เสน่ห์คมดาบ – ตอนที่ 192

สีหน้าของหัวหน้าเมอร์แมนขาวซีด เขากัดฟันมองชีอ้าวชวางสักพักและพูดอย่างเย็นชา “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปกราบทูลราชาก่อน”

 

 

เหล่าเมอร์แมนรีบว่ายเข้าไปในเมือง

 

 

คราวนี้หัวหน้าเมอร์แมนรีบไปรีบกลับ ใบหน้าของเขาสง่างามอยู่ต่อหน้าทุกคนมองชีอ้าวชวาง “ท่านผู้มีพระคุณโปรดตามข้าเข้าไปในเมือง เพียงแต่ราชาตรัสว่าให้ท่านเข้าไปในเมืองได้แค่ผู้เดียวเท่านั้นโ”

 

 

เฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชีอ้าวชวางก็หันกลับมาพูดกับทุกคน “รอข้าอยู่ที่นี่” น้ำเสียงหนักแน่นที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทุกคนพยักหน้ารออยู่ที่เดิม

 

 

ชีอ้าวชวางขี่สัตว์เวทเลี่ยงน้ำตามหัวหน้าเมอร์แมนเข้าไปในเมืองที่เปล่งประกายนั้นเฉียวฉู่ซินมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางอย่างเป็นกังวล “อ้าวชวางจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ราชาเงือกจะไม่หลอกลวงใช่หรือไม่?”

 

 

“น่าจะไม่หรอก” ตงเฟิงโฮ่วมองชีอ้าวชวางที่อยู่ห่างออกไป “ถ้ามีปัญหาสัตว์เวทเลี่ยงน้ำจะบอกข้าทันที”

 

 

“หากเหล่าเงือกกล้าทำอะไรข้าจะทำลายที่นี่”เฟิงอี้เซวียนบีบมือแน่นพูดอย่างเย็นชา

 

 

สีเฉ่าฉีและสีเฉ่าซื่อกลอกตา หากมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ ยังจะต้องถึงมือนายน้อยเฟิงอีกหรือ? คุณหนูคนเดียวก็ทำลายที่นั่นราบเป็นหน้ากลองแล้ว ควรจะกังวลทางฝ่ายเงือกมากกว่า

 

 

ชีอ้าวชวางตามหัวหน้าเมอร์แมนเข้าไปในเมืองใต้น้ำทหารยามทั้งสองด้านของประตูเมืองยืนตรงถืออาวุธของพวกเขา เมื่อเห็นหัวหน้าเมอร์แมนเข้ามากับมนุษย์พวกเขาทั้งหมดก็มองชีอ้าวชวาง ความหวาดระแวงฉายชัดในแววตาของพวกเขา

 

 

เมื่อผ่านประตูเข้าสู่เมืองใต้น้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ เมืองนี้ไม่ต่างจากเมืองมนุษย์มากนัก มีถนนยื่นออกไปทุกทิศทาง เงือกที่ผ่านมาหยุดชะงักมองมนุษย์ที่อยู่หลังหัวหน้าเมอร์แมนด้วยความประหลาดใจ พวกเมอร์แมนได้ยินเหตุการณ์ในวันนี้ก็เข้าใจว่ามนุษย์ที่อยู่หลังหัวหน้าคือมนุษย์ที่ช่วยเพื่อนของพวกเขา แต่ในดวงตาของเหล่าเงือกยังมองมนุษย์ราวศัตรูความทรงจำที่เลวร้ายเกี่ยวกับมนุษย์ได้ฝังรากลึกลงไปเสียแล้ว

 

 

ชีอ้าวชวางไม่มีเวลาชื่นชมที่อยู่อาศัยและประเพณีของเงือกโดยรอบนางเดินตามหัวหน้าเมอร์แมนไปตามถนนสายกว้างนี้ผ่านจัตุรัสขนาดใหญ่ไปยังอาคารที่สูงที่สุดและงดงามที่สุด

 

 

“โปรดตามข้ามา” หัวหน้าเมอร์แมนพูดกับชีอ้าวชวางอย่างสุภาพ พาชีอ้าวชวางผ่านบันไดยาวและว่ายน้ำไปที่ห้องโถง

 

 

