“ท่านอาจารย์นี่คือการสมรู้ร่วมคิด นี่มันเป็นการสมรู้ร่วมคิดอย่างชัดเจนทำไมต้องให้หญิงผู้ไม่รู้เรื่องด้วยผู้นั้นมาแบกรับทั้งหมดนี้ด้วยล่ะ?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“หลิงยวิ๋น!” น้ำเสียงของราอูลเปลี่ยนไปเขาพูดอย่างเกรี้ยวกราด “หลายปีที่ผ่านมาเจ้ายังมีจินตนาการเช่นนั้นอยู่อีกหรือ?”
ประโยคนี้ราวกับว่าโดนหมัดชกกลางใจเหลิ่งหลิงยวิ๋นตัวแข็งไปทันที
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มเยาะใช่แล้วทำไมเขาถึงลืมล่ะว่าวิหารแห่งแสงที่สูงส่งและยุติธรรมในสายตาของทุกคน แท้ที่จริงเป็นสถานที่ที่สกปรกที่สุดในโลกเขายังคิดจะหาความยุติธรรมอะไรจากที่นี่ได้ล่ะ!
“ไป!” ราอูลทำหน้าเย็นชาและตะโกนบอกเหลิ่งหลิงยวิ๋นเขาเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูด คงจะได้ยินที่เขาคุยกับพระสันตะปาปาในห้องหนังสือแล้วเพื่อไม่ให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นหลุดพูดอะไรไม่ดีออกไปต้องรีบให้เขาไปจากที่นี่
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงียบเดินตามราอูลออกไปไม่เห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขาทั้งสองเดินออกไปจากที่นี่
ออกมาไกลจากห้องโถงทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ
“พระคาร์ดินัลหลิงยวิ๋น” หลิวเฉว่ฉิงทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เฉว่ฉิงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ราอูลถามด้วยรอยยิ้มครั้งก่อนที่เทพธิดากลับมาพร้อมรอยแผลเป็นการซุ่มโจมตีจากวิหารแห่งความมืดทำให้นางเกือบตายแต่นางเป็นเทพธิดาของวิหารแห่งแสง จึงไม่ได้อ่อนแอหลังจากกลับมาที่วิหารแล้วก็พักฟื้นอยู่ตลอดถ้าแคลร์รู้ก็จะเข้าใจว่าเทพธิดาผู้นี้ไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือและความเชื่อถือกับเทพีแห่งแสงก็ไม่ได้มากมายนัก หลังจากออกจากป่าแห่งความฝันก็ถูกคนของวิหารแห่งความมืดโจมตีและหลบหนีออกมาได้นางไม่ได้อ่อนแอแน่นอน
“ขอบคุณท่านอาจารย์สำหรับความใส่ใจตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว” หลิวเฉว่ฉิงยิ้มอย่างอบอุ่นแต่ดวงตามองไปที่เหลิ่งหลิงยวิ๋น
“ก็ดีแล้ว” ราอูลพยักหน้า
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเงียบแล้วเดินห่างจากราอูลไปโดยไม่พูดอะไร
“หลิงยวิ๋น!” ราอูลเรียก
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนนิ่งแต่ไม่หันหลังกลับมา
ราอูลถอนหายใจจากนั้นพูดอย่างจริงจัง “หลิงยวิ๋นข้ารู้ว่าเจ้าสนิทกับแคลร์แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเรื่องนี้เจ้าไม่ควรเข้าไปยุ่ง และเข้าไปยุ่งไม่ได้ด้วย”
“ท่านอาจารย์ พวกเราจะต้องมองดูเรื่องมันกลายเป็นเช่นนั้นหรือ? ท่านคิดว่าแคลร์กลับมาแล้วนางจะยอมแพ้หรือ?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นหันไปหาราอูลแล้วพูดด้วยเสียงขุ่นเคือง “อาจารย์คลิฟ อาจารย์ของแคลร์จะนั่งมองอยู่เฉยๆ ได้งั้นหรือ?”
