ยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับสร้อยข้อมือทองคำเส้นนี้เอาไว้
ต่อมา โจวเฉิงจุนก็กำลังครุ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าของเขาก่อนจะพูดว่า “คุณหวัง คุณสามารถติดต่อผมมาตอนไหนก็ได้เลยนะครับ”
เพราะหวังเซี่ยวตงเป็นเพื่อนที่ดีของหลินฟาน ถ้าทำความรู้จักกับเขาเอาไว้ โจวเฉิงจุนก็คิดว่าไม่น่าจะเสียหายอะไรทั้งนั้น
“ตึก!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางเดินอีกครั้ง
จากนั้น ชายสองคนในชุดสูทที่มาพร้อมกับบรรยากาศรอบตัวที่ไม่ธรรมดา ก็ได้เดินเข้ามายังข้างในห้อง
ผู้ชายคนที่อยู่หน้าสุดยิ้มแล้วพูด “ขอให้ทั้งคู่มีความสุขกับการแต่งงาน และขอให้อยู่ด้วยกันตลอดไป!”
และหลังจากที่ได้เห็นเขา ทุกคนก็ต่างพากันขมวดคิ้วอีกครั้งหนึ่ง
เพราะพวกเขารู้สึกว่าคนๆนี้ดูคุ้นมากๆ เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่พวกเขาทั้งสองนั้น ไม่ได้รู้จักผู้คนที่นี่อย่างแน่นอน
และในตอนนั้นเองหวังต้าหมิงที่ยืนอยู่ในห้องด้วยก็โพล่งออกมา “ผู้ว่าจ้าว!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา มันก็เหมือนกับระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาในงานแต่งงาน!
ร่างกายของหวังต้าหมิงถึงกับสั่นไปหมด
“จริงด้วย! เป็นท่านผู้ว่าจริงๆด้วย! ฉันพึ่งเห็นเขาในข่าวสดเมื่อวานนี้เอง!”
“สุดยอดเลย ท่านผู้ว่าก็มาที่นี่ด้วย!”
“เป็นท่านผู้ว่าจริงๆด้วย!”
เมื่อพวกเขารู้ว่าคนที่พึ่งเข้ามาคือผู้ว่าของจังหวัดชิงซี ทุกคนที่อยู่ในห้อง ต่างก็กลายเป็นบ้ากันไปหมด
ใช่แล้ว เพราะคนที่เพิ่งเข้ามาก็คือ จ้าวเจียฉีผู้ว่าการจังหวัดชิงซี นั่นเอง
ต้องบอกไว้ก่อนว่าในฐานะของผู้ว่านั้น จ้าวเจียฉีจะยุ่งเป็นอย่างมาก และต้องคอยระวังตัวตลอดเวลา เนื่องจากมีกลุ่มคนที่จ้องจะทำร้ายเขาอยู่
ไม่เว้นแม้แต่วันอาทิตย์ เขาก็ยังต้องออกไปทำงานต่างๆอีกมากมาย
แต่ในขณะที่อยู่บนท้องถนนนั้น จ้าวเจียฉีก็ได้บังเอิญเห็นหลินฟานที่กำลังขับรถแต่งงานคันหลักท่ามกลางขบวนของรถแต่งงานคันอื่นๆ
และหลังจากครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย จ้าวเจียฉีก็ได้เลือกแบบเดียวกับโจวเฉิงจุน เขาตัดสินใจขับตามหลังรถขอหลินฟานไปอย่างใกล้ชิด
เพราะอย่างนั้นเอง เขาจึงได้มาอยู่ที่นี่ตอนนี้
จากนั้น จ้าวเจียฉีก็ยิ้มและพูดทักทายกับทุกคน
และเมื่อทักทายคนในห้องเสร็จแล้ว เขาก็เดินไปหาหลินฟานแล้วพูด “น้องหลิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
หลินฟานตอบกลับ “นั่นสิ เกือบจะสองสัปดาห์ได้แล้วมั้ง”
หลังจากที่ทักทายกันจบ เขาก็เริ่มแนะนำอีกครั้ง “พี่ชายจ้าว นี่คือเจ้าบ่าวในวันนี้และยังเป็นเพื่อนที่ดีของฉันอีกด้วย เขาชื่อว่า หวังเซี่ยวตง”
จ้าวเจียฉี ได้ยิ้มและพูด “คุณหวัง คุณมีเพื่อนที่ดีจริงๆ! ขอให้คุณมีความสุขในงานแต่งงานและให้กำเนิดลูกชายเร็วๆนะ!”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ยื่นซองแดงให้กับหวังเซี่ยวตงทันที
แต่เนื่องจากการมาของจ้าวเจียฉี จึงทำให้หวังเซี่ยวตงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
โจวเฉิงจุนจากหยินซานกรุ๊ปนั้น ยังเป็นตัวตนที่เขาพอจะแตะต้องมันได้บ้าง
แต่จ้าวเจียฉี ผู้ว่าการจังหวัดชิงซี เป็นตัวตนที่แทบจะอยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหารอยู่แล้ว!
หากไม่มีเหตุบังเอิญอะไร เขาจะไม่แม้แต่จะมีโอกาสที่จะได้คุยกับจ้าวเจียฉีเลยสักคำเดียว
แต่ในตอนนี้จ้าวเจียฉีกลับมาร่วมงานแต่งงานของเขา?
แถมยังให้ซองแดงมาอีก?
มันทำให้หวังเซี่ยวตงตื่นเต้นมากจนไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี
หลินฟานยิ้มแล้วพูด “เซี่ยวตง รีบรับซองแดงเร็วๆเข้าสิ”
หวังเซี่ยวตงพึ่งได้สติกลับมาก่อนจะพูดอย่างเร่งรีบ “ขอบคุณ ขอบคุณครับ ท่านผู้ว่า”
แม้ว่าซองแดงนี้จะไม่ได้หนาเลย แถมยังบางมากด้วยซ้ำ!
แต่เมื่อหวังเซี่ยวตงได้ถือมันอยู่ในมือ เขากลับรู้สึกว่ามันหนักราวกับกำลังถือเงินที่หนักเป็นร้อยๆโลอยู่!
เพราะนี่คือซองแดงที่ผู้ว่าการชิงซีมอบให้!