ผ่านบันไดยาวและประตูวังสูงมาถึงหน้าห้องโถงใหญ่ ในห้องโถงใหญ่ปรากฏร่างเงือกสองตนทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่สวยงามบนแท่นสูงสุด ครีบหางที่สูงและแข็งแรงสีดำลากยาวไปบนพื้นด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ สวมมงกุฎสีทองบนศีรษะของเขา สันนิษฐานได้ว่านี่คือราชาของเผ่าเงือก ส่วนเงือกที่อยู่ข้างๆนั้นดูอ่อนโยนและสวยงาม ร่างกายส่วนบนของนางถูกห่อด้วยสาหร่ายนุ่มๆ เพื่อปกปิดบางส่วนไว้ ร่างกายส่วนล่างของนางเป็นครีบหางสีเงินยาว สวมมงกุฎสีทองขนาดเล็ก คงเป็นราชินีแห่งเผ่าเงือก

 

 

“กราบทูลองค์ราชา มนุษย์มาแล้วพะย่ะค่ะ” หัวหน้าเมอร์แมนคำนับด้วยความเคารพแล้วก้าวออกไป

 

 

ดวงตาของเงือกทั้งหมดในห้องโถงจ้องอยู่ที่ร่างของชีอ้าวชวาง

 

 

“เจ้าเป็นมนุษย์ที่ช่วยคนของข้างั้นหรือ?” ราชาเงือกมองชีอ้าวชวางแล้วถามเบาๆ ด้วยความเชี่ยวชาญภาษามนุษย์

 

 

“สิ่งที่ข้าต้องการท่านน่าจะรู้เป็นอย่างดีว่ามันคืออะไร”ชีอ้าวชวางขี้เกียจเกินกว่าจะอ้อมค้อมจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ราชาเงือกขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ มนุษย์ผู้หยาบคายนี้เห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ตอนนี้นางกำลังพูดเงื่อนไขโดยไม่ตอบคำถามของตนเอง

 

 

คำพูดของชีอ้าวชวางจบลง เหล่าเงือกในห้องโถงก็ส่งเสียงเซ็งแซ่เห็นได้ชัดว่ามีบางคนที่เข้าใจภาษาของชีอ้าวชวางสายตาของเงือกที่มองมานั้นแย่ลงทันทีพวกเขาทั้งหมดมองชีอ้าวชวางเหมือนว่าขอแค่ราชาเงือกออกคำสั่ง พวกเขาจะรีบไปขับไล่ชีอ้าวชวางออกจากเมืองของพวกเขาทันที

 

 

“สิ่งที่เจ้าต้องการไม่สามารถมอบให้เจ้าได้ สิ่งนั้นมีค่ามาก เจ้าควรเลือกอย่างอื่น” ราชาเงือกพูดจากนั้นปรบมือเรียกเหล่าเงือกจากด้านหลังห้องโถงให้ยกกล่องหลายกล่องมา สิ้นเสียงสัญญาณของราชาเงือก เหล่าเงือกจึงเปิดกล่องออก ทันใดนั้นแสงหลากสีพร่างพราวก็พุ่งออกมาจากกล่องทำให้ดวงตาสว่างไสว ไม่จำเป็นต้องพูดเลย ภายในเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน

 

 

“เจ้ามนุษย์ สิ่งเหล่านี้เป็นของเจ้าทั้งหมดนี่คือคำขอบคุณที่ช่วยชีวิตคนของเรา” ราชินีเงือกยิ้มและส่งสัญญาณให้เหล่าเงือกถือกล่องไปให้ชีอ้าวชวาง สิ่งของในกล่องไม่ใช่เครื่องประดับทองและเงินธรรมดาๆ สิ่งของในกล่องเหล่านี้เพียงพอที่จะซื้อของได้ครึ่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียวราชาและราชินีเงือกมองหน้ากันพวกเขาไม่เชื่อว่ามนุษย์ผู้นี้จะไม่แยแสสิ่งเหล่านี้

 

 

ใครจะรู้ว่าช่วงเวลาต่อมา ชีอ้าวชวางทำเพียงแค่โบกมือเบาๆ กล่องเหล่านั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งของกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ชีอ้าวชวางไม่ได้มองสิ่งของมีค่าเหล่านั้น แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านหูหนวกหรือไม่เข้าใจที่ข้าพูด?” สำหรับเผ่าพันธุ์ที่ภาคภูมิใจมากเกินไปเหล่านี้ เหล่าเงือกที่ชอบคิดแทนผู้อื่น ความอดทนถึงขีดจำกัดแล้ว จุดประสงค์ดั้งเดิมของชีอ้าวชวางก็คือถ้าอีกฝ่ายให้ก็จะยอมไปแต่โดยดี แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็จะแย่งมันมา อย่างไรก็ต้องได้ขนนกเทพเจ้า ตอนนี้ทัศนคติที่ไม่ดีของเผ่าเงือกทำให้ชีอ้าวชวาไม่เกรงใจอีกต่อไป

