เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 101

สุดท้ายจินเหยียนก็ไม่มีที่นั่ง หลี่หมิงหยู่และเบนก็ต้องยืนอยู่เช่นกัน วัลโดเหล่ตามองขึ้นไปที่องุ่นด้านบนอย่างสบายใจ แสร้งทำเป็นว่าเขามองไม่เห็นคนที่ยืนอยู่  

 

 

ในบ้าน หญิงสาวดูฝีมือการชงชาของคามิลล์ นางลังเลอยู่นานจนในที่สุดก็พูดอย่างอ่อนแรง “ผู้มีพระคุณ ข้ายังไม่รู้ชื่อของท่านเลย ท่านจะไปผจญภัยในหุบเขาหลงทางกันหรือ?”  

 

 

“อืม พวกเราจะไปที่หุบเขา คนที่ช่วยเจ้าคือหัวหน้าไป๋เสี่ยวเยว่และพวกเราคือกลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่า” คามิลล์ตอบคำถามของหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนและอารมณ์ดี  

 

 

ไป๋เสี่ยวเยว่? หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ชื่อนี้ ทำไม เหมือนชื่อผู้หญิงล่ะ? กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่าหรือ? ชื่อฟังดูแปลกๆ  

 

 

“ที่หุบเขาหลงทางนั้นอันตรายมาก” หญิงสาวลังเล “แต่พวกเจ้ามีพลังมาก คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”  

 

 

“เจ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องกับหัวหน้าของเราสินะ” คามิลล์ชงชาเสร็จแล้ว ก็ทิ้งคำพูดนี้ไว้และ ออกจากบ้านไป  

 

 

ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของนางและมองไปที่แผ่นหลังของคามิลล์ โชคดีที่เขาไม่เห็น  

 

 

“หัวหน้า ดื่มชาสิ” คามิลล์รินชาให้แคลร์อย่างสง่างาม จากนั้นก็รินให้ตัวเองโดยไม่สนใจคนอื่น  

 

 

วัลโดฮัมเพลงและหยิบกาน้ำชามาดื่มจากกาน้ำชาทั้งอย่างนั้น ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินมองเขาแล้วก็กลอกตา  

 

 

“ฝีมือของรองหัวหน้านั้นไม่มีใครเทียบได้เลย” แคลร์จิบชากุหลาบแล้วรู้สึกว่านางกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง  

 

 

คามิลล์ยิ้มจนตาหรี่ ทุกคนคิด ว่าหาก ชายผู้นี้มีปีกตอนนี้เขาคงจะดีใจตัวลอยจนบินขึ้นไปบนฟ้าแล้วล่ะ  

 

 

วัลโดวางกาน้ำชาลงและมองแคลร์อย่างเย็นชา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมปีศาจน้อยตัวนี้ถึงหลงใ หลชาหอมนัก เครื่องดื่มที่โปรดปรานของนางคือชาหอม จากที่เขาเข้าใจ คนที่มีบุคลิกร้ายกาจ อย่างปีศาจตัวน้อยไม่เหมาะกับการดื่มของที่หรูหราและสูงส่งอย่าง ชาหอมเลย นางเหมาะที่จะถือมีดทำครัวและดื่มเลือดเสียด้วยซ้ำ!  

 

 

“วัลโด ดวงตาของเจ้าดูเหมือนจะไม่พอใจข้าหรือเปล่า?” ทันใดนั้นเสียงที่ดูน่าอันตรายของแคลร์ก็ลอยมา  

 

 

วัลโดตกใจและยิ้มกว้างทันที “ข้าจะกล้าได้อย่างไรล่ะ ฮ่าๆๆ…” เสียงหัวเราะแห้งๆ ดังก้องไปทั่วสนาม หัวเรา ปลอมกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว  

 

 

หญิงสาวยืนอยู่ที่ประตูมองไปที่กลุ่มคนในสนาม ภายใต้แสงอาทิตย์ คนกลุ่มนี้ดูงดงามราวกับภาพวาดที่ไร้ที่ติ ทำให้นางไม่กล้าเข้า ไปทำลายบรรยากาศของพวกเขา นางรู้สึกว่าหากนางเข้าไปก็คงจะไม่สามารถกลมกลืนบรรยากาศนั้นได้ หญิงสาวมองอย่างเหม่อลอย  

