จินเหยียนขมวดคิ้วอย่าง กังวล ไป๋ตี้และเฮยหยู่ก็เกาะอยู่บนไหล่สองข้างของเขา
“มันก็ไม่แน่ว่าแคลร์จะแพ้หรอก!” ซัมเมอร์พูดอย่างเย็นชา
“เรามาพนันกันไหมหัวขโมยน้อย” เบนเลิกคิ้ว เขามองความแข็งแกร่งของคนทั้งสองบนเวทีออก เด็กผมสีน้ำเงินผู้นั้นแข็งแกร่งกว่าแคลร์ ครั้งนี้แคลร์โชคไม่ดีจริงๆ ที่แข่งขันสนามแรกก็จะตกรอบ เสียแล้ว
“พนันก็พนันสิ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือ!” ซัมเมอร์ไม่พอใจอย่างมากกับน้ำเสียงของเบน นางจึงตะโกนใส่เบนอย่างโกรธแค้น
“ดี ข้าพนันว่าแคลร์จะแพ้ ถ้าข้าชนะพนัน เจ้าต้องทำตามคำขอของข้าสามข้อ ถ้าข้าแพ้พนัน ข้าก็จะทำตามคำขอของเจ้าสามข้อเช่นกัน” เบนยิ้มกว้าง
“ตกลงตามนี้! แคลร์ชนะแน่นอน!” ซัมเมอร์พูด
คามิลล์เหล่มอง เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้มองไปที่คนทั้งสองบนเวทีอย่างเงียบๆ
ตงเฟิงโฮ่วกำลังกินขนมที่เฉียวฉู่ซินซื้อจากพ่อค้าเร่ให้เขาอยู่
วัลโดสวมหมวกและกดลงปกปิดความกังวลในใจ
ห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผู้บาดเจ็บบนเวทีถูกนำตัวไปรักษาอย่างรวดเร็ว
“การแข่งขันดำเนินต่อได้” ผู้ตัดสินตะโกนจากระยะไกลด้านนอกเขตกั้น จากนั้นก็รีบวิ่งไปยังที่ปลอดภัยด้วยความเร็ว เขามีลางสังหรณ์ว่าเขตกั้นที่ดูแข็งแกร่งมากนี้น่าจะพังลงในอีกไม่นาน
“เจ้าอ่อนแอมากนะ!” ฮว๋าอี้หลินตะคอกอย่างเย็นชาพร้อมกับเขย่งเล็กน้อยและรีบวิ่งไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทันใดนั้นดาบใหญ่ที่ทำจากน้ำก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
การแปลงรูปร่างของน้ำ?!
ครั้งนี้แคลร์ไม่ได้ต่อสู้โดยตรงแต่ถอยกลับ นางรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้านี้มีความแข็งแกร่งที่นางไม่สามารถต่อกรได้ ระดับความแข็งแกร่งในร่างกายของคนผู้นี้เหนือกว่าตนเองมาก ไม่สามารถเผชิญหน้าตรงๆได้ ต้องใช้การชิงไหวชิงพริบเท่านั้น
ชิ้ง…
เกิดเสียงดังขึ้น จากนั้นดาบขนาดใหญ่ในมือของฮว๋าอี้หลินก็ฟันเข้าไปตรงที่ที่แคลร์ยืนอยู่เมื่อกี้ เวทีสั่นไหวและมีเสียงดังสนั่น จากนั้น เวทีก็พังลงทันทีท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน ควันและฝุ่นละอองคละคลุ้งเต็มไปหมดจนมองเห็นภาพข้างหน้าได้ไม่ชัด
เฟิงอี้เซวียนลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ สุ่ยเหวินโม่ที่อยู่ข้างๆ รีบคว้าตัวเขาไว้เพราะกลัวว่าเขาจะไม่สามารถทนได้แล้วพุ่งไปที่เวที
ควันค่อยๆ หายไป ช้าๆ และร่างสองร่างก็ปรากฏขึ้นภายในเขตกั้น
ด้านหลังแคลร์มีปีกเปลวไฟสีทองคู่หนึ่งที่กำลังกระพือเบาๆ อยู่ในอากาศ ส่วนที่หลังของฮว๋าอี้หลินก็มีปีกคริสตัลคู่หนึ่งที่ทำจากน้ำ เขาก็ลอยอยู่ในอากาศเช่นกัน เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฟิงอี้เซวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เหอะๆ ที่ลากัคของเรามีคนที่มีความสามารถจริงๆ คนแรกก็เฟิงอี้เซวียนที่แปลงรูปร่างของลมได้ ตอนนี้ก็ฮว๋าอี้หลินที่แปลงรูปร่างของน้ำได้อีก” จักรพรรดิมองและพูดด้วยรอยยิ้ม
องค์รัชทายาทเงียบ เขามองคนทั้งสองที่เผชิญหน้ากันอยู่ในเขตกั้น เขารู้สึกไม่สบายใจเลยแต่ก็บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่สบายใจ
หมัดที่กำแน่นของหลี่เยว่เหวินชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลี่หมิงหยู่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ พวกเขาดู ออกว่าการต่อสู้ระยะประชิดนั้นค่อนข้างเป็นอันตรายต่อแคลร์!