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้!ข้าจะจัดการเอง!” ราอูลนิ่ง “เจ้าไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นเจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแค่อยู่ในวิหารเงียบๆ ก็พอ”
เหลิ่งหลิงยวิ๋นกัดริมฝีปากตัวเองต้องการพูดอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้ว คิดอยากจะพูดบางสิ่ง แต่หลิวเฉว่ฉิงกลับพูดเบาๆ ว่า “หลิงยวิ๋นไม่มีใครอยากจะเห็นเรื่องมันเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้หรอกนะไม่มีใครอยากให้แคลร์บาดเจ็บ ข้ามองนางเป็นเหมือนน้องสาวก็ยิ่งไม่อยากเห็นนางเจ็บปวดแต่ว่าครั้งนี้มันเป็นเรื่องอนาคตของวิหารแห่งแสง” เมื่อหลิวเฉว่ฉิงเห็นสีหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็พูดออกมา “แม้เจ้าจะไม่คิดถึงตัวเองก็ควรคิดถึงซวนซวนบ้างนะ”
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพูดอะไรไม่ออก
ราอูลมองท่าทางที่สิ้นหวังของเหลิ่งหลิงยวิ๋นถอนหายใจและก้าวยาวๆ ไปตบไหล่ของเหลิ่งหลิงยวิ๋นพร้อมกับพูด“เจ้าทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ซะข้าจะขอให้พระสันตะปาปามอบภารกิจให้เจ้าเจ้าไปที่อื่นก่อน ไกลแค่ไหนยิ่งดีเท่านั้น”
หลิวเฉว่ฉิงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้าหลิงยวิ๋นพวกเราออกไปที่สำนักงานวิหารแห่งแสงที่ประเทศอื่นกันเถอะ”
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเอามือของราอูลบนไหล่ออกด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ข้าจะไม่ทำเรื่องนี้ไม่ต้องผลักข้าออกไป” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดจบก็เดินไปข้างหน้าแล้วร่างของเขาค่อยๆ หายไปจนสุดทางเดิน
หลิวเฉว่ฉิงเห็นเช่นนี้จึงเตรียมรีบตามไป
“เฉว่ฉิงไม่ต้องไปหรอกปล่อยให้เขาสงบสติสักพัก” ราอูลห้ามไม่ให้เฉว่ฉิงตามไป
หลิวเฉว่ฉิงหยุดฝีเท้า มองไปจนสุดทางแต่ในใจกลับมีความสุขซวนซวนเป็นไม้ตายในมือนางอยู่เสมอ!นางรอคอยการปรากฏตัวของแคลร์ครั้งนี้ หญิงผู้นี้จะต้องถูกตัดสินให้ถูกแขวนคอแน่นอนแม้ว่าตระกูลฮิลล์จะขัดขวางแต่โทษเบาที่สุดอย่างการเนรเทศก็จำเป็น นั่นก็เท่ากับโทษประหารชีวิตแล้วถ้าหญิงผู้นั้นอยู่ ไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้แน่นอน ถึงเวลานั้นก็คงจะต้องมีการขัดแย้งกับวิหารแห่งแสง แล้วผลที่จะตามมา…หลิวเฉว่ฉิงยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข เพียงแต่ราอูลอยู่ตรงนี้จึงไม่กล้าแสดงออกมา สีหน้ายังคงเศร้าและกังวลอยู่
เหลิ่งหลิงยวิ๋นก้าวเร็วๆ เดินกลับไปยังที่ที่เขาอาศัยอยู่ มองเห็นซวนซวนนั่งอยู่คนเดียวบนขอบแปลงดอกไม้แกว่งเท้าสองข้างรอเขากลับมาร่างกายผอมบาง แขนเรียวเล็ก หัวใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นบีบแน่นหากไม่ได้ยาที่วิหารจัดไว้ให้ซวนซวนก็คงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
“พี่ชาย!” ซวนซวนกระโดดโลดเต้นเมื่อเห็นเหลิ่งหลิงยวิ๋นและรีบวิ่งไปหา
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มและคุกเข่าลงกอดซวนซวน
“ซวนซวนเป็นเด็กดีหรือเปล่า?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นอุ้มเหลิ่งซวนซวนยืนขึ้นแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม
“เป็นค่ะๆ”เหลิ่งซวนซวนพยักหน้าแรงๆ หลังจากมองตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นแล้ว เหลิ่งซวนซวนก็มีแววตาประหลาดใจ จึงยื่นมือไปสัมผัสหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเบาๆ “พี่ มีเรื่องอะไรในใจหรือคะ?พี่ไม่มีความสุข”
“เปล่าซวนซวนไม่ต้องคิดมากต้องกินยาให้ตรงเวลานะ รู้ไหม?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นนลูบผมของซวนซวนด้วยรอยยิ้ม
เหลิ่งซวนซวนไม่พูดอะไรแต่เอียงหัวมองตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นยื่นมือไปบีบหน้าของเขาและถามอย่างจริงจัง “พี่ชาย พี่ชอบพี่สาวผู้นั้นใช่หรือไม่?”
“หือ?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นอึ้งไป
“ก็พี่แคลร์ไงคะพี่ชอบนางใช่ไหม?” ใบหน้าของเหลิ่งซวนซวนดูจริงจังไม่สมกับอายุของนางเลย
“เด็กคนนี้เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าชอบคืออะไรอย่าพูดไร้สาระนะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นดึงจมูกของเหลิ่งซวนซวนด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารู้ ข้ารู้แน่นอนอยู่แล้ว” เหลิ่งซวนซวนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเอามือแตะที่หน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋น “พี่ชายพี่คิดจริงๆ หรือว่าเทพธิดาดีกับข้ามากเพราะชอบข้า? นางคิดว่าข้าไม่รู้หรือ?นางทำดีกับข้าเพราะพี่ต่างหาก”
เหลิ่งซวนซวนพูดจบเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ประหลาดใจมองเหลิ่งซวนซวนอยู่อย่างนั้นพูดไม่ออกเด็กผู้นี้รู้ทุกอย่างเฉียบแหลมขนาดนี้เลยหรือ?
“เทพธิดาชอบพี่แต่พี่ไม่ชอบนางคนที่พี่ชอบคือพี่แคลร์การชอบเช่นนี้ ไม่เหมือนกับที่พี่ชายชอบข้า” สีหน้าของเหลิ่งซวนซวนจริงจังมากและคำพูดที่พูดออกมาก็ทำให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นตัวแข็งทื่อ
เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองคนตัวเล็กในอ้อมแขนของเขาพูดอะไรไม่ออกเหลิ่งซวนซวนรู้มากกว่าอายุแต่เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่คิดว่าเด็กผู้นี้จะพูดแบบนี้ออกมาได้
“เด็กโง่เจ้าจะเป็นคนโปรดของพี่ตลอดไป” เหลิ่งหลิงยวิ๋นยิ้มและกอดเหลิ่งซวนซวนไว้แน่นแต่ในใจมีความเจ็บปวดสูญเสียสับสนขัดแย้งจนเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พี่ชาย…” เหลิ่งซวนซวนกอดคอของเหลิ่งหลิงยวิ๋นวางหัวไว้บนไหล่ของเขาแล้วพึมพำเบาๆ “พี่ชายข้าขอโทษหลายปีมานี้ พี่ต้องฝืนตัวเองเพื่อข้า”
“เด็กโง่พูดอะไรโง่ๆล่ะเนี่ย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นกอดเหลิ่งซวนซวนและถอนหายใจเบาๆเขาไม่เห็นเลยว่าเหลิ่งซวนซวนมีหยดน้ำตาที่ไหลออกมา แล้วก็ไม่แววตามุ่งมั่นของเหลิ่งซวนซวน
เหตุการณ์เรื่องวางยาชะงักลงและไม่มีความคืบหน้า
วิหารแห่งแสงสร้างหลักฐานว่าองค์ชายสองสั่งให้แคทเธอรีนวางยาพิษองค์ชายใหญ่ไม่ได้ และตระกูลฮิลล์ก็แสดงหลักฐานว่าแคทเธอรีนเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้
เรื่องราวทั้งหมดจึงหยุดชะงัก
คลิฟและราอูลรีบออกจากเมืองหลวงในวันนี้ เพราะข่าวที่เป็นความลับและเชื่อถือได้ของวิหารแคลร์ปรากฏตัวในประเทศสวิทและดูเหมือนจะถูกตามล่าด้วยคลิฟใจร้อนไม่ได้สงสัยเพื่อนสนิทที่คบมานานเขารีบไปยังประเทศเล็กๆนี้เพื่อช่วยแคลร์ทันทีพร้อมกับราอูล
เพียงสองวันหลังจากคลิฟและราอูลออกไปเหตุการณ์การวางยาก็มีการเคลื่อนไหว
แคทเธอรีนฮิลล์ยอมรับว่าองค์ชายสองสั่งให้วางยาองค์ชายใหญ่! วันพรุ่งนี้จะมีการตัดสินต่อหน้าสาธารณะ
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” ในบ้านของเฟล็ปส์แคลร์เกือบจะคว่ำโต๊ะนางตบโต๊ะอย่างดุเดือดและตะโกนใส่สีเฉ่าฉี “เป็นไปได้อย่างไร!เจ้าไปเอาข่าวมาจากไหน? ใครเป็นคนปล่อยข่าว?”
“ข่าวนี้กำลังแพร่กระจายในเมืองหลวงและจะมีการพิจารณาคดีต่อหน้าสาธารณะชนในวันพรุ่งนี้”สีเฉ่าฉีพูดด้วยความเสียใจ เรื่องนี้รู้กันทั้งเมืองแล้วเขาจะกุข่าวขึ้นได้อย่างไรล่ะ?
“เป็นไปไม่ได้!ข้าเคยแอบไปเจอท่านแม่อย่างลับๆ มาแล้วท่านแม่ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้หรอก!” หัวใจของแคลร์กระวนกระวายโกรธและกังวลอารมณ์ด้านลบทั้งหมดทำให้นางเสียสติ
“ท่านนักบุญ ใจเย็นๆ ลงหน่อย” เฟล็ปส์ปลอบ “ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ แม่ของท่านจะทำแบบนั้นได้อย่างไร”
“แต่ว่า มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้นางจะถูกบังคับ” สีเฉ่าซื่อพูดอย่างใจเย็น
“ใจเย็นๆ ท่านนักบุญใจเย็นๆ นะ” สีเฉ่าฉีกลัวแคลร์จะถล่มห้องนี้เพราะเมื่อแคลร์ฟื้นพลังได้แล้วทุกคนต้องอ้าปากค้างพลังของแคล์อยู่ในระดับจอมเวทศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงแล้ว!อายุยังน้อยเท่านี้ ก็ทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเติบโตไปอีกจะยังสู้ไหวหรือ?! ถ้าพวกเขารู้ว่าแคลร์ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ ความจริงนางได้ถึงจอมเวทชั้นเซียนขั้นสูงแล้ว พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรนะ?
แคลร์ค่อยๆ สงบสติอารมณ์นั่งลงและคิด “ไม่นางไม่มีทางรับการขู่ใดๆ ไม่มีเรื่องอะไรหรือของสิ่งใดที่ขู่นางได้”แคลร์คิดอย่างใจเย็น
“เช่นนั้นจะมีสาเหตุอะไรล่ะ?” สีเฉ่าฉีกะพริบตาด้วยความงงงวย “ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขู่บังคับหรอก การล่อลวงหรือเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนแต่ท่านบอกว่าไม่มีอะไรมาขู่ได้ เช่นนั้นทำไมจู่ๆ แม่ของท่านจึงกลับคำล่ะ ?”