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเร่งรีบอยู่ที่ด้านนอกสนาม  

 

 

“ลีอาห์ แย่แล้ว! น้องชายของเจ้าถูกสัตว์เวทย์โจมตี ตอนนี้เขาอยู่ที่ปากทางเข้าหุบเขา เขากำลังจะตาย เจ้ารีบไปดูใจเขาเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ” คนหลายคนวิ่งหอบมาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ที่ประตูแล้วตะโกนอย่างร้อนใจ  

 

 

“อะไรนะ?” สีหน้าของลีอาห์ซีดลงทันที นางมองคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างไม่เชื่อ ในหัวของนางว่างเปล่า “จะเป็นไปได้อย่างไร? ตอนเช้าเขายังดีๆ อยู่เลย!” ลีอาห์รู้จักคน้หล่านี้ พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายนาง  

 

 

“อย่ามัวแต่พูดเลย รีบไปเถอะ หมอก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว” ชายที่อยู่หน้าประตูดูกังวลอย่างมาก  

 

 

ในที่สุดลีอาห์ก็ได้สติและวิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนกตามคนที่มาเรียกนางไป  

 

 

“ไปเถอะ ไปดูกัน” แคลร์ค่อยๆ ลุกขึ้นหลังจากดื่มชาอึกสุดท้าย  

 

 

“เจ้าใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” วัลโดพึมพำ แล้วตามด้วยเสียงร้องอย่างดัง แคลร์โบกดาบชังหลันในมือของนางอย่างนุ่มนวลและตบมันเข้าที่หัวของวัลโดอย่างรุนแรง จากนั้นหัวของวัลโดก็ปูดขึ้นทันที  

 

 

พวกเขาเดินตามกลุ่มคนที่เดินนำหน้าออกนอกเมือง และตรงไปที่ทางเข้าของหุบเขาหลงทาง  

 

 

แค่ในระยะไกลๆ พวกเขาก็ เห็นพวกของลีอาห์ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว จากนั้นเสียงร้องเศร้าๆ ของหญิงสาวที่ชื่อลีอาห์ก็ดังขึ้น  

 

 

แคลร์เดินไปข้างหน้าและเห็นลีอาห์กอดชายหนุ่มที่มีใบหน้าคล้ายกับนางอยู่ ร่างกายของชายคนนั้นเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาของเขาปิดสนิทและใบหน้าของเขาก็ซีดมาก ชายอีก คนที่เป็นหมออยู่ข้างๆ เขาส่ายหัวและถอนหายใจ คนรอบๆ ก็ดูเศร้าเช่นกัน  

 

 

แคลร์หันหน้าไปมองคามิลล์ คามิลล์ก็มองแคลร์ ความหมายในสายตาของเขาชัดเจนมาก เขา เป็นนักฆ่าไม่ใช่หมอหรือนักบวช  

 

 

สายตาของแคลร์เคลื่อนไปที่คนอื่นๆ คนอื่นก็ส่ายหัวเช่นกัน เวลานี้แคลร์รู้สึก อึ้งไป ไม่มีหมอหรือนักบวชในกลุ่มทหารรับจ้างของนาง!  

 

 

“ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นบาดแผลร้ายแรงที่ ไม่สามารถใช้ยารักษาได้ทันท่วงที หากมีนักเวทย์ผู้รักษามาในตอนนี้ก็คงจะ สามารถช่วยชีวิตเขาได้” หลี่เยว่เหวินพูดด้วยเสียงต่ำ  

 

 

แคลร์มองหญิงสาวชื่อลีอาห์ที่กำลังร้องไห้อย่างใจสลาย จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ แต่จู่ๆ ความคิดก็แวบเข้ามาในใจของนาง คงจะดีถ้าเหลิ่งหลิงยวิ๋นอยู่ที่นี่ด้วย  

 

 

เวลาต่อมา ผมสีเงินก็ส่องประกายอยู่ต่อหน้าแคลร์ แคลร์เม้มปากเล็กน้อยและแอบหัวเราะที่คิดมากเกินไปจนเกิดภาพหลอน  

 

 

แต่แสงสีขาวสงบที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าบอกกับแคลร์ว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา เหลิ่งหลิงยวิ๋นผู้มีผมสีเงินและดวงตาสีม่วงอยู่ตรงหน้านางแล้ว! เขานั่งอยู่ที่พื้นเพื่อรักษาเด็กชายที่กำลังจะตายผู้นั้น!  