ดวงตาของฮว๋าซิ่วหนิงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“แคลร์ สู้เขา!” ซัมเมอร์กำหมัดแน่นอย่างวิตกกังวล
เบนมีสีหน้ามั่นใจว่าเขาต้องชนะการเดิมพันแน่นอน แม้ว่าเบนจะอยากชนะการเดิมพัน แต่เขาก็ได้วางแผนไว้ในใจแล้ว ถ้าเด็กผมสีน้ำเงินคนนั้นกล้าฆ่าแคลร์ เขาจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาจะกลับร่างเดิมและจัดการเด็กนั่นให้เละจนแม้แต่แม่ของเด็กนั่นก็จำไม่ได้ไปเลย!
“ผนึก… ฟ้า!” แคลร์ลอยอยู่ในอากาศมองฮว๋าอี้หลินที่ลอยอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็ค่อยๆ พูดสิ่งที่ทำให้จินเหยียนและคนอื่นๆ ประหลาดใจ สีหน้าของแคลร์เย็นชา นางรู้ว่าฮว๋าอี้หลินไม่ได้พยายามจะทำการประลอง แต่เขาต้องการฆ่านาง! ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร! ในเมื่ออีกฝ่ายจะฆ่า ทำไมตนเองต้องเมตตาด้วยล่ะ?
ผนึกฟ้า?!
ทักษะโบราณที่ผู้อาวุโสหั่วใช้งั้นหรือ? กำแพงเปลวไฟที่พวกเขาไม่สามารถทำลายได้น่ะหรือ?
ฮว๋าอี้หลินสะดุ้งเล็กน้อย เขามองแคลร์ที่เอามือทั้งสองประสานกันที่หน้าอก จากนั้นก็ยืดออกอย่างรวดเร็ว เปลวไฟสีขาวโผล่ขึ้นมาระหว่างมือของนาง เปลวไฟสีขาวที่ดูเหมือนมีชีวิตกระจายออกไปทั้งสองด้านของแคลร์ ปิดกั้นฮว๋าอี้หลินไว้ตรงกลางแล้วเคลื่อนไปมาจนกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยม
ฮว๋าอี้หลินพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “เจ้ากำลังเล่นเกมอยู่หรือไง?”
ทันทีที่คำพูดของฮว๋าอี้หลินจบ เปลวไฟสีขาวรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็กระจายไปทุกทิศทางทันที กลายเป็นลูกบาศก์ สี่เหลี่ยมและเปลวไฟที่โหมกระหน่ำก็ก่อตัวเป็นพื้นที่ปิดและขัง ฮว๋าอี้หลินไว้ตรงกลาง ลมหายใจร้อนทำให้คนที่อยู่นอกเขตกั้นรู้สึกได้ถึงความแห้งและร้อนผาก
กำแพงเปลวไฟสีขาวขนาดใหญ่นั้นทำให้ทุกคนตกใจ พวกเขาเพิ่งเห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก และบางคนก็ได้เห็นเปลวไฟสีนี้เป็นครั้งแรกด้วย
สีหน้าของฮว๋าซิ่วหนิงเปลี่ยนไป ผ้าไหมในมือของนางยับยู่ยี่ ฮว๋าอี้หลินที่ไม่เคยพลาด เขาจะมาแพ้เด็กสาวคนนี้ในครั้งนี้งั้นหรือ?
สีหน้าของแคลร์เย็นชาและพูดออกมาอย่างไม่แยแส “ปิด!”
