“แคลร์ ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นถามเบาๆ หลังจากนั่งลง
“ข้าไม่ เป็นอะไรมากแล้ว แค่เวียนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” แคลร์ตอบ
“นั่นเป็นเพราะเจ้าเสียเลือดมากเกินไป หลังจากพักฟื้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว แต่เจ้ายังไม่ควร เดินทางต่อจนลึกเข้าไปในหุบเขา เจ้าไม่สามารถพักฟื้นในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ได้” เหลิ่งหลิงยวิ๋นรู้ว่าเขาได้ รักษานางไปมากแค่ไหน
“อืม ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยข้า” แคลร์แสดงรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า
ก่อนที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นจะพูดต่อ คามิลล์ก็เอนตัวไปมองด้วยความไม่พอใจและพูด “เจ้าอยากขอบคุณ เจ้าก็ควรขอบคุณข้าก่อนใช่หรือไม่?”
“ฮ่าๆ ใช่ ขอบคุณรองหัวหน้าผู้มีเกียรติของเรา ท่ามกลางผู้คนมากมายมีเพียงท่านเท่านั้นที่มีทักษะว่องไวเช่นนี้” แคลร์ยิ้มเบาๆ และชื่นชมคามิลล์ เขา เหล่ตาแล้วยิ้มอย่างพอใจ
ตอนนี้มีคนเดียวที่หน้าซีดเซียว นั่นก็คือหลี่เยว่เหวิน ใบหน้าของหลี่เยว่เหวินดูแย่ยิ่งขึ้นหลังจากได้ยินการสนทนานั้น
“อย่างไรล่ะ พี่สาวหลี่เยว่เหวิน ข้ายังไม่ได้คิด บัญชีกับเจ้าเลย” จู่ๆ แคลร์ก็พูดอย่างหนักแน่น
ร่างกายของหลี่เยว่เหวินเริ่มแข็งทื่อ ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางจ้องไปที่แคลร์อย่างจริงจัง ความกังวลในใจที่ค่อยๆ ขยายตัวขึ้น
หลี่หมิงหยู่ดูสงบ เขารู้ว่าแคลร์ไม่โทษหลี่เยว่เหวินจริงๆ หรอก
“ใช่ มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ข้าทำร้ายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ…” หลี่เยว่เหวินก้มหัวลงและพูดเบาๆ
“ใช่ เจ้าแทงข้าจนเกือบจะตาย หากวันนี้ไม่มีคามิลล์และเหลิ่งหลิงยวิ๋น ข้าคงจะตายไปแล้ว” น้ำเสียงของแคลร์เย็นชา
หลี่เยว่เหวินกัดริมฝีปากอย่างแรงจนเลือดแทบออก
“งั้นเจ้าต้องชดเชยให้ข้า” น้ำเสียงของแคลร์กลับตาลปัตร และนางพูดอย่างรวดเร็ว “ข้าเสียเลือดมากเกินไปและเวียนหัว เจ้าต้องรับผิดชอบด้วย การให้ยาบำรุง ตอนนี้ข้าอ่อนแอและไม่สามารถฝึกต่อได้ พอ พักฟื้นเสร็จ เรากลับไปฝึกที่สนามฝึกของบ้านเจ้ากัน แล้วอย่าทำร้ายข้าตอนกลางคืน ขอให้ข้าได้นอนหลับให้สบาย รอยคล้ำใต้ตาของข้ามันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