 

 

“บังอาจ!” ในที่สุดใบหน้าของราชาเงือกก็เปลี่ยนไป เขาตบที่เท้าแขนของบัลลังก์มองชีอ้าวชวาง

 

 

เหล่าเงือกทั้งสองด้านของห้องโถงชี้ส้อมเหล็กทั้งหมดในมือของพวกเขาไปที่ชีอ้าวชวาง รอเพียงคำสั่งจากราชาพวกเขาก็จะโยนส้อมเหล็กในมือไปแทงมนุษย์ผู้หยิ่งผยองนี้ให้เละเลย!

 

 

ชีอ้าวชวางมองท่าทางของเหล่าเงือกในห้องโถงแล้วหัวเราะเยาะ “เผ่าเงือกมีลักษณะเช่นนี้หรือ? ปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณด้วยความร้ายกาจงั้นหรือ?”

 

 

“เจ้าก็ช่วยคนของเราเพื่อหวังสิ่งตอบแทนเช่นกัน!” ใบหน้าที่สวยงามของราชินีเงือกก็โกรธเช่นกัน นางตอบโต้ไปอย่างรวดเร็ว

 

 

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ช่วยเผ่าของพวกเจ้าเอาไว้แล้วยังพาพวกเขากลับมาส่งอย่างปลอดภัยด้วย ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับจุดจบจากการถูกแยกขาควักลูกตาและเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นเทียน ข้าคือผู้มีพระคุณของพวกเจ้า ข้อเท็จจริงนี้ไม่ต้องสงสัยเลย” ชีอ้าวชวางประกาศอย่างเย็นชา

 

 

“เจ้า!” ราชาเงือกตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาไม่เคยเห็นมนุษย์หน้าด้านเช่นนี้มาก่อนเลย!แต่เมื่อคิดถึงการกระทำที่โหดร้ายที่ประชาชนของเขาได้ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหล่าเงือกทั้งสองด้านของห้องโถงมองชีอ้าวชวางด้วยความโกรธราวกับว่าชีอ้าวชวางเป็นศัตรูของเผ่าเงือก

 

 

“เผ่าเงือกช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าขันจริงๆ ในสายตาของพวกเจ้า ข้าคือมนุษย์ที่ทรมานเผ่าของเจ้า ไม่ใช่ผู้มีพระคุณที่ช่วยเพื่อนของเจ้าสินะ” ชีอ้าวชวางมองดวงตาของเงือกในห้องโถงด้วยความเย้ยหยันน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประชดประชันและเยาะเย้ย สายตาที่มองราชาเงือกเต็มไปด้วยความดูถูก

 

 

เป็นครั้งแรกที่ราชาเงือกถูกมนุษย์มองด้วยท่าทางเช่นนี้ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเผ่าเงือกผู้เย่อหยิ่งก็มีวันที่ถูกมนุษย์ดูหมิ่นเช่นกัน

 

 

ที่สุดแล้วราชาเงือกก็คือราชา เขาค่อยๆสงบลงแล้วยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้เหล่าเงือกทั้งสองข้างของห้องโถงวางอาวุธลง ไม่ว่ามนุษย์ตรงหน้าจะมีจุดประสงค์อะไร พวกเขาก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผ่าของพวกเขา

 

 

“แค่กๆ…” ราชาเงือกกระแอมเบาๆ ปกปิดความลำบากใจของเขาแล้วพูด “ท่านผู้มีพระคุณขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตคนของเราโปรดยกโทษให้เราสำหรับการกระทำที่ความหยาบคายของเราด้วยแต่ว่าสิ่งที่ขอมาข้าไม่สามารถให้เจ้าได้ โปรดร้องขออย่างอื่นเถอะ”

 

 

“ข้าบอกแล้วว่าข้ามาเพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น สิ่งของอื่นๆ ข้าไม่ต้องการ” ชีอ้าวชวางมองราชาเงือกอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้เลย

 

 

“เจ้า! อย่าให้มากเกินไปนะ! เจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ใด! นี่คืออาณาจักรเงือกของเรา สถานที่ที่เจ้ากำลังเหยียบอยู่คือดินแดนแห่งเผ่าเงือกของเรา!” ราชินีเงือกยืนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวตะโกนใส่ชีอ้าวชวางมนุษย์มีความก้าวร้าวและยั่วยุผู้มีอำนาจซ้ำแล้วซ้ำเล่าจริงๆ “จับนางแล้วส่งตัวออกไปพร้อมกับเครื่องประดับเหล่านั้น!”