ทันใดนั้นกำแพงเปลวไฟสีขาวก็ปิดลงอย่างรวดเร็วและฮว๋าอี้หลินที่ถูกขังอยู่ในนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก!
มีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในกำแพง เนื่องจากฮว๋าอี้หลินโจมตีกำแพงเปลวไฟอยู่ แต่ก็ไร้ผล กำแพงนั้นแตกออกและประสานกลับได้ทันที
ในที่สุดฮว๋าซิ่วหนิงก็นั่งไม่ติด เท้าของนางไขว้กันไปมาไป ฮว๋าอี้หลินไม่เคยแพ้! วันนี้จะพ่ายแพ้จริงๆ หรือ?
ซัมเมอร์โบกกำปั้นเล็กๆ ของนางอย่างตื่นเต้น ในความคิดของนาง แคลร์ชนะการประลองครั้งนี้แล้ว เบนเอาสองมือมากุมที่หน้าอกและไม่แสดงความคิดเห็นอะไร
แคลร์ไม่กล้าประมาท เลยเฝ้าดูกำแพงที่ค่อยๆ ปิดลง นางเข้าใจดีว่าสิ่งนี้คงไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้ ผนึกฟ้าเป็นทักษะที่ผู้อาวุโสหั่วใช้ แต่พลังของแคลร์ยังห่างไกลจากผู้อาวุโสหั่วมาก!
กำแพงที่กำลังปิด จู่ ๆ ก็หยุดลงและเริ่ม สั่นสะท้าน ดูเหมือนจะมีพลังขนาดใหญ่ที่ต่อสู้กับกำแพงอยู่
กำแพงนั้นสั่นอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในชั่วพริบตาต่อมา แท่งน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากกำแพงเปลวไฟ จนกำแพงเปลวไฟเต็มไปด้วยรู เสียงฉ่า รุนแรงของน้ำและไฟที่ปะทะกันดังก้องไปทั่วทั้งจัตุรัส หัวใจของทุกคนเต้นอย่างรุนแรง บางคนก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนมองไปที่กำแพงอย่างตื่นเต้น
ในเวลานี้แคลร์ดูเฉยเมย นางลอยอยู่ในอากาศ เงียบๆ และค่อยๆหลับตาลง
นางกำลังทำอะไรอยู่? นี่คือคำถามในใจของทุกคนในตอนนี้ ฮว๋าอี้หลินกำลังจะทะลุกำแพงออกมาแล้ว แต่ตอนนี้แคลร์กลับหลับตาลง! นางบ้าหรือเปล่า? หรือว่านางจะยอมแพ้?
เฟิงอี้เซวียนกำหมัดแน่นมองแคลร์ที่ลอยอยู่ในอากาศอย่างกังวล ทำไมเฟิงอี้เซวียนจะมองไม่ออกว่าฮว๋าอี้หลินคนชั่วมีกลิ่นอายสังหารออกมา! เขาตั้งใจจะฆ่าแคลร์!
“อย่าหุนหันพลันแล่น เจ้าอย่าหุนหันพลันแล่นนะ ผลลัพธ์มันไม่แน่นอนหรอก” สุ่ยเหวินโม่ยังคงพูดเหมือนท่องพระคัมภีร์อยู่ข้างๆ เฟิงอี้เซวียน เขากลัวที่สุดว่าเฟิงอี้เซวียนจะพรวดพราดออกไปแล้วจะเดือดร้อน!
ทันใดนั้น แสงก็ส่องประกาย กำแพงที่แคลร์ใช้ดักฮว๋าอี้หลินไว้ก็แตกสลาย ทั้งน้ำและไฟสาดกระเซ็นออกไป เปลวไฟแสงสีทองและหยดน้ำแสงสีเงินดูงดงามมาก
ฮว๋าอี้หลินกำดาบใหญ่แน่น เขาลอยขึ้นไปในอากาศ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและกระหายเลือด
ฮว๋าซิ่วหนิงบนแท่นชมไม่สามารถทนได้อีกต่อไป รอยยิ้มโหดร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ฮว๋าอี้หลินเอาจริงแล้ว! เช่นนั้น แคลร์ วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว
ในตอนนี้แคลร์ยังคงหลับตาอยู่ ฮว๋าอี้หลินใช้ดาบชี้ไปที่แคลร์ด้วยรอยยิ้มกระหายเลือด “ดีมาก ข้าชื่นชมเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างตั้งใจมากๆ เลยล่ะ”
ตาของแคลร์ยังคงปิดอยู่ ฮว๋าอี้หลินยิ้มเยาะและรีบวิ่งเข้าไปพร้อมดาบของเขา
“มา…” แคลร์ลืมตาขึ้น ทันใดนั้น ทั้งตัวของนางก็เปล่งแสงสีทอง สวยงามแพรวพราวออกมา
กำแพงสีทองบางๆ ปิดทั้งแคลร์และฮว๋าอี้หลินไว้ภายในทันที
แคลร์กำลังทำอะไรอยู่?