คำพูดยาว ๆ จากแคลร์ ทำให้หลี่เยว่เหวินเงยหน้าขึ้นมองนางอ้าปากค้าง นี่คือการชดเชยของนางหรือ
“อะไร? เจ้าคิดว่ามันมากเกินไปหรือ?” แคลร์ขมวดคิ้วมองหลี่เยว่เหวินและถาม
“ไม่ ไม่เลย” หลี่เยว่เหวินส่ายหัว “อืม ถ้าอย่างนั้นเราจะเดินทางกลับบ้านกันพรุ่งนี้และจะปรับ ตารางซ้อมให้ ลง ข้าจะช่วยเจ้าตลอดทางและ จะไม่โจมตีเจ้าตอนกลางคืนด้วย”
“เฮ้ พูดแล้วอย่าทำนะ ช่วงนี้ข้าไม่ได้นอนอย่างสงบเลย” แคลร์หาวและยืนยันอีกครั้งด้วยความพึงพอใจ
“เจ้าคิดว่าข้าจะกลับคำหรือ?” หลีเยว่เหวินถามพร้อมกับเลิกคิ้ว
“ไม่ ไม่ ฮ่าๆ ข้าหิว ข้าจะไปหาอะไรกินหน่อย” แคลร์ส่ายหัวอย่างพอใจ
หลังจากที่แคลร์ทานอาหารเสร็จ นางก็เข้าไปในกระโจม ไปนอนโดยไม่สนใจคนอื่น ลูกบอลสีดำและลูกชิ้นสีขาวตามนางไปด้วย แต่สิ่งมีชีวิตตัว น้อย ทั้งสองไม่ได้นอน ทั้งสองนั่งยองๆ ต่อหน้าแคลร์ จ้องตากันอย่างไม่กระพริบ ตัวหนึ่งต้องการกัดแคลร์เพื่อสร้างพันธะ และอีกตัวหนึ่งไม่ยอม ดังนั้นเหตุการณ์ก็ค้างคาอยู่อย่างนั้น
ในช่วงเช้าตรู่ ดวงอาทิตย์ส่องแสง น้ำค้างยังคงค้างอยู่บนใบไม้ สัตว์เวทย์ทั้งหมดหายไปนานแล้วและไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ที่ดุเดือดเมื่อคืนนี้เหลืออยู่ที่นี่
รถม้าขนาดเล็กที่สะดวกสบายขับออกจากเมือง ช้าๆ นี่คือรถม้าที่ดีที่สุดในเมืองที่ จินเหยียนไปซื้อมาในราคาสูง เฉียวฉู่ซินขี่เสือดาวลมนำหน้าไปอย่าง ช้าๆส่วน คนอื่นๆ ก็เดินตามรถม้าไป ช้าๆ แคลร์นอนอยู่ในรถม้าอย่าง สะดวกสบาย ในขณะที่ จินเหยียน ขับรถม้า มีเพียงแคลร์เท่านั้นที่สนุกอยู่คนเดียว ในรถม้า นั่นก็เพราะ ประการแรกรถม้าสามารถรองรับคนได้เพียงสองคนเท่านั้น คงจะไม่เหมาะให้คนใดคนหนึ่งขึ้นไป ประการ ที่สองคือนางต้องการพักผ่อนอย่าง เพลิดเพลิน ใจ
ภาพที่เห็นนี้จึงดูเหมือน หญิงสาวผู้ร่ำรวยกำลังเดินทางและจ้างกลุ่มทหารรับจ้างขนาดเล็กเพื่อป้องกันรักษาความปลอดภัยให้นาง
การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นดี ไม่มีโจรคนใดโจมตีพวกเขา เสือดาวลมระดับ 7 ที่โดดเด่นและคนขับรถม้าที่ดูเย็นชาจนน่ากลัว ใครจะกล้าทำอะไรกับคนกลุ่มนี้?
หลังจากเดินทางมาเป็นเวลาสามวัน พวกเขาก็มาถึงเมืองที่ใกล้ที่สุดอย่าง เมืองเฟิงหัว เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่คึกคักและวุ่นวาย เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้กับหุบเขาหลงทางมากที่สุด นักผจญภัยหลายคนที่เข้าไปในหุบเขาก็จะมาที่นี่เพื่อขายของที่ได้มา จากหุบเขาหลงทาง ทั้งแร่ แกนเวทย์ ลูกสัตว์เวทย์ สมุนไพรหายาก… ดังนั้นเมืองนี้จึงมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก แต่คนที่มาที่เมืองนี้เพื่อขายสินค้าไม่ใช่คนทั่วไป พวกเขาล้วนเป็นคนที่เข้าไปในหุบเขาหลงทางและมีชีวิตกลับออกมาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อใดที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ทุกอย่างจึง ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจา หนึ่งหรือสองประโยค สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะในเมืองนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่คนพลุกพล่านที่สุด ดังนั้นยิ่งเมืองมีความเจริญ ความสับสนวุ่นวายในเมืองจึงมีมากขึ้นไปตามๆ กัน
ในเมืองนี้คนภายนอกไม่จำเป็นต้องเสีย ค่าผ่านทางที่ประตูเมืองเมื่อเข้ามาในเมือง แต่ต้องเสียค่าผ่านทาง เมื่อออกจากเมือง
หลังจากการซักถามอย่างเรียบง่ายแล้ว แคลร์และพวกก็เข้ามาในเมือง เมืองนี้มีเสียงดังคึกคักและมีร้านค้าตลอดทาง ทั้งขายแกนเวทย์ ขายอาวุธ ขายเสื้อผ้า… มีคนเดินถนนทุกประเภท ทั้งคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ และนักผจญภัย อาคารต่างๆในเมืองสร้างจากหินขนาดใหญ่ รวมทั้งกำแพงเมือง บ้าน และทางเท้าด้วย
แคลร์มองอย่างสบายใจในรถม้า จากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงแรมที่สะอาดในเมือง
“คุณหนู ที่นี่ครับ” จินเหยียนลงจากรถม้า เขาเปิดประตูรถม้าให้แคลร์และยื่นมือออกไป
แคลร์จับมือของจินเหยียนออกจากรถม้าอย่างเป็นธรรมชาติ
“ว้าว ในที่สุดวันนี้ข้าก็จะได้อาบน้ำร้อนแล้ว!” ซัมเมอร์พูดอย่างมีความสุขพร้อมจับมือแคลร์
“ดี ครั้งที่แล้วไม่ได้อาบ ครั้งนี้จะได้อาบแล้ว” แคลร์ยิ้มและพูดกับซัมเมอร์
“เฮ้ ไปกันเถอะ” ซัมเมอร์จูงมือแคลร์เดินไปที่ประตูของโรงแรม คนอื่นๆ ก็ตามมาติดๆ
ทันทีที่เดินไปที่ประตู วัตถุที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็บินออกมาจากประตูโรงแรมดังปัง สิ่งนั้นตกลงบนพื้นกลิ้งไปที่เท้าของแคลร์และซัมเมอร์
แคลร์และซัมเมอร์มองลงไปและเห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงเท้าของพวกเขานั้นคือคนๆ หนึ่ง
“เห้ย! พวกเจ้า! ปฏิบัติต่อหัวหน้าของพวกเจ้าเช่นนี้!” คนบนพื้นดุและลุกขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นเห็น แคลร์และซัมเมอร์จากนั้นยิ้มให้ “คุณหนูคนสวย เจ้าเองหรือ”
“เจ้าเป็นใคร?” ซัมเมอร์ถามพร้อมกับขมวดคิ้วมองใบหน้ายิ้มตรงหน้า เขาคุยกับแคลร์ด้วย
“เจ้าเป็นเพื่อนของคุณหนูผู้นี้หรือ? ข้าคือยอร์ช หัวหน้ากองพลทหารรับจ้างเลือดเหล็กกองที่ 17 และยังเป็นเพื่อนกับคุณหนูแคลร์ด้วย” ชายร่างใหญ่ชื่อว่ายอร์ชคือคนที่แคลร์กับจินเหยียนเคยเจอก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนี้ยังคงจำแคลร์ได้อย่างดี
“งั้นหรือ?” ซัมเมอร์มองชายหน้าตาขี้เหร่ตรงหน้าอย่างสงสัย ชายผู้นี้เป็นเพื่อนของแคลร์หรือ? บางทีเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้
“ใช่ๆ ฮ่าๆ คุณหนูแคลร์ หลังจากวันนั้นเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ยอร์ชพูดกับแคลร์อย่างมีความสุข แคลร์พยักหน้าเบาๆ
“ก็ดี พวกเราเหนื่อยอยู่ น่ะ” แคลร์พูดเบาๆ และเดินตรงไปที่ประตูพร้อมกับซัมเมอร์
ยอร์ชเกาหัวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทันใดนั้นเขาก็เห็นจินเหยียน เขารีบก้าวไปข้างหน้าและพูด “พี่จินเหยียน พี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ฮ่าๆ บังเอิญจริงๆ ได้เจอพี่ที่นี่”
“อื้ม” จินเหยียนพูดออกมา
“ฮ่าๆ จะไปไหนกันล่ะ?” ยอร์ชเดินตามจินเหยียนและมองคนจำนวนมากที่อยู่ข้างหลังจินเหยียนด้วยความ อยากรู้อยากเห็น คนที่ตามมา เดินผ่านพวกเขาสองคนและติดตามแคลร์ผ่านประตูไป
“ไปที่ประเทศลากัค” จินเหยียนไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลมากนักจึงตอบกลับไปเรียบๆ
“ห้ะ? จริงหรือ? เยี่ยมมากเลย พวกเราก็จะไปลากัค ไปด้วยกันสิ เรามีเวลาเหลือเฟือ รอให้เจ้าเดินทางด้วยกันก็ดีจะได้ดูแลกันไปตลอดทาง “ยอร์ชยิ้มกว้าง
“เจ้าจะไปทำอะไรในลากัค?” จินเหยียนถามพอเป็นพิธี เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับแคลร์
“ไปส่งของบางอย่างที่หอการค้าตระกูลเฟิง” ยอร์ชพูดด้วยรอยยิ้ม “หอการค้าตระกูลเฟิง?เจ้ารู้ไหมว่าเป็นตระกูล ร่ำรวยที่ทำให้ผู้คนอิจฉาเลย”
ตระกูลเฟิง? ครอบครัวของเฟิงอี้เซวียนหรือ?
“อ้อ… อย่างนี้นี่เอง” จินเหยียนตอบเบาๆ
“แล้วเจ้าจะออกเดินทางเมื่อไหร่? เราไปด้วยกันสิ” ยอร์ชถามหลังจากเข้าประตูตามหลังจินเหยียน
“อันนี้ ข้าต้องถามหัวหน้าและรองหัวหน้าของพวกเราก่อน” จินเหยียนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม
“หัวหน้า? รองหัวหน้า? เจ้าก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างหรือ? กลุ่มทหารรับจ้างเป็นแบบไหนล่ะ?” ยอร์ชถามอย่างสงสัยเมื่อได้ยิน
“กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่า” จินเหยียนยังคงมีความประทับใจยอร์ชอยู่ ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างอดทน
“ฮ่าๆ ขอแสดงความยินดีที่ได้จัดตั้งกลุ่มทหารรับจ้างขึ้นมาด้วยนะ” ยอร์ชแสดงความยินดี
“ขอบคุณ” จินเหยียนตอบเบาๆ
“พี่จินเหยียน บังเอิญขนาดนี้แล้ว เราไปดื่มด้วยกันเถอะ” ยอร์ชพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลังจากตีศอกจินเหยียน
“ไม่เป็นไรหรอก” จินเหยียนปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ฮ่าๆ ยังคงสุภาพกับข้าเหมือนเดิม แต่เจ้าเพิ่งมาถึง ไปกินและพักผ่อนก่อนเถอะ” ยอร์ชยิ้ม
“อืม” จินเหยียนพยักหน้า
ที่ชั้นล่างของโรงแรมมีโต๊ะอยู่ เมื่อยอร์ชและจินเหยียนเดินเข้ามาด้วยกัน คนที่โต๊ะตรงหัวมุมก็โห่ร้องและหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นทหารรับจ้างลูกน้องของยอร์ช เมื่อกี้พวกเขานี่แหละที่โยนยอร์ชออกไป
“คุณหนู รองหัวหน้า พวกเขาชวนเราเดินทางไปด้วย กันพรุ่งนี้ จะตอบยังไงดี?” จินเหยียนเดินมาถามแคลร์และคามิลล์