 

 

ราชาเงือกหรี่ตาลงไม่ขยับตัว เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับการกระทำของราชินีเงือก มนุษย์ผู้นี้ไม่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีกล้าหาเรื่องกับความภาคภูมิใจของเผ่าเงือกอยู่ตลอดเวลา ท้าทายศักดิ์ศรีของราชวงศ์ของพวกเขา

 

 

เหล่าเงือกในห้องโถงมองมนุษย์ตรงหน้าพวกเขาอย่างไม่พอใจ การให้ทรัพย์สมบัติของอาณาจักรแก่เขานั้นเป็นการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว มนุษย์ผู้นี้ยังคงยั่วยุพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อีก

 

 

เหล่าเงือกในห้องโถงกำส้อมเหล็กไว้ในมือของพวกเขาแน่น

 

 

“หึ!” ชีอ้าวชวางส่งเสียงกร้าวด้วยใบหน้าเย็นชา ส่งคลื่นพลังที่น่ากลัวและทรงพลังออกไปโดยที่มีนางเป็นศูนย์กลางเหล่าเงือกราวได้ยินเสียงดังข้างๆ หู สมองของพวกเขาแทบจะระเบิดจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ปลิวกระแทกกำแพงทั้งสองด้านของห้องโถงใหญ่ ทั้งห้องโถงดูเหมือนสั่นสะเทือน ในช่วงเวลาต่อมาชาวเงือกทุกคนนอนอยู่บนพื้น ลุกขึ้นมาไม่ได้ ตรงกลางห้องโถงมีเพียงชีอ้าวชวางเท่านั้นที่ยืนอยู่มองราชาและราชินีเงือกในห้องโถงอย่างเย็นชาและภาคภูมิ ดวงตาเย็นชาทำให้พวกเขาสั่นเทา

 

 

ราชาเงือกลุกขึ้นอย่างรวดเร็วมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในห้องโถงด้วยความหวาดกลัวริมฝีปากของเขาขยับแต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ ราชินีเงือกตกใจมาก ดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก คิดไม่ถึงว่าเด็กที่ดูอ่อนแอผู้นี้จะมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้

 

 

“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย สิ่งที่ข้าต้องการคือขนนกเทพเจ้า” ดวงตาของชีอ้าวชวางคมขึ้นมาในทันที พลังที่มองไม่เห็นและไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ระเบิดออกมาในทันที

 

 

ทั้งห้องโถงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ใบหน้าของราชาเงือกกลายเป็นซีดนี่ไม่ใช่ภาพลวงตา ก้องโถงสั่นจริงๆ ราชินีเงือกจับไว้บนที่เท้าแขนของบัลลังก์ ใบหน้าของนางซีดมองมนุษย์ที่ยืนอยู่บนห้องโถงด้วยความไม่เชื่อ นางไม่เคยคิดว่ามนุษย์ผู้นี้จะมีพลังที่น่ากลัวขนาดนี้ ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ช่วยเพื่อน แต่ชายหนุ่มผู้นี้ก็มีความสามารถในการต้อนสิ่งที่ต้องการจากพวกเขาได้อย่างแน่นอน

เสน่ห์คมดาบ

เสน่ห์คมดาบ

แคลร์ ฮิลล์ คุณหนูใหญ่สุดสำรวยแห่งตระกูลขุนนางชั้นสูงผู้มีชื่อฉาวคาวกะฉ่อนว่าโง่เง่า เอาแต่ใจและบ้าผู้ชายเป็นชีวิตพลัดตกจากหลังม้าขณะไล่ตามองค์ชายสองจนหมดสติ สร้างความอับอายให้กับตระกูลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นเมื่อหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังเท้า ไม่มีอีกแล้วคุณหนูไร้ยางอายที่คลั่งไคล้การไล่จับบุรุษรูปงาม เรื่องเรียนไม่เอาอ่าว เรื่องงานไม่เอาไหน จะมีก็แต่คุณหนูแคลร์ผู้สงบเสงี่ยมเยือกเย็น สำรวมท่าที และเปี่ยมไปด้วยพลังเวทอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่านั้น! เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูแคลร์คนนั้นกันแน่นะ!?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset