“ตัด!” เฮยหยู่ตะโกนเสียงต่ำ ทำท่าเดียวกับไป๋ตี้ทั้งสองคนก้มลงเล็กน้อย สะบัดมือขวามือซ้ายจับที่ข้อมือขวาแน่นฝ่ามือของทั้งสองคนเปล่งพลังสีดำดุดันและสีขาวออกมาทันทีพลังรวมตัวกันกลางอากาศราวกับมีดแหลมคม ใบมีดผ่ากลางอากาศเข้าหาพายุแสงนั้น
พายุแสงถูกตัดออก เผยให้เห็นพื้นที่ว่างตรงกลาง ทุกอย่างทั้งสองด้านของแคลร์เหลือเพียงเถ้าถ่าน
รวมไปถึง ร่างของแคทเธอรีนด้วย…
แคลร์มองร่างของแคทเธอรีนหายไปในพริบตาและดูเหมือนว่าเลือดของนางจะแข็งตัว มันเหมือนกับอยู่ในธารน้ำแข็งพันปี
ท่านแม่!
ท่านแม่!
ในเวลานี้ดวงตาของแคลร์มีเพียงรอยยิ้มที่อ่อนโยนและเป็นทุกข์ครั้งสุดท้ายของแคทเธอรีน
แคลร์จะจดจำไว้ในใจว่าหลังจากที่ตนเองเข้ามาในโลกนี้แคทเธอรีนเป็นคนแรกที่ยิ้มให้ตนเองอย่างอ่อนโยนและห่วงใยตนเองจริงๆ แม้ว่าจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่แคลร์คนก่อน แต่แคทเธอรีนก็ยังคงใช้ชีวิตของนางเพื่อปกป้องตนเอง
หญิงผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนผู้นั้นตอนนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ไม่มีทั้งร่างกาย และขี้เถ้าก็หายไปแล้ว
อูมาริอาจารย์ผู้สอนตนเองด้วยใจจริงให้ทำทุกอย่าง ตอนนี้ร่างกายเย็นเยียบจมกองเลือด ในช่วงสุดท้ายเขาก็ยังคงเรียกชื่อของแคลร์
ความเกลียดชัง ความเกลียดชังมหาศาลถาโถมเข้ามา ทำให้จิตใจของนางจมดิ่งและกลืนกินวิญญาณของนางไป
ไป๋ตี้และเฮยหยู่ยังคงดื้อดึงที่จะต่อต้านการโจมตีของเทพีแห่งแสงเทพเจ้าแห่งความมืดโจมตีเทพีแห่งแสง แต่มีผลเพียงเล็กน้อย ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองหน้ากันแล้วทั้งคู่ก็เห็นความกังวลในดวงตาของกันและกัน ความสามารถของพวกเขาไม่สามารถต้านไว้ได้นานนักแต่ว่า ทำได้เพียงซื้อเวลาเท่านั้นเทพเจ้าไม่สามารถลงมาที่โลกนี้ได้นานเกินไป แค่ยื้อเอาไว้จนกว่าเทพีแห่งแสงจะจากไปก็จบแล้ว
แต่ว่า พวกเขาจะยื้อไปได้ถึงเมื่อไหร่ล่ะ?พวกเขาในตอนนี้ไม่ใช่พวกเขาในเมื่อก่อน มันยังเร็วเกินไปจึงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นัก
ไม่มีใครสังเกตเห็นการแสดงออกของแคลร์ในตอนนี้เลยแคลร์ก้มหน้าลงดวงตามองลงตรงที่ที่แคทเธอรีนหายตัวไป แล้วดวงตาของแคลร์ก็กลายเป็นความว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่ในดวงตาของนางเลย
หัวใจว่างเปล่า ดวงตาว่างเปล่า
“ท่านแม่.. ” แคลร์พูดสองคำออกมาอย่างเงียบๆ
คำสองคำนี้แผ่วเบาราวกับเสียงเวทมนตร์ที่เข้าหูของพวกเขาทะลุเข้าแก้วหูของทุกคนและแม้แต่วิญญาณของพวกเขาด้วย
ไป๋ตี้และเฮยหยู่ขมวดคิ้วแน่น พลังอันเฉียบคมและน่าสะพรึงกลัวนี้ได้กลืนกินหัวใจและแม้แต่จิตวิญญาณของพวกเขาไป
เทพีแห่งแสงและเทพเจ้าแห่งความมืดก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน อารมณ์ของพวกเขาไม่มั่นคงทันที และคาถาของพวกเขาก็หยุดร่ายไป
ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคนพายุทอร์นาโดสีดำที่มีแคลร์อยู่ตรงกลางก็พัดมาทันทีและมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แคลร์ยืนอยู่ตรงกลาง ดวงตาของนางไม่ได้มองไปที่ใด ผมและเสื้อผ้าของนางปลิวไสวเสน่ห์ร้ายกาจที่ไม่อาจบรรยายได้ แต่มันเผยให้เห็นความเศร้าความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อยิ่งไปกว่านั้นคือดวงตาสีเขียวของ แคลร์ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำและผมสีทองของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำด้วย มันกลายเป็นสีเข้มขึ้นและมืดลงดวงตาของแคลร์ดูล้ำลึก และผมสีดำปลิวไสวของนางก็ราวกับหมึก
หญิงผู้มีสีดำทั้งสอง! ผมดำและตาดำ!
หญิงผมดำตาดำในตำนาน! ตำนานที่ว่าสามารถนำความมืดมาล้มล้างแสงสว่างได้!
ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างมากกับภาพตรงหน้า
หรือว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริง?
สีหน้าของเทพีแห่งแสงซีดลง แล้วก็ยิ่งกังวลมากขึ้นหลังจากที่ได้สติ! เดิมทีคิดว่าหญิงผู้นี้ถูกตีตราสีดำและวิญญาณเป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบดังนั้นจึงต้องถูกทำลาย คาดไม่ถึงว่านางจะยังเป็นหญิงผู้มีสีดำทั้งสองในตำนานด้วย! ยิ่งปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาดนางจะต้องตายวันนี้ นางจะต้องถูกกำจัด!
ความยินดีเกิดขึ้นในหัวใจของเทพเจ้าแห่งความมืด เขามั่นใจแล้วว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาจะล้มล้างแสงสว่างได้อย่างแน่นอนมันคุ้มค่าที่จะออกมาในวันนี้เพื่อต่อสู้กับเทพีแห่งแสงแล้ว!
“แสงพิฆาต!” เวลานี้คทาในมือของเทพีแห่งแสงถูกแทนที่ด้วยดาบขนาดใหญ่และก็โจมตีก่อนที่ทุกคนจะได้สติ เวลาเหลืออีกไม่นานแล้ว จะต้องจัดการหญิงผู้นี้ให้ได้ก่อนไป!
เทพเจ้าแห่งความมืดจะปล่อยให้นางทำสำเร็จได้งั้นหรือ?
ลมปราณสีดำก่อตัวเป็นโล่ทันทีต่อหน้าแคลร์เทพเจ้าแห่งความมืดก็กังวลเช่นกัน เวลาของเขากำลังจะหมดลงแล้วเขาอยู่ได้อีกไม่นานนัก เวลาของเขาสั้นกว่าของเทพีแห่งแสงเสียอีกเพราะว่าที่แห่งนี้ถูกปกครองโดยเทพีแห่งแสง ทุกอย่างจึงเป็นประโยชน์ต่อนางมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ปรากฏตัวหรือพลังหากว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่ต่อสู้กับเทพีแห่งแสงตอนนี้เทพเจ้าแห่งความมืดก็ยินดีที่จะปกป้องแคลร์ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่ได้ทำสิ่งใดเพิ่มเติมพวกเขายังยืนอยู่ตรงหน้าแคลร์เพื่อสร้างโล่อีกครั้งทั้งคู่รู้สึกหวาดหวั่นการป้องกันนี้ดูท่าจะไร้ประโยชน์
การโจมตีของเทพีแห่งแสงไม่ใช่เรื่องเล็กเลยมันคือดาบปล่อยออกมาด้วยพลังทั้งหมดของนาง
ดาบพุ่งเข้าโจมตีโล่ที่ของเทพเจ้าแห่งความมืดมันปะทะเข้ากับโล่อย่างรุนแรง โล่สีดำสั่นเล็กน้อยต่อต้านการโจมตีของพลังนี้ ไป๋ตี้กับเฮยหยู่ขมวดคิ้ว ไม่ดีแล้วทันใดนั้นโล่สีดำแตกเป็นเสี่ยงๆ เวลาของเทพเจ้าแห่งความมืดหมดลงแล้วเทพแห่งความมืดส่งเสียงอย่างไม่พอใจก่อนหายไป พลังที่น่ากลัวนั้นจึงกระแทกโล่ที่สร้างโดยไป๋ตี้และเฮยหยู่อีกครั้ง
ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่กล้าที่จะประมาท พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาโล่ไว้
“ดอกบัวฝันร้าย…” ดวงตาของแคลร์ยังคงว่างเปล่า สะบัดดาบในมือของนางเบาๆ และฟันมันออกไปด้วยน้ำเสียงทรงพลัง
แคลร์เหวี่ยงดาบ ไม่เห็นอะไรอยู่ข้างหน้าทั้งนั้นไม่มีพลังดาบไม่มีเปลวไฟ
แต่ว่าไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางรู้สึกได้ถึงพลังอันรุนแรงที่ตัดผ่านอากาศ จากนั้นก็ตัดโล่ที่พวกเขาสร้างขึ้นกระแทกเข้ากับดาบของเทพีแห่งแสง คมดาบตัดพลังของเทพีแห่งแสง แล้วพลังแห่งความว่างเปล่าก็พุ่งเข้าใส่เทพีแห่งแสงโดยตรง! ลำแสงที่ถูกตัดออกไม่ได้กระจายไปทั้งสองด้าน แต่รวบเข้าด้วยกัน แล้วโจมตีแคลร์อย่างบ้าคลั่ง
“แคลร์!” ไป๋ตี้และเฮยหยู่เรียก ทั้งคู่ไม่มีความคิดใดๆ เลย ต่างก็ช่วยกันปิดกั้นลำแสงทั้งสองด้านให้แคลร์
ตูม…
เสียงดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ลำแสงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนเกิดเป็นแสงสว่างไสว
เทพีแห่งแสงถูกโจมตีด้วยพลังจากแคลร์อย่างกะทันหัน ในดวงตาของนางแสดงความโกรธและไม่พอใจ และร่างของนางก็หายไปอย่างช้าๆ เวลาของนางหมดลงแล้ว นางไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่านางลงมาด้วยตัวเองแล้วจะจัดการกับมนุษย์คนเดียวไม่ได้
ไป๋ตี้และเฮยหยู่สกัดการโจมตีอย่างรุนแรงให้แคลร์ทำให้ทั้งสองหมดเรี่ยวแรงทั้งหมดไปเลยในตอนนี้
หลังจากเสียงดัง ก็ไม่มีมีชายหนุ่มรูปงามสีดำและสีขาวอยู่ที่เดิมแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือเจ้าก้อนลูกชิ้นสีดำและสีขาวสองลูกนั่นเอง
แคลร์ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ดวงตาของนางก็ยังคงเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
สภาพแวดล้อมรอบๆ ว่างเปล่าไกลออกไปนั้นศพของอูมาริที่แยกเป็นสองท่อนน่าสลดใจราเซียและลาเกอร์ยังไม่ได้สติเลือดไหลออกมาจากมุมปาก พวกเขาไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกนั้นได้ ดยุกกอร์ตั้นยังคงล้มลงเหมือนตาย เท้าข้างหนึ่งของพระสันตปาปาหายไปและเขาก็หน้าซีดอยู่ในอาการที่หนักเลย
แคลร์มองไม่เห็นสิ่งใดเลย ในใจของนางก็ไม่มีสิ่งใดอยู่เลยเช่นกัน
เพียงแค่ยืนอยู่ในสถานที่นั้นอย่างนิ่งๆ
“จี๊บๆ”
“ฮู่ๆ”
ไป๋ตี้และเฮยหยู่กระโดดรอบเท้าของแคลร์ด้วยความกังวลและเป็นห่วง
แต่แคลร์ก็ยังคงไม่ตอบสนอง
หัวใจนาง ดูเหมือนว่าจะแหลกสลายไปแล้ว
ในเวลานี้ค่ำคืนก็มืดลงไปอีก
ไป๋ตี้และเฮยหยู่เงยหน้าขึ้นและกระโดดขึ้นอย่างร้อนใจ
เพียงเพราะเมฆดำจำนวนมากในท้องฟ้าเข้ามาปกคลุมจากทุกทิศทางสายฟ้าสว่างวาบในเมฆสีดำมืดฝนฟ้าคะนอง สิ่งที่แคลร์จะเผชิญในครั้งนี้คือสายฟ้าทั้งสิบตอนที่ต่อสู้กับพระสันตะปาปาที่มีทูตสวรรด์อยู่ด้วยได้จบไปแล้ว แต่ว่าสายฟ้าในตอนนี้กลับปรากฏขึ้น จินตนาการได้เลยว่าสายฟ้าในครั้งนี้จะน่ากลัวมากเพียงใด
แคลร์มองไม่เห็นหรือได้ยินอะไรเลย เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ไป๋ตี้และเฮยหยู่ตื่นตระหนก พวกเขาเข้าใจว่าในตอนนี้แคลร์จมอยู่กับความเจ็บปวดและความเกลียดชังไม่รู้จบจิตใจของนางก็คงจะมืดไปหมด ไม่สามารถเรียกสตขึ้นมาเพื่อเผชิญกับสายฟ้าในตอนนี้ได้ และพวกเขาก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าตอนนี้แคลร์จะมีสติ แต่นางก็ไม่สามารถรับสายฟ้าทั้งสิบนี้ได้อย่างปลอดภัยแน่!
เสียงดังก้อง…
เสียงครืนดังขึ้นหลังสายฟ้าฟาดผ่านท้องฟ้าไป๋ตี้และเฮยหยู่กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของแคลร์และร้องเรียกอย่างกระตือรือร้นหวังว่าแคลร์จะได้สติขึ้นมา แต่แคลร์ก็ยังคงไม่ตอบสนอง
เมฆครึ้มเต็มท้องฟ้า ฟ้าร้องและฟ้าผ่ากระทบกันและส่งเสียงคำราม ดูน่ากลัวนัก
“จี๊บๆ!” ไป๋ตี้กระวนกระวายและอ้าปากกัดติ่งหูของแคลร์ให้ได้สติขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเฮยหยู่เห็นเขาก็กัดติ่งหูอีกด้านหนึ่งของแคลร์พยายามที่จะปลุกแคลร์
ในที่สุดตาของแคลร์ก็เริ่มมองเห็นได้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองฟ้าร้องและฟ้าผ่าที่อยู่เหนือศีรษะ ดวงตาของนางนิ่งเฉยและก็ยังไม่ขยับ
เปรี้ยง……
ในที่สุดสายฟ้าที่หนาพอๆ กับเสาก็ตกลงมาเข้าหาแคลร์
แคลร์เงยหน้าขึ้นมองไปที่สายฟ้าอย่างเงียบๆ ซึ่งมันกำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของนางสงบและไม่ไหวติง
บางที ให้มันลงมาเลยก็จะดีที่สุด ไม่ใช่หรือ?
วินาทีต่อมาแคลร์ก็ตกตะลึง
มือแกร่งกอดนางแน่นและแคลร์ก็ตกลงไปอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น เบื้องหน้าคือใบหน้าที่งดงามและคุ้นเคย
ดวงตาสีดำเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นผมสีแดงเพลิงที่กำลังปลิวไสวไปตามสายลม
เป็นเจ้าเองหรือ? ทำไมเป็นเจ้าอีกแล้วล่ะ?