 

 

แคลร์กระพริบตาแรงๆ แล้วก็กระพริบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตา  

 

 

“ไม่ต้องกระพริบตาแล้ว เขาเพิ่งมาถึงนี่แหละ” คามิลล์ดูจะเข้าใจความหมายของการกะพริบตาของแคลร์ เขาจึงโน้มตัวไปพูดเช่นนั้นกับนาง  

 

 

แคลร์อ้าปากค้าง จากนั้นก็มองไปข้างหลังแต่นางไม่เห็นคนอื่นๆ ในวิหารแห่งแสงเลย มีเพียงเหลิ่งหลิงยวิ๋นเท่านั้นที่อยู่ที่นี่!  

 

 

เสียงอุทานและคำขอบคุณทำให้สติของแคลร์กลับมาสู่ความ เป็นจริง เลือดบนแขนของเด็กชายหยุดลงแล้ว แม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังซีดเซียว แต่การหายใจของเขาก็มั่นคงแล้ว  

 

 

“ผู้มีพระคุณของข้า ขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตน้องชายข้า” ลีอาห์ร้องไห้ด้วยความดีใจและขอบคุณอย่างสุดซึ้ง  

 

 

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ไม่เป็นไร” เสียงเย็นชาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดขึ้น  

 

 

แคลร์มองเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่อยู่ตรงหน้านางด้วยดวงตาเบิกกว้างและไม่สามารถพูดอะไรได้เป็นเวลานาน ในใจของนางเกิด คำถามขึ้นมา ทำไมเหลิ่งหลิงยวิ๋นถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ? ทำไมเขา ถึงมาที่นี่เพียงลำพัง? เขามาตาม นางให้กลับไปรับใช้วิหารแห่งแสง กันหรือ?  

 

 

สีหน้าของวัลโด แสดงออก ค่อนข้างชัดเจน เลยทีเดียว ตรงหน้านี้คือศัตรูของเขา ศัตรู!  

 

 

ทันใดนั้นวัลโดก็ส่งเสียงร้องแปลกประหลาด เขาวิ่งไปข้างหน้าและตบหน้าเหลิ่งหลิงยวิ๋นจนหมดเรี่ยวแรง จากนั้นเขาก็กระแทก เหลิ่งหลิงยวิ๋นล้มลงกับพื้น ไม่รอให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นฟื้นตัวขึ้นมา วัลโดเตะเข้าที่ท้องของเหลิ่งหลิงยวิ๋น แล้วเหยียบหลังของเขาอย่างแรง “ข้าจะบอกให้เจ้าฟังนะ เจ้าคนหน้าขาวน่าขยะแขยง ข้าจะเหยียบย่ำเจ้าให้ตายเลย!” วัลโดถ่มเสมหะใส่หัวของเหลิ่งหลิงยวิ๋น จากนั้นก็กระทืบและเตะอย่างเมามัน เขาหัวเราะอย่างภาคภูมิใจที่ในที่สุดก็ได้เหยียบใบหน้าขาวๆ ที่เขา เกลียดชังนี้ได้อย่างดุเดือดเสียที! “ไปตายซะ เจ้าหน้าขาว! ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความตาย ฮ่าๆๆๆ…” เสียงหัวเราะของวัลโดดังก้องไปทั่วท้องฟ้า “เจ้าก็มีวันที่ถูกข้าเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าเช่นกัน บุตรแห่งแสงก็มีวันนี้เช่นกัน ขอร้องข้าสิ ขอร้องให้ข้ายกโทษให้เจ้า ข้าอาจจะอารมณ์ดีแล้วปล่อยเจ้าไปก็ได้นะ! ” วัลโดหันกลับมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างดุเดือด  

 

 

“วัลโด เจ้าทำอะไรน่ะ? หัวเราะคิกคัก คนเดียวอยู่ได้?” ทันใดนั้นเสียงต่ำที่น่าสงสัยก็ดังเข้ามาในหูของวัลโด  

 

 

วัลโดได้สติคืนมา เขามองซัมเมอร์ที่ทำหน้าสงสัยอยู่ข้างๆ และพูดอย่างเย็นชา “เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” วัลโดกลอกตามองไปที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นที่กำลังคุยกับแคลร์อย่างรังเกียจ ทำไม จะไม่ยอมให้เขา คิดเลยหรือ? จะไม่ปล่อยให้เขา จินตนาการถึงฉากที่ได้เหยียบใบหน้าขาวที่น่าเกลียดชังนี้เลยหรือ?  

 

 

ฉากเมื่อกี้เป็นฉาก ที่วัลโดจินตนาการเอาเอง แต่ในความเป็นจริงก็คือเหลิ่งหลิงยวิ๋นยังคงแต่งตัวเรียบร้อยมีรูปลักษณ์ที่สง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และกำลังพูดคุยกับแคลร์อยู่  

 

 

“บุตรแห่งแสง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ?” แคลร์ถามด้วยความสับสนและมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นด้วยรอยยิ้มจางๆ  

 

 

“ไม่ต้องเรียกทางการขนาดนั้นหรอก หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านนักบวชงั้นหรือ?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มจางๆ “เจ้าเรียกชื่อข้าเถอะ”  

 

 

แคลร์สะดุ้งเล็กน้อย นางนึกได้ว่า เหลิ่งหลิงยวิ๋นเรียกชื่อของนางมาตลอด ตอนนี้อีกฝ่ายพูดเช่น นั้นแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหตุผลที่นางต้องเรียกเขาว่าท่านบุตรแห่งแสงอีกต่อไปแล้ว  

 

 

“เหลิ่ง เหลิ่งหลิงยวิ๋น ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ?” แคลร์เรียกชื่อของเหลิ่งหลิงยวิ๋นอย่างเชื่องช้า  

 

 

“ข้าได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นมา” เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มและพูดประโยคนั้นออกมา แต่ไม่ยอมพูดมากกว่านั้น  

 

 

แคลร์มองเหลิ่งหลิงยวิ๋นอย่างสงสัย “คนที่ขอให้เจ้ามาที่นี่ บอกให้เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร? คงไม่ใช่การเดินทางมาเพื่อช่วยรักษาเด็กชายผู้นั้นหรอกนะ?” ในใจของแคลร์รู้สึกแปลกๆ เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นงั้นหรือ? ไม่น่าจะเป็นพระสันตปาปา ถ้าหากเป็นพระสันตปาปา ตอนนี้คงไม่ได้มาคุยกันสบายๆ เช่นนั้นใครกันล่ะถ้าไม่ใช่พระสันตปาปา? เหลิ่งหลิงยวิ๋นดูเหมือนจะไม่แปลกใจที่เจอนางเลย หรือว่าเขารู้นานแล้วว่านางมาที่นี่?  

 

 

“เราไปส่งเด็กผู้นี้กลับกันก่อนเถอะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่หันหน้าหนีและมองไปที่ลีอาห์ “เจ้าเป็นญาติของเขาหรือไม่? ไปส่งเขากลับบ้านก่อนเถอะ เจ้าต้องดูแลเขาให้ดีนะ เขาต้องได้รับการพักฟื้น ข้าแค่รักษาบาดแผลของเขาเท่านั้น แต่เขาเสียเลือดมากเกินไปและอ่อนแอมาก คงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานหน่อย”  

 

 

ทุกคนไปส่งลีอาห์และน้องชายของนางที่บ้าน ขณะที่ลีอาห์ดูแลน้องชายของนางอยู่ในบ้าน แคลร์ก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ในสนามอย่างสบายๆ และมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นด้วยความสงสัยในใจ ผู้ชายเย็นชาผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่นะ?  

 

 

“หุบปากไปเลย ถ้าวันนี้ไม่มีผู้รักษาอยู่ที่นี่ เจ้าก็ตายไปแล้ว เจ้ายังจะพูดถึงสัตว์เทพอะไรอีก!” เสียงของลีอาห์ดังมาจากในบ้าน  

 

 

……………………………………………………………………………..  

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset