เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 128

บรรยากาศในจัตุรัสขณะนี้เดือดถึงขีดสุด ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เสียงแตรดังก้อง นกพิราบบินไปทั่วท้องฟ้า และธงหลากสีก็โบกสะบัดอยู่ในสายลม ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีสูงนั้น  

 

 

“การแข่งขันเริ่มขึ้นได้…” ผู้บัญชาการประกาศออกมาเสียงดังชัดเจนตามเจตจำนงของจักรพรรดิ  

 

 

สถานที่จัดงานเดือดขึ้นอีกครั้ง เสียงเชียร์และเสียงปรบมือกลบทุกอย่างไปหมด  

 

 

ในที่สุดก็ถึงเวลาจับฉลากการแบ่งสายการแข่งขันแล้ว  

 

 

ในสนามแรกไม่มีชื่อของแคลร์ แต่เฟิงอี้เซวียนยืนขึ้นและเดินไปที่เวทีสูง ในสนามนี้มีชื่อเขา  

 

 

สุ่ยเหวินโม่ไม่ได้ลุกขึ้นแต่ขยับตัวไปมาแล้วยกกำปั้นขึ้นโบกพร้อมพูดอย่างตื่นเต้น “อี้เซวียน จัดการพวกเขาเลย จัดการเลย! ทำให้ไวเลยนะ!” ทันใดนั้นก็มีลมกระโชกมา สุ่ยเหวินโม่เสยผมที่ยุ่งเหยิงของตนเองอย่างรีบร้อนจริงจังแล้วตะโกนโห่ร้องต่อ ท่าทางเช่นนั้นดูแปลกและตลกจริงๆ เจ้าหมอนี่!  

 

 

แคลร์มองผู้คนบนเวทีสูง ลองนับดูคร่าวๆ ก็มีประมาณสี่สิบคน ชุลมุนกันขนาดนี้เลยหรือ?  

 

 

บรรดาผู้ชมต่างตื่นเต้น พ่อค้าแม่ค้าก็ร้องเรียกขายเครื่องดื่มและของว่างกันตลอด  

 

 

พบจบคำสั่ง การแข่งขันจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ  

 

 

แต่ก่อนที่ บรรดาผู้ชมจะได้ ตื่นเต้น ทุกคนก็อึ้งตะลึงงันไปก่อน  

 

 

เฟิงอี้เซวียนยืนอยู่ตรงกลางของเวทีสูง เขายิ้มเย็นชา หลับตาลง ประสานมือเข้าด้วยกันแล้วตะโกนเสียงต่ำ “สายลมพิฆาต!”  

 

 

ทันใดนั้นก็เกิดพายุรุนแรงพัดอย่างบ้าคลั่งและกวาดไปรอบๆ โดยที่มีเฟิงอี้เซวียนเป็นจุดศูนย์กลาง  

 

 

ทันใดนั้น ลมก็พัดกระหน่ำจนผู้คนในจัตุรัสต่างก็ล้มลงและกรีดร้อง หมวกก็ปลิวไปทั่วท้องฟ้า ผ้าปูโต๊ะบนโต๊ะตรงหน้าขุนนางบนอัฒจันทร์ก็ถูกพายุพัดหายไปและพังยับเยิน อันลิซ่าที่นั่งอยู่บนแท่นสะบัดนิ้วสร้างเขตกั้นขึ้นมาทันที จากนั้นบนอัฒจันทร์นั่งชมก็สงบลง ทุกคนตะลึงไปเลย เพียงแค่การเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายของเฟิงอี้เซวียนเพียงครั้งเดียวก็ทำลายเขตกั้นเวทย์ของอัฒจันทร์ ได้เลย!  

 

 

ลมพัดผมสีบลอนด์ของแคลร์จนยุ่งเหยิงไปหมด แคลร์มองไปที่เฟิงอี้เซวียนที่ใบหน้าเย็นชาด้วยความงุนงง นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเฟิงอี้เซวียนหรือ?  

 

 

บนเวทีการแข่งขัน จากเมื่อกี้ที่มีผู้คนอยู่มากมาย ในตอนนี้เหลือเพียงแค่เฟิงอี้เซวียนเท่านั้น! เฟิงอี้เซวียนยืนอยู่ตรงกลางเวทีอย่างภาคภูมิใจ ผมยาวของเขาปลิวไสวไปตามลมที่พัด เสื้อผ้าของเขาก็ถูกลมพัดปลิวสะบัดเช่นกัน  

 

 

ผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นๆ ที่เมื่อกี้ยังอยู่บนเวที ในตอนนี้ผู้ที่อ่อนแอกว่ามากถูกพัดปลิวขึ้นไปในอากาศแล้วก็ตกลงตามบริเวณ ต่างๆ ในจัตุรัส ส่วน ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าหน่อยก็ถูกพัดลงไปด้านล่างเวที  

 

 

“เด็กผู้นี้มักจะเย่อหยิ่งเช่นนี้อยู่เสมอเลย เขาจะถ่อมตัวลงหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร??” เฟิงอี้หานพูดอย่างจนใจเมื่อมองไปตรงหน้า  

 

 

“แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกชายข้า ฮ่าๆ…” อันลิซ่าหัวเราะ  

 

 

“อ๊าย…เฟิงอี้เซวียน!”  

 

 

“เฟิงอี้เซวียน!”  

 

 

“เฟิงอี้เซวียน…”  

 

 

ทันใดนั้น เสียงร้องก็ดังขึ้น หญิงชาวเมืองและหญิงสูงศักดิ์หลายคนต่างกรีดร้องออกมา หนุ่มหล่อผมแดงที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างภาคภูมิใจช่างดูน่าตื่นตาและเร้าใจมากในขณะนี้ สุ่ยเหวินโม่ยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นและตะโกนออกมาอย่างแปลกประหลาด ผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นๆ หันไปมองเฟิงอี้เซวียนบนเวทีด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่หลายคนรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาไม่ได้เข้าแข่งขันสายเดียวกับคนที่น่ากลัวผู้นี้  

 

 

“ดูสิว่าลูกชายของข้าเป็นที่นิยมขนาดไหน” อันลิซ่าขยับตัวอย่างตื่นเต้นโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของนาง  

 

 

เฟิงอี้หานยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องตะลึงกับเสียงตะคอกรุนแรงจากบนเวที  

 

 

“เรียกอะไรนักหนา! หุบปากไปซะให้หมด!” เฟิงอี้เซวียนด่าสาวๆ ที่ส่งเสียงเรียกเขาอย่างชื่นชม แต่สาวๆ ที่ตื่นเต้นกลับยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เฟิงอี้เซวียนที่หล่อเหลาและทรงพลังเช่นนี้ช่างมีเสน่ห์จริงๆ หลังจากที่เฟิงอี้เซวียนตะคอกเสร็จเขาก็มองไปที่แคลร์อย่างประหม่า  

 

 

ภาพนี้อยู่ในสายตาของอันลิซ่าและเฟิงอี้หานทั้งหมด  

 

 

“จบแล้ว ลูกชายของข้าจบแล้วจริงๆ” อันลิซ่าพูด  

 

 

เฟิงอี้หานยิ้มไม่พูดอะไรและยังคงมองไปที่เวทีอยู่  

 

 

ในเวลานี้ ผู้ตัดสินขึ้นไปบนเวทีเพื่อประกาศการผ่านเข้ารอบการแข่งขันครั้งต่อไปของเฟิงอี้เซวียน ทันใดนั้นนักเวทย์ของราชสำนักก็เริ่มตั้งเขตกั้นเวทย์อีกครั้ง คราวนี้เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอีก เฟิงอี้เซวียนส่งเสียงเย็นชาด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติแล้วก้าวออกจากเวทีอย่างหยิ่งผยอง  

 

 

ผู้ตัดสินประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขันในสนามต่อไป เมื่ออ่านชื่อแคลร์ ฮิลล์เสร็จ ชื่อต่อจากนั้นก็คือฮว๋าอี้หลิน!  

 

 

ฝีเท้าของเฟิงอี้เซวียนหยุดลงทันที เขาหันหน้าไปมองไปที่ผู้ตัดสินที่ยังคงอ่านรายชื่อต่อด้วยความ อึ้ง  

 

 

สิ่งที่เขากังวลที่สุดเกิดขึ้นแล้ว! ทั้งสองคนได้เผชิญหน้ากันในการแข่งขัน!  

 

 

เฟิงอี้เซวียนหันกลับไปเพื่อจะเดินไปหาผู้ตัดสิน แต่สุ่ยเหวินโม่พุ่งเข้ามาคว้าเฟิงอี้เซวียนเอาไว้แล้วรีบพูด “เจ้าร้อนใจอะไร ผลยังไม่แน่นอนเลย เจ้าคิดว่าการเข้าไปยุ่งตอนนี้มีประโยชน์หรือ? อย่าทำให้แม่ของเจ้าลำบากใจ อีกอย่าง แม้ว่าไอ้หัวหมูฮว๋าจะฆ่านาง แม่ของเจ้าก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และนาง ต้องหยุดเขาแน่นอน อย่าลืมสิ่งที่เจ้าสัญญากับแม่ของเจ้าสิ!”  

 

 

หลังจากที่เฟิงอี้เซวียนฟังคำพูดของสุ่ยเหวินโม่แล้ว เขาก็เดินตามสุ่ยเหวินโม่ลงไปจากเวทีอย่างไม่เต็มใจและกลับไปนั่ง เฟิงอี้เซวียนกลับมานั่งในที่ของเขาแล้วมองไปที่แคลร์ที่กำลังเดินขึ้นบนเวทีอย่างกังวล  

 

 

“แคลร์ก็กล้าจริงๆ นะที่ลงชื่อด้วยตัวตนที่แท้จริงเลย แต่ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะรู้นานแล้วเลยไม่เป็นไร” สุ่ยเหวินโม่ลูบคางของเขาและบ่นพึมพำ “ผู้ที่นับถือกันว่าเป็นพี่สาวของแคลร์ผู้นั้น ได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เมืองเกิดความแตกตื่นกัน นางเป็นหญิงงามไม่มีใครเทียบได้ แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยพบ เดี๋ยวรอจบการแข่งขันแล้วไปหาแคลร์และขอเจอนางสักหน่อยดีกว่า เหอะๆ”  

 

 

เฟิงอี้เซวียนไม่ได้ยินอะไรเลย เขาทำเพียงแค่จ้องไปที่แคลร์เท่านั้น  

 

 

“เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่? ไอ้บ้านี่!” สุ่ยเหวินโม่บ่นเฟิงอี้เซวียน  

 

 

เฟิงอี้เซวียนยื่นมือออกไปผลักใบหน้าของสุ่ยเหวินที่กำลังเข้ามาใกล้ ในขณะที่ยังคงมองไปที่ร่างของแคลร์อย่างตั้งใจ สุ่ยเหวินโม่เบ้ปากอย่างกลัดกลุ้ม  

 

 

จินเหยียนและคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ของผู้คนทั่วไปที่ใกล้ที่สุด พวกเขาคอยมองตามร่างของแคลร์และที่อัฒจันทร์นั่งชมชั้นสูงสุด กำปั้นของหลี่เยว่เหวินกระชับแน่นขึ้น นางไม่คิดว่าแคลร์จะได้พบกับเจ้าบ้าฮว๋าอี้หลินในการแบ่งสายแข่งขันเลย หลี่หมิงหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปที่เวทีการแข่งขัน  

 

 

อีกด้านหนึ่ง ฮว๋าซิ่วหนิงยิ้มเย็นชา ฮึ! ก่อนหน้านี้นางได้ไปกำชับน้องชายของตนเองอย่างจริงจังแล้วว่าให้จัดการกับแคลร์หนักๆ เลย พี่น้องร่วมสาบานงั้นหรือ? วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับผู้หญิงอย่างหลานหลิงจะได้รับผลอย่างไร แต่ เมื่อฮว๋าซิ่วหนิงนึกถึงท่าทีของน้องชาย นางก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก น้องชายผู้นี้ไม่สนใจนางเลย ตอนที่นางบอกกับฮว๋าอี้หลินว่าถ้าเจอกับแคลร์ในการแข่งขันก็ให้สั่งสอนนางไปเลย ฮว๋าอี้หลินก็พูดอย่างรำคาญว่านางไม่ต้องเสียเวลาพูด เขาก็จะจัดการกับคนตระกูลหลี่อยู่แล้ว ฮว๋าซิ่วหนิงมองฮว๋าอี้หลินที่เดินขึ้นเวทีอย่างช้าๆ กำหมัดแน่นและขมวดคิ้ว ฮว๋าอี้หลินผู้นี้ ไม่สนใจใครทั้งสิ้น แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ไม่รู้เลยว่านิสัยของเขาเหมือนกับใครกันแน่  

 

 

ฮว๋าซิ่วหนิงจ้องที่แผ่นหลังของแคลร์และมุมปากก็กระตุก ฮึ! หลานหลิงนั่นไม่ได้ปรากฏตัว อยากจะให้นางเห็นจริงๆ ว่าน้องสาวร่วมสาบานของนางจะลงเอยอย่างไร วิธีการของฮว๋าอี้หลินนางรู้ดีเลยล่ะ! คราวนี้หากแคลร์ไม่ตายก็ต้องพิการแน่!  