“เปลวไฟ? กำแพงเปลวไฟอีกแล้วหรือ? ” แม่หญิงทีเร็กซ์บนอัฒจันทร์แตะคางด้วยความสงสัย ชั้นของกำแพงนี้บางมาก แต่ทั้งหมดเป็นเปลวไฟสีทอง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?
ในไม่ช้า เหล่าปรมาจารย์ที่นั่นก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
กำแพงบางๆ นั้นแข็งแกร่งผิดปกติและความรู้สึกร้อนที่เปล่งออกมานั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเปลวไฟธรรมดา สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากที่สุดก็คือดาบในมือของฮว๋าอี้หลินนั้นค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ จนมันหายไปเอง!
กำแพงนั้นกัน ธาตุน้ำออกไป!
เปลวไฟสีทองนี้มีหน้าที่เช่นนั้นจริงๆ หรือ?
แต่ไม่ใช่แค่นั้น ฮว๋าอี้หลินรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าไอน้ำในกำแพงนี้ค่อยๆลดลงไปอย่างช้าๆ!
นังคนบ้า! ดวงตาของฮว๋าอี้หลินแสดงความตะลึงเป็นครั้งแรก ยังมีคนบ้าคลั่งกว่าเขาอีก! เด็กสาวผู้นี้ไม่เพียงแต่กัน ธาตุน้ำออกไปภายนอก แต่ยังค่อยๆเผาไอน้ำในอากาศภายในกำแพงด้วย! หรือว่านางจะไม่รู้ว่าทำเช่นนี้ต่อไปคนก็จะหายใจไม่ออก! กำแพงเปลวไฟจะค่อยๆ แผดเผาอากาศทั้งหมดในพื้นที่ปิดนี้!
“ดีมาก มันทำให้ความมุ่งมั่นของข้าที่จะฆ่าเจ้ายิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก” ดวงตาของฮว๋าอี้หลินแสดงความตื่นเต้น บ้าคลั่ง และกระหายเลือด
“พูดจาไร้สาระ!” ในที่สุดแคลร์ก็เอ่ยปากพูดกับฮว๋าอี้หลินเป็นครั้งแรก แต่คำพูดที่นางพูดทำให้ฮว๋าอี้หลินแทบระเบิด!
จะสู้ก็สู้! พูดเรื่องไร้สาระทำไม?
ดาบที่ไม่โดดเด่นปรากฏขึ้นมาจากอากาศบางๆ ในมือของแคลร์ มันเป็นดาบที่ดูธรรมดามากๆ
“ดาบชังหลัน วันนี้ทำให้ข้าเห็นความแข็งแกร่งของเจ้าหน่อยสิ ไม่เช่นนั้น เมื่อวันนี้สิ้นสุดลง ข้าจะใช้ เจ้าตัดต้นไม้แทน ขวาน” แคลร์ถือดาบขึ้น ยิ้มเย็นชาแล้วพูดประโยคนั้นเบาๆ
ช่วงเวลาต่อมา ดาบชังหลันก็สั่นเล็กน้อยราวกับตอบสนองต่อคำพูดของแคลร์ ในตอนนี้ ฮว๋าอี้หลินก็มีดาบอยู่ในมือเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขา ก็มีของล้ำค่าอย่างแหวนมิติด้วย!
ประกายความเยือกเย็นเกิดขึ้นในดวงตาของแคลร์ อากาศในกำแพงกำลังจะมอดไหม้ไป อีกฝ่ายไม่สามารถใช้เวทย์ธาตุน้ำได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงต้องใช้แค่พลังยุทธ์ ความแข็งแกร่งแคลร์เทียบเขาไม่ได้ พลังยุทธ์ก็ด้อยกว่าเขา แต่ว่าถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หายใจลำบากล่ะ? อีกฝ่ายจะสามารถใช้พลังของเขาได้อย่างอิสระงั้นหรือ?