 

 

“เริ่มการแข่งขันได้! “เมื่อผู้ตัดสินสั่งแล้ว เขาก็หันลงจากเวทีและวิ่งไปที่เขตกั้นทันที เพราะคราวนี้มีฮว๋าอี้หลินในการแข่งขันด้วย!  

 

 

แคลร์กำลังจดจ่ออยู่กับความแข็งแกร่งของผู้คนรอบตัวแล้วถอนหายใจ มีเพียงหนึ่งเดียวที่แข็งแกร่ง  

 

 

“คลื่นน้ำ!”  

 

 

ทันใดนั้นเสียงต่ำก็ดังขึ้นอย่างกะทันหันและเย็นชา  

 

 

แคลร์เรียกสติคืนมาได้ในทันใด ความแข็งแกร่งที่ทรงพลังพุ่งเข้ามาหา แคลร์สร้างโล่ไฟทันที เสียงร้อนฉ่าของการปะทะกันระหว่างน้ำกับไฟก็ดังขึ้น การโจมตีแรงจนแคลร์ที่อยู่หลังโล่ไฟก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ในใจก็รู้สึกประหลาดใจและก็เข้าใจว่านี่เป็นทักษะ ของฮว๋าอี้หลินที่เฟิงอี้เซวียนมาเตือนนางนั่นเอง มันคือการใช้น้ำ! ถ้าไม่ใช่เพราะโล่เปลวไฟสีขาวนี้ แคลร์ก็นึกไม่ออกเลยว่าโดนโจมตีแรงขนาดนั้นจะเป็นอย่างไร ในไม่ช้า แคลร์ก็ได้รู้ว่าการโดนตีด้วยทักษะลี้ลับเช่นนี้เป็นอย่างไร  

 

 

วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นไม่สิ้นสุด เมื่อไอน้ำรอบๆ หายไป ภาพอัน โหดร้ายบนเวทีก็ปรากฏขึ้น หลายคนกรีดร้องนอนอยู่บนเวที บางคนก็กระแทกเข้ากับกำแพงเขตกั้นจากนั้นก็ค่อยๆ ไถลไปที่พื้น เลือดไหลไปทั่ว กลิ่นเลือดที่รุนแรงเต็มไปทั่ว ร่างกายของบางคนถูกเจาะเป็นรู บางคนแขนขาด บางคนขาขาด เสียงร้องเจ็บปวดดังก้องไปทั่วจัตุรัส บนเวทีเหลืออยู่เพียงแค่สองคน คนหนึ่งคือแคลร์และอีกคนคือฮว๋าอี้หลิน  

 

 

เกิดความเงียบงันขึ้นในจัตุรัส จักรพรรดิขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าขององค์รัชทายาทนิ่งไป ฮว๋าอี้หลินผู้นี้ จะว่าแข็งแกร่งก็ใช่หรอก แต่ว่าเขาโหดร้ายเกินไป  

 

 

แคลร์ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ มองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมสีน้ำเงิน ดวงตาสีแดง ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูน่ากลัว เขามองตรงมาที่แคลร์ด้วยดวงตาที่ดูเหมือนนักล่าที่กำลังมองเหยื่อ  

 

 

“ฆาตกร!”  

 

 

“โหดร้ายเกินไป!”  

 

 

“ลงจากเวทีไปซะ!”  

 

 

เมื่อผู้ชมเรียกสติกลับมาได้ พวกเขาทั้งหมดก็เริ่มประณามอย่างรุนแรง  

 

 

ฮว๋าอี้หลินไม่ได้หันไป แต่ยกมือขวาขึ้นอย่างไม่แสดงออกใดๆ  

 

 

เกิดเสียงดังโครม น้ำพุ่งไปกระทบกับเขตกั้นแล้วระเบิดออก น้ำกระจายออก เขตกั้นสั่นสะเทือน ผู้ชมที่อยู่นอกเขตกั้นต่าง ตกใจ จากนั้นทุกคนก็เงียบไป  

 

 

“หยุดการแข่งขันก่อน!” นักเวทย์ของราชสำนักลอยขึ้นไปในอากาศ “ผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับบาดเจ็บต้องรับการรักษา”  

 

 

“ข้าให้เวลาห้านาที” ฮว๋าอี้หลินไม่ได้มองนักเวทย์ของราชสำนักและพูดออกมาอย่างเย็นชา ดวงตาของเขายังคงจ้องที่ใบหน้าของแคลร์อยู่  

 

 

“ครั้งนี้แคลร์ได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งแล้วล่ะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองไปที่ฮว๋าอี้หลินบนเวทีแล้วพูดออกมาเบาๆ  

 

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset